ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ 083-792-5426

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามตำแหง บางกะปิ 083-792-5426

วันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556

พ่อโหดกรอกยาเบื่อหวังฆ่าลูกน้อย3คน


เมื่อเวลา 00.15 น. วันที่ 16 มี.ค. ร.ต.อ.จรูญ สังขารา ร้อยเวร สภ.เมืองตรัง ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลตรัง ว่ามีเด็ก 3 คน เป็นเด็กชาย 2 หญิง 1 อายุระหว่าง 3-6 ขวบ ถูกวางยาพิษ และนำตัวเข้ามารักษาที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลตรัง อ.เมือง จ.ตรัง จึงรีบไปตรวจสอบ พบทีมแพทย์และพยาบาลต้องเร่งล้างท้องเพื่อช่วยชีวิตเด็กน้อย 3 คน ประกอบด้วย ด.ช.ไก่  อายุ 6 ขวบ ด.ญ.น้อย อายุ 4 ขวบ และด.ช.ต้น อายุ 3 ขวบ (ทั้งสามคนนามสมมุติ) ซึ่งถูกนายเทพ (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี พ่อแท้ๆ กรอกยาเบื่อหนูชนิดเม็ดที่บดแล้วให้กินหวังฆ่าให้ตาย ส่วนตัวเองก็อ้างว่ากินไปด้วย 2 เม็ดและอยู่ในอาการเซื่องซึมตลอดเวลา  เหตุเกิดที่บ้านเช่าหลังหนึ่งใน ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง
 
จากการสอบถามนายโต(นามสมมุติ) ซึ่งเป็นตาของเด็กๆทั้งสามคน ให้การว่านายเทพพ่อเด็กไม่ทำงานทำการ กินเหล้าทุกวัน แถมยังมีประวัติเสพยาจนต้องเข้ารับการบำบัด และมีปัญหาทะเลาะกับน.ส.ศรีนวล (นามสมมุติ) ผู้เป็นภรรยา และเป็นแม่เด็กทั้งสามคนเป็นประจำ จนทุกคนในครอบครัวเอือมระอา ในระยะหลังน.ส.ศรีนวล ทนไม่ไหวขอแยกทาง และนำลูกๆย้ายออกมาอาศัยกับตนที่บ้าน ยิ่งสร้างความคลุ้มคลั่งหนักขึ้นในกับนายเทพ  โดยเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา นายเทพใช้มีดจี้บังคับภรรยาจากที่ทำงานกลับบ้านเช่า และแทงที่แขนของภรรยาได้รับบาดเจ็บ มีการเข้าแจ้งความกับตำรวจ
ทั้งนี้ก่อนเกิดเหตุสลดครั้งล่าสุด นายเทพได้หลอกว่าจะหาซื้อของกินมาให้ลูก แล้วพาลูกๆมานอนที่บ้านเช่าด้วยกัน จนกระทั่งตนนึกเอะใจขึ้นมา  เพราะพ่อเด็กเคยขู่ว่าจะจับกรอกยาให้หมด ตนจึงตามมาดูหลาน ซึ่งเห็นพ่อเด็กนั่งอยู่หน้าบ้านเมื่อสอบถามก็บอกว่าให้ลูกกินยาหมดแล้ว และตนเองก็กินด้วย 2 เม็ด เมื่อเข้าไปดูหลานในห้องนอนก็พบว่าถูกคลุมโปงด้วยผ้าปูที่นอน  ใกล้ที่นอนพบยาเบื่อหนู 2 เม็ด และเศษผงยาตกอยู่ เมื่อเปิดผ้าออกดูพบว่าหลานคนโตและน้องคนเล็กนอนหลับนิ่งไปแล้ว ส่วนหลานคนกลางมีอาการอาเจียนอย่างหนัก จึงรีบนำขึ้นรถส่งรพ.ตรัง พร้อมกันทั้งหมด
 
ต่อมาน.ส.ศรีนวล แม่ของเด็กได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับสามีตัวเองอีกรอบในข้อหาพยายามฆ่า ส่วนอาการของเด็กๆทั้งสามคน แพทย์ช่วยชีวิตไว้ได้ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว แต่ต้องใช้เวลาพักฟื้นสักระยะหนึ่ง เนื่องจากอ่อนเพลียจากอาการอาเจียน ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ที่ทราบเรื่อง ต่างพากันสาปแช่งนายเทพที่เป็นคนโหดร้าย ทำกับลูกในไส้ตัวเองได้ลงคอ โชคดีที่เด็กทั้งสามปลอดภัยเพราะยายังไม่ออกฤทธิ์

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบประวัติ  พบว่านายเทพพ่อโหดรายนี้ เมื่อปี 55 เคยคลุ้มคลั่ง ปีนป้ายโฆษณาสูง 10 ชั้น ที่จ.ภูเก็ต โดยขู่จะฆ่าตัวตายหลังจากทะเลาะกับภรรยา สุดท้ายภรรยาโทรศัพท์กล่อมจนยอมปีนลงมาโดยดี จนกระทั่งมาก่อเหตุสลดในครั้งนี้อีก อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายเทพไว้แล้ว เนื่องจากเกรงว่าจะคลุ้มคลั่งไปก่อเหตุร้ายอีก 

ถล่มกำนันหญิงเมืองเพชรโคม่า




คนร้ายไม่ต่ำกว่า 3 คน ขับรถเก๋งตามประกบใช้อาวุธปืน 11 มม. 2 กระบอก กระหน่ำยิงถล่มกำนันหญิงบ้านลาดเมืองเพชร พุ่งเป้าปมเหตุขัดแย้งส่วนตัว ล่าสุดตำรวจได้หลักฐานออกหมายจับนายกอบต.กับลูกน้องคนสนิทแล้ว
เมื่อเวลา 00.10 น. วันที่ 16 มี.ค. ร.ต.ต.สนธยา เย็นใจ ร้อยเวร สภ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ไปตรวจสอบเหตุคนถูกยิงบนถนนเพชรเกษม ขาล่องใต้ ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 118-119 หมู่ 5 ต.ป่าไก่ อ.ปากท่อ
ในที่เกิดเหตุพบรถปิกอัพอีซูซุ ดีแม็ค สีเทา-ดำ  หมายเลขทะเบียน บธ 7918 เพชรบุรี  จอดอยู่ริมถนน สภาพด้านซ้ายและประตูด้านคนขับมีร่องรอยถูกยิงด้วยอาวุธปืนเป็นรูจำนวน 13  รู ส่วนคนเจ็บมีพลเมีองดีช่วยนำส่งโรงพยาบาลปากท่อ ทราบชื่อต่อมา คือ นางรำเพย วาดเขียน  อายุ 52 ปี มีบ้านพักอยู่หมู่ที่ 1 ต.โรงเข้ อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าบริเวณชายโครงด้านขวา 4 นัด อาการสาหัส ทางโรงพยาบาลปากท่อ รีบนำตัวส่งต่อไปที่โรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี เพื่อช่วยชีวิตเป็นการด่วน จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนขนาด 11 มม. ตกอยู่ 7ปลอก จึงเก็บรวบรวมใว้เป็นหลังฐาน
 สอบสวนทราบว่านางรำเพยคนเจ็บ  เป็นกำนันตำบลโรงเข้  อ.บ้านลาด และชอบเล่นวัวลาน(แข่งวัว) ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถคันดังกล่าวเดินทางมางานบวชที่บ้านหนองกลางดง  อ.โพธาราม   จ.ราชบุรี หลังจากนั้นได้เดินทางกลับบ้าน เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุมีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 3 คน ขับรถเก๋งไม่ทราบยี่ห้อ สี และหมายเลขทะเบียนขับแซงด้านขวาแล้วใช้อาวุธปืนขนาด 11 มม. จำนวน  2  กระบอก กระหน่ำยิงใส่ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่ามาจากความขัดแย้งเกี่ยวกับวัวลาน และปัญหาความขัดแย้งส่วนตัว
ล่าสุด พ.ต.อ.พิชัย  ปกป้อง ผกก.สภ.ปากท่อ ได้เข้าสอบสวนนางรำเพย ซึ่งอาการดีขึ้นมากแต่ยังพูดไม่ได้ สามารถสื่อสารความหมายด้วยเขียนเป็นหนังสือเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดทำให้เจ้าหน้าที่รู้ว่าใครคือคนร้าย  ซึ่งจากการตรวจสอบวงจรปิดรถคันก่อเหตุพบว่าเป็นของนายสมบัติ ขำละม้าย อายุ 45ปี อยู่บ้านเลขที่193หมู่6 ต.ชำแระ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี มีตำแหน่งเป็นนายกอบต.ชำแระ  สอดคล้องกับรายละเอียดที่ได้จากนางรำเพย  เจ้าหน้าที่จึงขออนุมัติหมายจับพร้อมลูกน้องคนสนิทคือนายสุวรรณ  ยีบุญ  อายุ 39 ปี   เจ้าหน้าที่กำลังติดตามตัวทั้งคู่มาดำเนินคดีต่อไป.

แห่ชม "แมงกะพรุนน้ำจืด" อันซีนไทยแลนด์







วันนี้ ( 17 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักท่องเที่ยวเริ่มเดินทางไปยลโฉมแมงกะพรุนน้ำจืดในลำน้ำเข็ก ที่ถือเป็นแหล่งกำเนิด และเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์อันซีนไทยแลนด์ เช่นเดียวกับทุกปีของช่วงเดือนมีนาคม ,เมษายน และพฤษภาคม ซึ่งแมงกะพรุนน้ำจืดจะมีเฉพาะในลำน้ำเข็ก เท่านั้น โดยเฉพาะที่บ้านแก่งกระจิบ หมู่ 12 ต.บ้านแยง อ.นครไทย จ.พิษณุโลก  กับในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง บ้านหนองแม่นา
สำหรับแมงกะพรุนน้ำจืดได้เริ่มค้นพบในจังหวัดพิษณุโลกเมื่อปี 2548 ที่บริเวณแก่งท่าเดื่อ บ้านเข็กพัฒนา ต.บ้านแยง อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ริมทางหลวงหมายเลข 12 พิษณุโลก-หล่มสัก กม.73-74 นั้น และบริเวณน้ำตกแก่งโสภา บริเวณ กม.ที่ 71-72 น้ำตกชั้นที่ 2 ที่เป็นแอ่งรับน้ำจากน้ำตกสูง 10 เมตร ที่พบว่าตามแอ่งน้ำนิ่งต่าง ๆ มีแมงกะพรุนน้ำจืดขนาดโตเต็มไวผุดว่ายขึ้นมาจำนวนมาก โดยหลังจากค้นพบที่บ้านเข็กพัฒนาเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2548 ชาวบ้านเข็กพัฒนา ได้เฝ้าติดตามการขึ้นผุดว่ายของแมงกะพรุนน้ำจืดมาอย่างต่อเนื่องมาทุกปี โดยจะเริ่มให้เห็นในช่วงเดือนมีนาคม ต่อเนื่องไปจนถึงเดือนเมษายน ชาวบ้านแถบนั้นเรียกว่า “แมงอีหยิบ”ตามลักษณะพฤติกรรม”หยุบเข้า หยุบออก”ของมันขณะกำลังว่ายน้ำ
นายพรชัย ศรีศักดิ์ นักวิชาการของกรมอุทยานฯ ที่ติดตามการผุดขึ้นของแมงกะพรุนน้ำจืด เปิดเผยว่า ในพื้นที่ 7 แสนไร่ของอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง มีลำน้ำเข็กเป็นแม่น้ำสายหลัก ไหลผ่านพื้นที่ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ และ อ.นครไทย อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ช่วงปี 2548 เริ่มมีการค้นพบแมงกะพรุนน้ำจืดในพื้นที่ 2 จุดสำคัญ คือ ที่แก่งวังน้ำเย็น หรือ หนองแม่นา ในเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง และพื้นที่แก่งท่าเดื่อ และน้ำตกแก่งโสภา บ้านเข็กพัฒนา ต.บ้านแยง อ.นครไทย จ.พิษณุโลก
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตามค้นหากลับพบว่าในปีนี้แมงกะพรุนน้ำจืด โผล่ช้ากว่าปกติ เนื่องจากพบเพียงแต่ไข่แมงกะพรุนน้ำจืด จำนวนมากที่กำลังรอฟักตัวอยู่ตามโขดหิน ซึ่งถือว่าปีนี้มีไข่จำนวนมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา เชื่อว่าอีกประมาณ 1-2 สัปดาห์ น่าจะได้เห็นแมงกะพรุนน้ำจืดฟักเป็นตัวว่ายลอยอวดโฉมตามแหล่งน้ำเข็ก หากไม่มีฝนตกลงมา ส่วนชาวบ้านเชื่อว่าสาเหตุที่แมงกะพรุนน้ำจืดฟักตัวช้าน่าจะมาจากสภาพอากาศที่แปรปรวนในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา เพราะมีทั้งฝนและอากาศที่ร้อนจัด จึงทำให้ไข่มีการฟักตัวช้า เพราะโดยปกติในช่วงนี้อากาศที่นี่จะมีความร้อนสูง แต่ปีนี้กลับมีฝนสลับไปมา จึงทำให้การฟักตัวของแมงกะพรุนน้ำจืดนั้นล่าช้าลง.

มหาสารคาม" อ่วม! พายุฤดูร้อนพัดถล่ม 3 อำเภอ







พายุฤดูร้อนพัดถล่ม 3 อำเภอในจังหวัดมหาสารคาม ส่งผลให้บ้านเรือนราษฎรเสียหายกว่า 100 หลัง ขณะที่ทางการเร่งเข้าไปให้ความช่วยเหลือแล้ว

วันนี้ ( 17 มี.ค.)  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลางดึกวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุพายุฤดูร้อนพัดถล่มใน 3 อำเภอ  จ.มหาสารคาม โดยนางสมทรง  ศรีสกุล  อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 94/1  หมู่ 4  บ้านหนองแวง  ต.บรบือ  อ.บรบือ  เล่าว่า ช่วงกลางดึกเกิดฝนตกหนัก  และลมกระโชกแรง  พัดเอาหลังคาบ้านของตนหายไปเกือบทั้งหลัง  ตั้งแต่เกิดมาตนยังไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน  ซึ่งบ้านของตนเป็นบ้าน 2 ชั้น โชคดีที่ตนนอนอยู่ชั้นล่าง ไม่ได้ขึ้นไปนอนบนบ้าน จึงโชคดีที่ตนไม่ได้รับบาดเจ็บ
 
ด้านเจ้าหน้าที่ป้องกันบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดมหาสารคาม ได้เร่งออกสำรวจพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ พบพายุฤดูร้อนได้พัดกระหน่ำบ้านเรือนราษฎรในเขตอำเภอบรบือ  อำเภอชื่นชม  และอำเภอเมืองมหาสารคาม  รวม 3 อำเภอ  3 ตำบล 9 หมู่บ้าน  มีบ้านเรือนที่ประสบภัย 119 หลังคาเรือน
ขณะที่ นายนพวัชร  สิงห์ศักดา  ผวจ.มหาสารคาม  พร้อมนางพูลทรัพย์  สิงห์ศักดา  นายกเหล่ากาชาดจังหวัด  และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพ และมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้น รวมทั้งมอบสังกะสี 697 แผ่น  ไม้ 213 ท่อน  และกระเบื้อง 82 แผ่น  ให้ชาวบ้านนำกลับไปซ่อมแซมบ้านเรือนโดยเฉพาะที่อำเภอบรบือ  พายุฤดูร้อนสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนราษฎรจำนวน 67 ครัวเรือน  บ้านพักอาศัยเสียหาย  41 หลัง  ยุ้งข้าว 1 หลัง  คอกสัตว์ 14 หลัง  และโรงเรือน 12 หลัง

วันเสาร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2556

รวบหนุ่มแต่งตำรวจขนแรงงานต่างด้าว


เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (16 มี.ค.)  พ.ต.อ.ดร.พงษ์นคร นครสันติภาพ ผกก.สตม.จว.ตาก(ด่านแม่สอด)  แถลงข่าวจับกุม นายปิยะพงษ์ หรือเอก ศรีโสภา อายุ 30 ปี ชาวปทุมธานี พร้อมของกลาง บัตรประจำตัวข้าราชการตำรวจ รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฌผ 5183กรุงเทพมหานคร ซึ่งใช้ในการกระทำผิด   โดยจับกุมได้บริเวณ หน้ามหาวิทยาลัยราชภัฎกำแพงเพชรแม่สอด  ทั้งนี้สืบเนื่องจาก  ชุดสืบสวนสตม.จ.ตาก ได้รับแจ้งเบาะแสว่า แก๊งค้ามนุษย์จะลักลอบ ขนแรงงานต่างด้าวไปส่งให้นายทุนในจ.ปทุมธานี จึงเฝ้าสะกดรอยดูพฤติกรรมจน ทราาบเบาะแสว่า ผู้ต้องหาจะใช้รถยนต์หมายเลขทะเบียน และยี่ห้อรุ่น ดังกล่าว เป็นพาหนะในการส่งแรงงานต่างด้าว จึงสะกดรอยตามจนสบ โอกาสจึงแสดงตัวเข้าขอตรวจค้นและจับกุม พบผู้ต้องหาแต่งกายตำรวจเต็ม ยศ ร.ต.อ. ตำแหน่งรองสว.สส. บกภ.จว.ลำปาง  ซึ่งพยายามเจรจาต่อรองกับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเพื่อขอให้ปล่อยตัว  พร้อมแสดงบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ  แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักเชื่อจึง ตรวจสอบจนพบว่าเป็นตำรวจปลอม  จึงขอตรวจค้นใรรถพบแรงงานต่างด้าวชาวพม่า ว่อนตัวอยู่ในรถ จึงควบคุมตัวทั้งหมดมาสอบสวนขยายผลที่ศูนย์ปฏิบัติการด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก 
จากการสอบสวนเบื้องต้น นาย ปิยะพงษ์ รับสารภาพ ว่า เคยเปิดฟาร์มเลี้ยงปลา และกุ้ง จำหน่ายในจ.ปทุมธานี แต่ธุรกิจขาดทุนเพราะน้ำท่วมเมื่อปี 54 ต่อมาประกอบกับได้รับการชักจูงจากลูกน้องที่เป็นแรงงานพม่าให้หันไปขนแรงงานต่างด้าวจากชายแดนแม่สอดมาส่งกรุงเทพฯ โดยได้ค่าจ้างรับส่งรายละ 10,000 บาท  ตนเห็นว่ารายได้ดี จึงหันมารับงานขนต่าวด้าว ส่วนบัตรข้าราชการ ตนได้สั่งจากนายสม ไม่ทราบชื่อสกุลจริงซึ่งลงโฆษณาทางอินเตอร์เน็ท และซื้อเครื่องแบบตำรวจมาแต่งเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและใช้เป็นใบเบิกทาง ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหานายตำรวจปลอมคนดังกล่าว ซ่อนเร้นหรือช่วยเหลือให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ปลอมแปลงและใช้เอกสารทางราชการ(บัตรประจำตัวตำรวจ สตช.) รวมทั้งแต่งกายและประดับเครื่องหมายพนักงานตำรวจเพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนมีสิทธิ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่สอด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

พ่อโหดกรอกยาเบื่อหวังฆ่าลูกน้อย3คน


เมื่อเวลา 00.15 น. วันที่ 16 มี.ค. ร.ต.อ.จรูญ สังขารา ร้อยเวร สภ.เมืองตรัง ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลตรัง ว่ามีเด็ก 3 คน เป็นเด็กชาย 2 หญิง 1 อายุระหว่าง 3-6 ขวบ ถูกวางยาพิษ และนำตัวเข้ามารักษาที่ห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลตรัง อ.เมือง จ.ตรัง จึงรีบไปตรวจสอบ พบทีมแพทย์และพยาบาลต้องเร่งล้างท้องเพื่อช่วยชีวิตเด็กน้อย 3 คน ประกอบด้วย ด.ช.ไก่  อายุ 6 ขวบ ด.ญ.น้อย อายุ 4 ขวบ และด.ช.ต้น อายุ 3 ขวบ (ทั้งสามคนนามสมมุติ) ซึ่งถูกนายเทพ (นามสมมุติ) อายุ 32 ปี พ่อแท้ๆ กรอกยาเบื่อหนูชนิดเม็ดที่บดแล้วให้กินหวังฆ่าให้ตาย ส่วนตัวเองก็อ้างว่ากินไปด้วย 2 เม็ดและอยู่ในอาการเซื่องซึมตลอดเวลา  เหตุเกิดที่บ้านเช่าหลังหนึ่งใน ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง
 
จากการสอบถามนายโต(นามสมมุติ) ซึ่งเป็นตาของเด็กๆทั้งสามคน ให้การว่านายเทพพ่อเด็กไม่ทำงานทำการ กินเหล้าทุกวัน แถมยังมีประวัติเสพยาจนต้องเข้ารับการบำบัด และมีปัญหาทะเลาะกับน.ส.ศรีนวล (นามสมมุติ) ผู้เป็นภรรยา และเป็นแม่เด็กทั้งสามคนเป็นประจำ จนทุกคนในครอบครัวเอือมระอา ในระยะหลังน.ส.ศรีนวล ทนไม่ไหวขอแยกทาง และนำลูกๆย้ายออกมาอาศัยกับตนที่บ้าน ยิ่งสร้างความคลุ้มคลั่งหนักขึ้นในกับนายเทพ  โดยเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา นายเทพใช้มีดจี้บังคับภรรยาจากที่ทำงานกลับบ้านเช่า และแทงที่แขนของภรรยาได้รับบาดเจ็บ มีการเข้าแจ้งความกับตำรวจ
ทั้งนี้ก่อนเกิดเหตุสลดครั้งล่าสุด นายเทพได้หลอกว่าจะหาซื้อของกินมาให้ลูก แล้วพาลูกๆมานอนที่บ้านเช่าด้วยกัน จนกระทั่งตนนึกเอะใจขึ้นมา  เพราะพ่อเด็กเคยขู่ว่าจะจับกรอกยาให้หมด ตนจึงตามมาดูหลาน ซึ่งเห็นพ่อเด็กนั่งอยู่หน้าบ้านเมื่อสอบถามก็บอกว่าให้ลูกกินยาหมดแล้ว และตนเองก็กินด้วย 2 เม็ด เมื่อเข้าไปดูหลานในห้องนอนก็พบว่าถูกคลุมโปงด้วยผ้าปูที่นอน  ใกล้ที่นอนพบยาเบื่อหนู 2 เม็ด และเศษผงยาตกอยู่ เมื่อเปิดผ้าออกดูพบว่าหลานคนโตและน้องคนเล็กนอนหลับนิ่งไปแล้ว ส่วนหลานคนกลางมีอาการอาเจียนอย่างหนัก จึงรีบนำขึ้นรถส่งรพ.ตรัง พร้อมกันทั้งหมด
 
ต่อมาน.ส.ศรีนวล แม่ของเด็กได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับสามีตัวเองอีกรอบในข้อหาพยายามฆ่า ส่วนอาการของเด็กๆทั้งสามคน แพทย์ช่วยชีวิตไว้ได้ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว แต่ต้องใช้เวลาพักฟื้นสักระยะหนึ่ง เนื่องจากอ่อนเพลียจากอาการอาเจียน ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ที่ทราบเรื่อง ต่างพากันสาปแช่งนายเทพที่เป็นคนโหดร้าย ทำกับลูกในไส้ตัวเองได้ลงคอ โชคดีที่เด็กทั้งสามปลอดภัยเพราะยายังไม่ออกฤทธิ์

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบประวัติ  พบว่านายเทพพ่อโหดรายนี้ เมื่อปี 55 เคยคลุ้มคลั่ง ปีนป้ายโฆษณาสูง 10 ชั้น ที่จ.ภูเก็ต โดยขู่จะฆ่าตัวตายหลังจากทะเลาะกับภรรยา สุดท้ายภรรยาโทรศัพท์กล่อมจนยอมปีนลงมาโดยดี จนกระทั่งมาก่อเหตุสลดในครั้งนี้อีก อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายเทพไว้แล้ว เนื่องจากเกรงว่าจะคลุ้มคลั่งไปก่อเหตุร้ายอีก 

สลดใจเด็กวัย8เดือนตกเปลคลานเข้าไปในรูท่อเสียชีวิต





สุดสลดเด็กวัยแค่8เดือนตกเปลคลานเข้าไปในรูท่อน้ำเสีย โรงรมสหกรณ์การเกษตร หน่วยกู้ภัยพยายามขุดเจาะช่วยเหลือชีวิต แต่ไม่ทันหนูน้อยเคราะห์ร้ายสิ้นใจตายเสียก่อน

     เมื่อเวลา 00.05 น.วันนี้ 16 มี.ค.นี้ ร.ต.อ.ธีรวัฒน์  สังเมียน พนักงานสอบสวน สภ.รัตภูมิ จ.สงขลา รับแจ้งเหตุเด็กทารกตกท่อมุดเข้าไปติดอยู่ในท่อส่งน้ำเสีย ขลาดเล็ก ที่โรงรมสหกรณ์การเกษตรรัตภูมิ จำกัด ตั้งอยู่ถนนยนตรการกำธร บ้านทุ่งเปลาะ หมู่ที่ 4 ต.เขาพระ อ.รัตภูมิ
   หลังรับแจ้งเหตุจึงได้รีบไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.ท.พิภพ อุทัยเกษม สวป.และหน่วยกู้ภัยรัตภูมิ ระดมกำลังช่วยนำเด็กออกมาภายหลังใช้น้ำดับเพลิงฉีดเข้าไปในรูท่อ หลังเด็กเข้าไปติดอยู่ในท่อส่งน้ำเสีย ที่ถูกฝังไว้ใต้พื้นเพื่อส่งน้ำเสียในโรงรมฯ ออกไปทิ้งข้างนอกท่อยาวกว่า 6 เมตร เป็นท่อซิเมนกว้างขนาด 12 นิ้ว เด็กมุดเข้าไปติดอยู่ที่ข้อต่อของท่อช่วงกลาง พยายามช่วยกันอยู่นานกว่า 3 ชม. แต่ไม่สามารถนำเด็กออกมาจากรูท่อได้
    จึงประสานรถเจซีบีมาขุดปากท่อด้านนอกกระทั่ง จนท.หน่วยกู้ภัยลงไปใช้จอบและเสียมแซะดินตัดท่อออกทีละท่อนกว่า 3 เมตร จึงสามารถนำทารกออกมาได้ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง ปรากฏว่า เด็กได้เสียชีวิตก่อนหน้านี้แล้ว
   สอบปากคำ นางเกษร หวานแก้ว ผู้จัดการ สหกรณ์การเกษตรรัตภูมิ จำกัด ให้การว่า ทารกเพศหญิงอายุ 8 เดือน เป็นลูกของนายจอนและนางจันไต อายุ 31 และ 29 ปี เป็นแรงงานชาวลาว ได้มาทำงานเป็นลูกจ้างอยู่ที่โรงรมฯ 2 เดือน ก่อนเกิดเหตุ ช่วงค่ำแม่เด็กให้เด็กนอนหลับอยู่ในเปลผ้า ภายในโรงรมแล้วไปทำงานอยู่อีกด้านจากนั้นได้กลับมาดูลูกพบว่าได้หายไปจากเปลผ้า จึงตามหาบริเวณใกล้เคียง กระทั่งได้ยินเสียงเด็กร้องออกมาจากรูท่อส่งน้ำเสีย ทราบว่าลูกสาวได้ตกจากเปลแล้วคลานไปตกรูท่อที่ไม่มีผาปิดแล้วคลานเข้าไปติดอยู่ช่วงกลางของท่อซิเมนกลม กว้าง 12 นิ้ว ใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะนำเด็กออกมาได้ แต่ปรากฏว่าเด็กได้เสียชีวิตแล้ว

วันศุกร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2556

นายกฯทูลเกล้าโผทหาร"วลิต"นั่งแม่ทัพน้อยที่1


วันนี้ (15 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารกลางปี 2556 แล้ว โดยมอบหมายให้นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ประสานไปยังสำนักราชเลขาธิการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อนำบัญชีปรับย้ายกราบบังคมทูลเกล้าฯ ต่อไป โดยบัญชีรายชื่อโยกย้ายปีนี้ ส่วนใหญ่เป็นการขยับนายพลในตำแหน่งหลักที่จะเกษียณอายุราชการในปลายเดือน ก.ย.นี้ขึ้นมาได้อัตราพลเอกในตำแหน่งประจำ เช่น พล.ท.ชาญชัยณรงค์ ธนารุณ แม่ทัพภาคที่ 3 พล.ท. อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่4 พล.ท.ศุภรัตน์ พัฒนาวิสุทธิ์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.)พล.ท.ณัฐชัย ใบเงิน รองเสนาธิการทหาร เป็นต้น

สำหรับบัญชีการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้มีตำแหน่งสำคัญประกอบด้วย พล.ท.สกล ชื่นตระกูล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก (ตท.13) ขยับเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา (ตท.15) แม่ทัพน้อยที่ 3 ซึ่งเป็นน้องชาย พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 3 พล.ต.สาธิต พิธรัตน์ (ตท.16) รองแม่ทัพภาคที่ 3 เป็นแม่ทัพน้อยที่ 3 พล.ต.พันธ์ศักดิ์ จันทร์ด้ง (ตท.14) รองแม่ทัพน้อยที่ 3 เป็นรองแม่ทัพภาคที่ 3 ขณะที่ พล.ท.วลิต โรจนภักดี (ตท.15) ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายส่งกำลังบำรุง (ผช.เสธ.ทบ.ฝกบ.) ซึ่งเป็นนายทหารที่มีบทบาทสำคัญในการนำกำลังทหารเข้ามากระชับพื้นที่การชุมนุมเสื้อแดงเมื่อปี 2553 และเคยพลาดหวังจากตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 ได้ข้ามกลับมาเป็น แม่ทัพน้อยที่ 1 เพื่อจ่อขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ในเดือน ต.ค.นี้

พล.ต.ศุภกร สงวนชาติศรไกร (ตท.15) จก.กบ.ทบ. ขยับขึ้นเป็น ผช.เสธ.ทบ.ฝกบ. พล.ท.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ (ตท.14) ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายกิจการพลเรือน (ผช.เสธ.ฝกร.) ขยับขึ้นเป็น รองเสนาธิการทหารบก พล.ท.สถิต แจ่มจำรัส แม่ทัพน้อยที่ (ตท.14) เป็น ผช.เสธ.ทบ.ฝกร. พล.ต.เฉลิมชัย สิทธิสารท รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (รองผบ.นสศ.) ตท.16 เป็น ผบ.นสศ. พล.ต.ตุลา ประเสริฐสุข ผู้บัญชาการศูนย์สงครามพิเศษ (ตท.16)เป็น รอง ผบ.นสศ.
พ.อ.ธนะศักดิ์ เก่งถนอมม้า รองผู้บัญชาการศูนย์สงครามพิเศษ (ตท.16) เป็น รองผู้บัญชาการศูนย์สงครามพิเศษ พล.ต.สมชาย ฤกษ์พิชัย(ตท.15) ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก เป็น ผู้บัญชาการกองพลทหารปืนใหญ่(ผบ.พล.ป.) พล.ต.ศักดา สาลีพันธ์(ตท.13) ผบ.พล.ป.เป็นผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก(อัตราพลโท) พล.ต.สุรศักดิ์ บุญศิริ ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) เป็นผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก (อัตราพลโท) พ.อ.สมโภชน์ วังแก้ว รองผบ.พล.ม.2 รอ.(ตท.17) เป็น ผบ.พล.ม 2 รอ.

ทุ่ม100 ล้านเชื่อมป่าแก้ปัญหาคนทะเลาะช้าง


เมื่อวันที่ 15 มี.ค.นายทรงธรรม สุขสว่าง ผอ.สถาบันนวัตกรรมอุทยานแห่งชาติ และพื้นที่คุ้มครอง กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า จากกรณีปัญหาช้างป่าที่ออกมารบกวนและทำลายพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้าน จนส่งผลให้เกิดความขัดแย้งระหว่างคนกับช้าง ในหลายกรณีโดยล่าสุด เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมามีโขลงช้างออกจากป่าประมาณ 20 ตัวลงมาจากอุทยานฯ เขาชะเมา-เขาวง จ.ระยอง ในบริเวณรอยต่อกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จ.ฉะเชิงเทรา และรบกวนพืชไร่ของชาวบ้านซึ่งปัญหานี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้กรมอุทยานฯ กำลังศึกษาแนวทางการจัดตั้งกองทุนค่าแทนคุณระบบนิเวศหรือเรียกว่าค่าชดเชยสิ่งแวดล้อม ซึ่งใครใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมที่มีต้นทุนแม้จะมองไม่เห็น  ไม่ว่าจะเป็น น้ำ ป่า ต้องจ่ายค่าชดเชยกลับมาเพื่อรักษาระบบนิเวศให้สมดุล
 
“โดยกรมอุทยานฯ ได้ร่วมกับสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิดา) ศึกษาคุณค่าของผืนป่าโดยนำร่องที่ผืนป่าตะวันออก ในพื้นที่อุทยานฯ เขาชะเมา เขาวง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอ่างไน เป็นต้น เพื่อประเมินมูลค่าคุณค่าของระบบนิเวศในพื้นที่ ก่อนจัดตั้งเป็นกองทุนฯ ดังกล่าว  โดยเบื้องต้นได้หารือกับสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นดีพี) ซึ่งสนับสนุนงบประมาณดำเนินการในเรื่องนี้ จำนวน  3.1 ล้านดอลล่าร์ หรือประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อดำเนินการโครงการต่างๆ ในพื้นที่ป่าทั่วประเทศ โดยเรื่องช้างป่าเป็นกรณีแรกที่ยูเอ็นดีพีจะดูการแก้ปัญหาในเรื่องการทำแนวเชื่อมผืนป่า โดยจะนำร่องในผืนป่าตะวันออกเป็นพื้นที่แรก คาดว่าจะใช้เงินในการจัดตั้งกองทุนฯ เบื้องต้นประมาณ 20 ล้านบาท”
 
นายทรงธรรม กล่าวอีกว่า  ทั้งนี้แนวทางในเรื่องการเชื่อมแนวป่าระหว่างอุทยานฯ เขาชะเมาฯ กับเขตรักษาพันธุ์ฯ อ่างฤาไนนั้น และจะดูความเป็นไปในการจ่ายค่าชดเชยให้กับชาวบ้านโดยไม่ต้องทำการเกษตรหรือจะมีแนวทางอย่างไร เช่น การปลูกพืชไร่ พืชอาหารช้าง ที่เหมาะสมเพื่อให้ชุมชนที่อยู่ในรอยต่อของป่าที่เป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาตินี้ร่วมดูแลพื้นที่เพื่อไม่เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้าง ที่สำคัญในการจัดตั้งกองทุนฯ จะดึงภาคเอกชนที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออก เช่น นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศผืนป่าตะวันออกในการเป็นแหล่งต้นน้ำของน้ำที่ใช้ในอุตสาหกรรมเข้ามาร่วมในการดำเนินการด้วย  ซึ่งที่ผ่านมามีการประชุมกับภาคธุรกิจดังกล่าวแล้วและเห็นด้วยในหลักการ จากนั้นในเดือน เม.ย.นี้จะมีการจัดประชุมหารือกับชาวบ้านและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอีกครั้ง เพื่อหาแนวทางดำเนินการร่วมกันให้เป็นรูปธรรม และนำเสนอรายละเอียดต่อกรมอุทยานฯ ต่อไป 
อย่างไรก็ตามในประเด็นชุมชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่รอยต่อของป่าทั้ง 2 ผืน  ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าสงวนฯ และเป็นการบุกรุกเข้ามาอยู่ ถึงแม้คนที่เข้ามาอยู่แบบไม่มีเอกสารสิทธิ การจะเข้าไปอพยพนั้นคงต้องมีการศึกษาให้รอบคอบ แต่เบื้องต้นแนวทางคือจะมีการจ่ายค่าตอบแทนชดเชย และให้อยู่ในพื้นที่ต่ออย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
 
ด้านนายธรรมนูญ เต็มไชย หัวหน้าศูนย์นวัตกรรมอุทยานแห่งชาติ และพื้นที่คุ้มครอง จ.เพชรบุรี คณะทำงานโครงการสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพบริเวณแนวเชื่อมต่อระบบนิเวศระหว่างเขตรักษาพันธุ์ฯ เขาอ่างฤาไน-อุทยานฯ เขาชะเมา กล่าวว่า จากการลงพื้นที่สำรวจรอยต่อระหว่างเขาอ่างฤาไนกับเขาขะเมา พบมีสัตว์ใช้พื้นที่หากินได้ แก่ กระทิง เลียงผา กวางป่า วัวแดง แต่สัตว์ที่ใช้ประโยชน์ในทางข้ามมากที่สุดคือช้างป่า ที่ข้ามไปมาระหว่าง 2 พื้นที่  คาดมีไม่น้อยกว่า 50 เชือก  โดยบริเวณรอยต่อระหว่างผืนป่าทั้ง 2 มีระยะทางเพียงแค่ 2-3 ก.ม. มีทั้งส่วนที่เป็นผืนป่าเชื่อมต่อกัน และจุดที่เป็นชุมชนเข้ามาอยู่อาศัยจำนวน 80 ครัวเรือน มีการทำเกษตร เช่น ยางพารา เป็นต้น  เบื้องต้นจากการสอบถามชาวบ้านทราบว่าไม่ใช่เจ้าของที่แท้จริง แต่เป็นเพียงคนดูแลที่ดิน และส่วนใหญ่มีใบ ภทบ. 5 รับรองการใช้ประโยชน์เท่านั้น สิ่งสำคัญต้องมีการหารือกับชุมชนบริเวณนี้ในการร่วมกันดูแลพื้นที่ป่าและสัตว์ป่า
 
ขณะที่แหล่งข่าวจากกรมอุทยานฯ กล่าวว่า สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นในอุทยานฯ แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี การลักลอบยิงช้างเกิดจากการสร้างแหล่งอาหารและแหล่งเก็บน้ำของกรมชลประทาณบริเวณชายป่า โดยเฉพาะในพื้นที่ ต.ป่าเด็ง ทำให้ช้างลงมาหาแหล่งน้ำ จนออกมานอกป่าและกลายเป็นเป้าให้คนล่าได้โดยง่าย สำหรับบริเวณ ต.ป่าเด็ง นั้นจะใช้เรื่องการเชื่อมต่อแนวป่า หรือสะพานช้างสำหรับช้างเดินข้ามไปมาลำบากมาก เพราะบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ชุมชนและมีแหล่งอาหารของช้าง ที่สำคัญกรณีแก่งกระจานไม่ใช่ปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้าง แต่เป็นปัญหาด้านการป้องกันมากกว่า เพราะมีการเข้ามายิงแม่ช้างเพื่อเอาลูกช้าง การป้องกันจึงเป็นเรื่องสำคัญ

ล่า3สาวแสบมอมยารูดทรัพย์3ปลัดหนุ่ม


เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 มี.ค. ร.ต.ต.ชราวุธ ปานเชี่ยวชาญ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสระบุรี รับแจ้งจากพนักงานแฮปปี้อินน์ รีสอร์ท ริมคลองชลประทานคลองเพรียว ต.ปากเพรียว อ.เมือง ว่ามีแขกที่เข้าพักถูกมอมยาสลบ จึงรีบไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างรัตนตรัยธรรมสถานสระบุรี โดยที่ห้องเลขที่ 44 พบร่างไร้สติของนายสนุก (นามสมมุติ)  ปลัด อ.บ.ต.แห่งหนึ่งใน อ.หนองแค จ.สระบุรี ส่วนที่ห้องเลขที่ 46 พบนายโย (นามสมมติ) ปลัด อ.บ.ต.แห่งหนึ่งในเขต อ.วังม่วง จ.สระบุรี นั่งสลึมสลืออยู่บนเตียง โดยเจ้าตัวยังมีอาการเวียนศรีษะอย่างหนักบางครั้งถึงกับต้องวิ่งไปอาเจียน
จากการสอบสวนนายช้าง (นามสมมุติ) ปลัดอำเภอแห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี เพื่อนผู้เสียหาย ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้แนะกันไปเที่ยวกันกันที่ร้าน “เพื่อนเพลง” ย่านถนนบันเทิง และพบกับหญิงสาวหน้าตาดีอายุประมาณ 30 ปี จำนวน 3 คนที่นั่งอยู่โต๊ะใกล้กัน พยายามส่งสายตาเชิงชู้สาว พวกตนจึงเข้าไปจีบตามประสา ปรากฎว่าคุยกันถูกคอ จึงพากันไปดื่มสุราต่อที่ร้าน "หละลีเลี้ยวขวา" จนเมาได้ที่ จึงพากันไปกินข้าวต้มกันที่ร้าน "8 สลึง" จากนั้นตกลงไปร่วมหลับนอนด้วยกันที่รีสอร์ทดังกล่าว
"ช่วงนั้นเมากันทั้ง 3 คนเลย แต่จำได้ว่าก่อนถึงห้องพัก สาวคนหนึ่งได้ขอให้แวะซื้อน้ำส้มกับถุงยางอนามัย ซึ่งเมื่อถึงห้องต่างแยกย้ายกันเข้าห้อง โดยเพื่อนบอกว่าสาวที่หิ้วมาคะยั้นคะยอให้ดื่มน้ำส้ม โดยอ้างว่าเพื่อแก้เมา เพื่อนผมเลยซดเสียหมด ส่วนผมไม่ได้ดื่มเพราะไม่ชอบ แต่ก็ไม่ได้นอนกับเขา เนื่องจากสาวที่มากับผมบอกว่าญาติเขาประสบอุบัติเหตุต้องรีบไปดู พร้อมอ้างว่าได้ขอยืมรถเก๋งของเพื่อนผมแล้ว ด้วยความรำคาญประกอบกับง่วงและเมาจึงไม่ได้เอะใจล้มตัวลงนอนไป กระทั่งมีพนักงานมาปลุกถึงได้รู้ว่าเพื่อนถูกมอมยารูดเอาเงินและสร้อยคอทองคำไปแล้ว" เพื่อนเหยื่อให้การอย่างคับแค้น
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าหญิงสาวทั้ง 3 น่าจะเป็นแก๊งมอมยาที่ออกตระเวนหาเหยื่อตามร้านอาหารโดยจะสร้างภาพว่าเป็นสาวโสดมีฐานะ ซึ่งเมื่อผู้เสียหายติดกับจะแอบผสมยานอนหลับใส่เครื่องดื่ม ก่อนรูดทรัพย์ปลัดทั้งสองคนไปเกลี้ยงมูลค่ากว่า 1 แสนบาท ส่วนรถเก๋งเจอแล้วถูกทิ้งใกล้โรงแรมที่เกิดเหตุ ซึ่งชุดสืบสวนอยู่ระหว่างแกะรอยจากภาพวงจรปิดที่บันทึกได้ในร้านสะดวกซื้อที่สาวแสบเข้าไปซื้อน้ำส้ม เพื่อใช้เป็นเบาะแสในการติดตามแก็งอีเสือสาวรายนี้ต่อไป.

บึ้มรถตำรวจ"พ.ต.ท.-ลูกน้อง"ดับ3ศพ




โจรใต้วางบึ้มรถตำรวจสายตรวจ สภ.รือเสาะ รอง ผกก.ป.หนุ่มไฟแรงอาสาลงมาดับไฟใต้ เจอแรงระเบิดฉีกร่างพลีชีพพร้อมลูกน้องรวม 3 ศพ
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 15 มี.ค. พ.ต.ต.หมัดอุเส็น เหมาะสนิ สารวัตรเวร สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งมีเหตุคนร้ายวางระเบิดรถยนต์สายตรวจ สภ.รือเสาะ ขณะที่ พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ วงศ์พรหมเมศร์ รอง ผกก.ป.สภ.รือเสาะ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวม 3 นาย ขับผ่านบริเวณคอสะพานข้ามคลองบ้านปราลี หมู่ 10 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จึงพร้อมด้วยพ.ต.อ.อโณทัย จินดามณี ผกก.สภ.รือเสาะ ร.ต.ท.รัฐวิทย์ วันเพ็ฯศรี รอง หน.กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส ร.ต.ต.แซน วรงคไพสิฐ รอง หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุ พบบริเวณคอสะพานมีหลุมลึก 1.90 เมตร กว้าง 3 เมตร และมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สหุงต้มหนัก 90 กก.จุดชนวนด้วยแบตเตอรี่ที่ลากสายไฟไปในพงหญ้ารกทึบริมคลอง 200 เมตร โดยเฉพาะในคลองเจ้าหน้าที่พบซากรถยนต์กระบะโตโยต้า สีเลือดหมู ทะเบียน ฒง-7797 กทม. ตกอยู่ในน้ำ โดยโผล่เฉพาะล้อหน้าที่ลอยชี้ฟ้า นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบซากชิ้นเนื้อของมนุษย์ตกกระจายเกลื่อนเป็นชิ้นในรัศมีกว่า 50 เมตร บางส่วนตกอยู่ในน้ำและยอดต้นไม้ริมทาง
 
ต่อมา พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผบช.ศชต. พล.ต.พิสิทธิ์ สิทธิสาร ผบ.ฉก.นราธิวาส พ.ต.อ.สะท้านฟ้า วามะสิงห์ ผกก.สส.ภ.จ.นราธิวาส ได้เดินทางมาติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งได้ประสานไปยัง อบต.รือเสาะ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัย เพื่อขอสนับสนุนรถกระเช้ามายกซากรถยนต์สายตรวจขึ้นจากน้ำ รวมทั้งกระจายกันเก็บเศษซากชิ้นส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 นาย และหลักฐานต่างๆในที่เกิดเหตุ โดยใช้เวลานานกว่า 4 ชั่วโมง สำหรับผู้เสียชีวิตทั้ง 3 นาย ถูกแรงอัดของระเบิดร่างกายแหลกเหลวกระเด็นกระจัดกระจายในที่เกิดเหตุ ประกอบด้วย พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ ส.ต.อ.ปิยะ ภูพันเว่อ อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นพลขับ ส.ต.ท.สุเวส จันทรังษี อายุ 30 ปี ผบ.หมู่ ป.สภ.รือเสาะ
 
จากการสอบสวนนายอับดุลเลาะ สือลี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.รือเสาะ ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถยนต์กระบะตามหลังรถของพ.ต.ท.จักรกฤษณ์ ออกมาจากการร่วมงานมอบวุฒิบัตรให้กับบัณฑิตน้อย โรงเรียนบ้านรือเสาะ เมื่อใกล้ถึงที่เกิดเหตุได้มีคนโทรศัพท์มาหาตน จึงได้หยุดรถเพื่อรับโทรศัพท์ แต่รถของพ.ต.ท.จักรกฤษณ์ ยังคงวิ่งไปตามถนนซึ่งห่างจากตนประมาณ 50 เมตร เมื่อถึงคอสะพานได้มีคนร้ายจุดชนวนระเบิดที่นำไปฝังไว้จนเสียงดังสนั่นหวั่นไหวในขณะที่รถของพ.ต.ท.จักรกฤษณ์ ขับผ่าน ตนถึงกับตะลึงเมื่อเห็นรถของพ.ต.ท.จักรกฤษณ์ ถูกแรงอัดระเบิดกระจายเป็นชิ้นๆคลุกเคล้ากับอวัยวะของมนุษย์ ลอยตกไปอยู่ในคลอง
ส่วนประวัติของพ.ต.ท.จักรกฤษณ์ ปัจจุบันอายุ 48 ปี หรือเรียกกันโดยทั่วไปว่า "ชุมแพ" จากละครฮิตเรื่องชุมแพทางทีวีช่อง 7 ที่ชาวบ้านตั้งฉายาให้สมัยที่ไปดำรงตำแหน่ง สวป.สภ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส เมื่อ ปี 50 โดยผู้ตายเป็นชาวเชียงใหม่ จบการศึกษาช่างก่อสร้างอุเทนถวาย และมหาวิทยาลัยรามคำแหง หลังจากนั้นได้รับราชการนักพัฒนาชุมชน สำนักงานเขตดุสิต และเจ้าพนักงานปกครอง 4 สำนักงานเขตบางซื่อ
 
ต่อมาลาออกเข้าสมัครสอบตำรวจรับราชการตำรวจครั้งแรกเมื่อปี 33 จัดอยู่ในตำรวจน้ำดี เป็นผู้กล้าอาสาลงดับไฟใต้ มุ่งมั่นที่จะปราบโจรก่อความไม่สงบ โดยไม่มุ่งหวัง ลาภ ยศ ตำแหน่งชื่อเสียง สมัยที่ดำรงตำแหน่ง สว.สส.สตม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ยอมทิ้งเก้าอี้ลงมาเป็นดำรงตำแหน่งสวป.สภ.ศรีสาคร เพราะต้องการจับฆาตกรการฆ่าครูจูหลิง ปงกันมูล โดยตั้งปณิธานว่า หากไม่สำเร็จจะไม่ขอออกมานอกพื้นที่เด็ดขาด จนกระทั่งปัจจุบันได้มามาดำรงตำแหน่ง รอง ผกก.ป.สภ.รือเสาะ เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2555 มีเกียรติบัตรเป็นข้าราชการตำรวจดีเด่น สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สายสืบสวนปราบปราม เป็นนักยิงปืนเล็กยาวขั้นเชี่ยวชาญหลักสูตรนาวิกโยธินและนักดาบสำนักดาบพุทไธสวรรค์ จนกระทั่งมาจบชีวิตผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ในที่สุด

วันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2556

จำคุก32ปีหนุ่มขวานจามหัวเมียปางตาย


ที่ห้องพิจารณา 709 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก วันนี้ (13 มี.ค.) ศาลอ่านคำพิพากษาคดีความผิดต่อชีวิต หมายเลขดำ อ.928 /55  ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายอนัญลักษณ์  หรือแหวง ไชยโพธิ์  อายุ 31 ปี  อาชีพรับจ้าง อยู่บ้านเลขที่ 40 ม.12 ต.โนนค้อ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ  เป็นจำเลยในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 29 มี.ค.55 ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ย. 52 เวลากลางคืน จำเลยได้ใช้ขวานฟันที่ศีรษะและใบหน้าของ น.ส.สกุลรัตน์ วรรณวิชิต อายุ 21 ปี ผู้เสียหาย อดีตภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันหลายครั้ง ขณะที่ผู้เสียหายออกจากห้องน้ำ ได้รับบาดเจ็บสาหัส เป็นอันตรายแก่กายอย่างแสนสาหัส   จนใบหน้าเป็นแผลเป็นติดตัว โดยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย แต่แพทย์ได้รักษาอย่างทันท่วงที  จนผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลย
เหตุเกิดหน้าห้องน้ำรวม บ้านเช่าเลขที่ 1558  ซ.อินทามระ  26/1 แขวง-เขตดินแดง กทม.  ต่อมาวันที่ 11 ก.พ.55 ตำรวจติดตามจับกุมจำเลยได้ขณะหลบหนีอยู่ที่ จ.กาญจนบุรี ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ  แต่ให้การต่อสู้ชั้นศาลอ้างว่า ใช้ท่อนไม้ตีที่ใบหน้าและศีรษะของผู้เสียหายเพราะความมึนเมา และบันดาลโทสะ เนื่องจากผู้เสียหายไม่ยอมคืนดี ทั้งที่ตนมางอนง้อด้วยหลายครั้งแล้ว   แต่ผู้เสียหายก็ไม่ยอม  เพราะไม่ชอบที่จำเลยมีนิสัยหึงหวง
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้มีผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานเบิกความยืนยันข้อเท็จจริงถึงพฤติการณ์ของจำเลยขณะลงมือ ตลอดจนอาวุธที่ใช้กระทำผิด ทั้งขณะเกิดเหตุมีแสงไฟส่องสว่างชัดเจน สามารถจดจำใบหน้าจำเลยได้ถูกต้องแม่นยำ  คำเบิกความของผู้เสียหายมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ
ส่วนข้อต่อสู้ของจำเลยไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ เห็นว่า จำเลยกระทำผิดจริง พิพากษาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288  ประกอบมาตรา 80  ให้จำคุก 32ปี  คำให้การชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาบ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกจำเลยไว้ 24  ปี และให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหาย 319,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้อง  ริบอาวุธขวานของกลาง.

เด้งฟ้าผ่า 30 วัน "ผกก.สภ.สังขละ" หลังปล่อยให้มีการค้าประเวณี


ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) วันนี้ (13 มี.ค.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย  โฆษก ตร. เปิดเผยว่า หลังจากที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว  ผบ.ตร.  มีคำสั่งให้ทุกหน่วยระดมกวาดล้างอาชญากรรมทุกรูปแบบในพื้นที่ที่รับผิดชอบ ในช่วงปิดภาคเรียน ระหว่างวันที่ 6 – 12 มี.ค. และให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดซึ่งพบว่าผู้ค้ารายย่อยในชุมชนยังลักลอบจำหน่ายยาเสพติดอยู่มาก  ขณะที่อบายมุขและสถานบริการเป็นต้นเหตุของอาชญากรรมก็ยังไม่เข้มงวดพอ  ผบ.ตร.จึงสั่งการกำชับและเร่งรัดให้ทุกหน่วยกวดขันปราบปรามอย่างจริงจัง ควบคู่กันไปกับการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ระหว่างวันที่  13 – 19  มี.ค. 
“โดยกำหนดเป้าหมาย ดังนี้  1. เป้าหมายสำคัญในการระดมกวาดล้าง ได้แก่  1. สถานที่ลักลอบเล่นการพนันในลักษณะบ่อนการพนัน ตู้ม้าไฟฟ้า จับยี่กี หวยปิงปอง หวยออนไลน์ ไฮโล และป๊อกเด้ง 2. สถานบริการที่มีการจำหน่ายยาเสพติด หรือปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการ หรือปล่อยให้นำหรือพกพาอาวุธเข้าไปในสถานบริการ รวมทั้งการเปิด – ปิด เกินเวลา  3. ร้านเกม ร้านอินเตอร์เน็ต ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตและการประกอบกิจการร้านวิดิทัศน์ พ.ศ. 2552 โดยเฉพาะร้านที่ปล่อยให้เด็กเข้าไปใช้บริการในเวลาห้าม และจำหน่าย หรือสูบบุหรี่ สารเสพติด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน
ล่าสุด  พล.ต.ต.ธนา ชูวงศ์ รอง โฆษก ตร. แถลงว่า สืบเนื่องจากกรณี ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์  จับกุม นายสุดใจ รัตน์วรรณ์ อายุ 56 ปี ที่ห้องพักสุดใจ ใน อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี  โดยมีผู้เสียหายเป็นหญิงชาวพม่าอายุไม่เกิน  18  ปีรวม  8  คน  เมื่อวันที่ 11 มี.ค.  พล.ต.อ.อดุลย์  ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.7 มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.ประภัสร์ ประยูรหงษ์  ผกก.สภ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี มาช่วยราชการที่ บช.ภ.7 เป็นเวลา 30 วัน  พร้อมทั้งสั่งการให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และรายงานผลให้ทราบภายใน 7 วัน  หากพบว่ามีความผิด มีการรับผลประโยชน์ สั่งการให้ดำเนินการทางวินัยอย่างเด็ดขาด
“การปราบปรามการค้ามนุษย์ เป็นนโยบายที่ผบ.ตร.สั่งการทุกหน่วยให้กวดขันหลายครั้ง และให้เวลากวาดล้างกวดขันมาถึง 5 เดือนแล้ว แต่ในกรณีนี้กลับถูกละเลยแม้ ผกก.สภ.สังขละบุรี จะมีชื่อร่วมจับกุม  แต่ ผบ.ตร.ได้เรียก  พล.ต.ต.ชวลิต มาสอบถามรายละเอียด ก่อนพิจารณาให้มีคำสั่งตรวจสอบและช่วยราชการดังกล่าว เพื่อเป็นกรณีตัวอย่างที่ต้องการให้ทุกหน่วยเห็นว่าหากไม่ให้ความสำคัญในการปฏิบัติตามนโยบาย หัวหน้าหน่วยต้องถูกดำเนินการทางวินัยอย่างเด็ดขาด” รองโฆษก ตร. กล่าว.

แพทย์ระบุ เด็ก 5 ขวบเหยื่อ ป.1โหด ยังโคม่า-ตั้งกรรมการสอบโรงเรียน





แพทย์จุฬาฯชี้ น้องพี เด็กนักเรียน 5 ขวบ ที่ถูกรุ่นพี่ ป.1 ต่อยจนช้ำในและติดเชื้อในกระแสเลือดอาการยังหนัก ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ไม่ชัดจะดีขึ้นหรือไม่ ด้านย่าเด็กงง เรื่องใหญ่ขนาดนี้แต่ผู้ปกครองคู่กรณียังไม่ติดต่อ ส่วน ผอ.สพท.เขต 1 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริง
จากกรณี ป้าของน้องพี อายุ 5 ขวบ นักเรียนชั้นอนุบาล 1 โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี เข้าร้องเรียนกับนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ว่าหลานชาย ถูกเด็กนักเรียนรุ่นพี่ที่โรงเรียนเดียวกันรุมทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส แขนหัก บอบช้ำภายใน จนติดเชื้อในกระแสเลือด ต้องเข้ารักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู ของ รพ.เจ้าพระยายมราช อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี แต่อาการโคม่ายังไม่ดีขึ้นญาติจึงนำตัวส่งมารักษาต่อที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ โดยมี น.ส.นิด แม่น้องพี เฝ้าใกล้ชิด เบื้องต้นโรงเรียนไม่มีการลงโทษเด็กคู่กรณี ซึ่งถือว่าไม่ยุติธรรม อีกทั้งไปแจ้งความที่ สภ.เมืองสุพรรณบุรี ตำรวจก็แนะนำให้เคลียร์กันเองจึงจำเป็นต้องมาร้องเรียน ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้า วันนี้ (13 มี.ค.) ที่ตึกอำนวยการชั้น 2 รพ.จุฬาฯ ผศ.นพ.อภิชัย อังสพัทธ์ ผู้ช่วย ผอ.ด้านผู้ป่วยวิกฤต และ รศ.พญ.จิตลัดดา ดีโรจน์วงศ์ กุมารแพทย์ ฝ่ายกุมารเวชศาสตร์ แพทย์เจ้าของไข้ ร่วมกันแถลงความคืบหน้า โดย ผศ.นพ.อภิชัย กล่าวว่า ทีมแพทย์ได้ประเมินอาการแรกรับของน้องพี แล้วพบว่าผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือดและลิ้นหัวใจ รวมทั้งมีน้ำในช่องเยื่อหุ้มหัวใจ นอกจากนี้ยังตรวจพบผิวหนังและกล้ามเนื้ออักเสบบริเวณแขนและรักแร้ด้านซ้าย รวมถึงมีอาการซึมเศร้า ต้องให้ยาเพิ่มความดันโลหิต จึงจะทำให้ชีพจรและความดันโลหิตนั้นอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ผศ.นพ.อภิชัย กล่าวต่อว่า ขณะนี้ทีมแพทย์ผู้รักษาได้ให้การรักษาด้วยเครื่องช่วยหายใจ ยาปฎิชีวนะ ยาเพิ่มความดันโลหิต และต้องรอปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านหัวใจ ด้านกระดูกและศัลยกรรมกุมารฯ อีกครั้งหนึ่ง ตอนนี้ผู้ป่วยยังมีอาการคงที่ และต้องได้รับการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดในโรงพยาบาลอย่างน้อย 6 สัปดาห์ ซึ่งสรุปอาการโดยทั่วไป ถือว่าอาการของเด็กหนักมาก แต่ก็คงที่ในระดับหนึ่งไม่ได้แย่ลง แต่จะมีแนวโน้มดีขึ้นหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังบอกได้ยาก เนื่องจากเพิ่งรับตัวเด็กเข้ามารักษาเมื่อวันที่ 12 มี.ค. ต้องรอดูอาการกันต่อไปอีกสักระยะ สำหรับเรื่องกระดูกที่แตกร้าวนั้นต้องรักษาบาดแผลที่แขนให้หายเสียก่อน จึงจะมาทำการรักษาเรื่องกระดูกต่อไป 
ต่อมา นางปวีณา พร้อมย่า แม่ และป้า เดินทางเข้าเยี่ยมอาการน้องพี โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที ซึ่งย่าน้องพี กล่าวว่า ตนและครอบครัวติดใจเรื่องที่เด็กมีอาการช้ำใน หากเป็นการกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันจริงก็ไม่น่าจะถึงกับช้ำใน ถ้าบอกว่ากอดรัดฟัดเหวี่ยงกันจนล้มแขนหักก็พอรับได้บ้าง แต่ถึงขนาดบอบช้ำภายในก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ ซึ่งหลังจากที่มารักษาตัวที่รพ.จุฬาฯทางผู้ปกครองของคู่กรณีก็ยังไม่ได้ติดต่อเข้ามาพูดคุยแต่อย่างใด ในส่วนของคดีไม่อยากพูดถึง ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจจัดการไป แต่หวังว่าจะได้รับความยุติธรรมกลับคืนมา และสิ่งเดียวที่อยากได้ตอนนี้คือ อยากให้หลานหายดีกลับมาเป็นปกติโดยเร็ว ซึ่งขอขอบคุณทางมูลนิธิปวีณาเป็นอย่างมากที่ได้เข้ามาช่วยเหลือ
ด้าน นางปวีณา กล่าวว่า หลังรับน้องพี เข้ามารักษาตัวแล้ว ได้ประสานไป ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี ให้เข้ามาช่วยเหลือเรื่องคดีความด้วย ซึ่ง ผบก.ภ.จว.สุพรณบุรี ก็รับปากว่าเร่งดำเนินการอย่างเต็มที่ ทั้งนี้จากการสอบถามทางญาติของน้องพีทราบว่า ฝ่ายผู้ปกครองของคู่กรณียังไม่มีการติดต่อมา ซึ่งคงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 12 มี.ค. ตนได้ประสานไปยังกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่งคงของมนุษย์ (พม.) ให้เข้าไปดูแลครอบครัวของน้องด้วย และในช่วงเย็นวันนี้ตนจะได้พาญาติเดินทางเข้าพบนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการ เพื่อปรึกษาปัญหาและให้กระทรวงหามาตรการเข้าไปดูแลเด็กนักเรียนช่วงพักเที่ยง เนื่องจากขณะนี้ทางมูลนิธิปวีณาฯ ได้รับการร้องเรียนเรื่องปัญหาของเด็กนักเรียนในช่วงพักเที่ยงเข้ามาจำนวนมาก เช่น เด็กทะเลาะวิวาทกันชกต่อยกัน หรือลวนลามกัน เนื่องจากไม่มีอาจารย์ดูแล
ขณะที่ นายฉัฐชาย ภู่แสงวงษ์ ผอ.โรงเรียนดังกล่าว เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน้องพี วัย 5 ขวบ และน้องเอ (นามสมมุติ) วัย 6 ขวบ นักเรียนชั้น ป.1 ชกต่อยกันแบบตัวต่อตัวไม่ได้มีการรุมตามที่สื่อนำเสนอ โดยเหตุเกิดที่สนามหญ้า จนเวลาเลยไป 4-5 วัน ผู้ปกครองจึงแจ้งว่าหลานชายมีอาการเจ็บที่ไหล่ ทางโรงเรียนจึงพาไปตรวจที่รพ.เจ้าพระยายมราช พบว่ามีไหล่ร้าว ต่อมาโรงเรียนจึงเรี่ยไรเพื่อนครูช่วยออกค่าใช้จ่ายต่างๆในการรักษา จนกระทั่งต่อมาพบว่าเด็กมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด จึงนำส่ง รพ.จุฬาฯ แต่จะเกี่ยวกับอาการไหล่ร้าวหรือไม่ต้องรอแพทย์ยืนยันอีกครั้ง
ส่วน นายอนุสรณ์ ฟูเจริญ ผอ.สพท.เขต 1 สุพรรณบุรี เปิดเผยว่า สาเหตุที่ทางญาติไปร้องมูลนิธิปวีณาฯ เพราะไม่เชื่อว่าเป็นการชกต่อยกันตัวต่อตัวแต่เป็นการรุมทำร้าย จึงได้ตั้งคณะกรรมการเข้าไปตรวจสอบที่โรงเรียน ทราบเบื้องต้นว่าไม่มีการรุมทำร้าย หลังเกิดเหตุทางคณะครูก็ดูแลเป็นอย่างดี และทราบว่าทางญาติของเด็กทั้งสองฝ่ายตกลงค่าเสียหายแต่ไม่เป็นที่พอใจ จนกระทั่งเด็กมีอาการทรุด ทั้งนี้ต้องรอผลวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเกิดจากอะไร และให้โรงเรียนช่วยเหลือเด็กอย่างเต็มที่ในทุกๆด้าน.

“ยูเอ็น” จัดพิธีไว้อาลัยแด่ “ฮูโก ชาเวซ”





ที่ประชุมสมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) จัดพิธีไว้อาลัยแด่การจากไปของอดีตประธานาธิบดีฮูโก ชาเวซ แห่งเวเนซุเอลา พร้อมกับยกย่องให้เป็นผู้นำที่สร้างสีสันบนเวทีการเมืองนานาชาติ และพลิกโฉมโลกยุคปัจจุบัน
สำนักข่าวเอพีรายงานจากสำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 13 มี.ค. ว่า นายบัน คี-มูน เลขาธิการยูเอ็น เป็นประธานในพิธีภายในของยูเอ็น ที่จัดขึ้นเพื่อไว้อาลัยแด่การจากไปของอดีตประธานาธิบดีฮูโก ชาเวซ แห่งเวเนซุเอลา พร้อมกับยกย่องให้เป็นผู้นำที่สร้างสีสันบนเวทีการเมืองนานาชาติ และพลิกโฉมโลกยุคปัจจุบัน

เหล่าเอกอัครราชทูตและผู้แทนจากทั่วโลกประจำยูเอ็นพร้อมใจกันยืนสงบนิ่งนาน 1 นาที ก่อนที่เลขาธิการยูเอ็น นายวุค เยเรมิค ประธานสมัชชาใหญ่ยูเอ็น ตัวแทนนักการทูตจากแต่ละภูมิภาค และนายเอเลียส อาฮัว รมว.ต่างประเทศเวเนซุเอลา จะขึ้นเวทีกล่าวสุนทรพจน์แสดงความรำลึกและไว้อาลัยให้แก่ชาเวซตามลำดับ

บันได้กล่าวย่องชาเวซ ซึ่งถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคมะเร็งเมื่อวันที่ 5 มี.ค. ขณะมีอายุได้ 58 ปี ว่าเป็นบุคคลผู้อุทิศแรงกายและแรงใจอย่างแน่วแน่ที่จะให้ความช่วยเหลือ และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนผู้ด้อยโอกาสให้ดีขึ้นอย่างถึงที่สุด ซึ่งชายผู้นี้ไม่ได้ทำเพียงเพื่อชาวเวเนซุเอลาเท่านั้น แต่เมื่อครั้งเกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่เฮติ เมื่อ 3 ปีก่อน ชาเวซถือเป็นผู้นำประเทศลำดับต้นๆ ที่เสนอมอบความช่วยเหลือผ่านยูเอ็น

นอกจากนี้ เลขาธิการยูเอ็นยังยกย่องกรณีที่ชาเวซมีส่วนช่วยในฐานะผู้ประสานงานให้เกิดการเจรจา ระหว่างรัฐบาลโคลอมเบียกับกลุ่มกบฏในพื้นที่ด้วย ซึ่งผลงานทุกอย่างของชาเวซจะกลายเป็นประวัติศาสตร์อันน่าจดจำอย่างยิ่งตลอดไป ก่อนที่บันจะปิดท้ายด้วยการยกเนื้อหาตอนหนึ่งในสุนทรพจน์ของชาเวซ ที่กล่าวต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็นครั้งแรกเมื่อปี 2542 ว่า เขาและทุกคนในที่แห่งนี้ล้วนมีความเชื่อมั่นเช่นเดียวกับชาเวซว่า อีกไม่นานโลกของเราจะมีแต่ความสันติสุข ความเป็นประชาธิปไตย และคุณภาพชีวิตของประชาชนทีได้รับการพัฒนาอย่างเป็นระบบแน่นอน

รวบมือปืนโหดยิงพ่อ “ไอซ์ อาร์สยาม”


วันนี้(14มี.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.8 ร่วมกับ ตำรวจ บก.สส.ภ.จ.พังงา นำหมายศาลจังหวัดตะกั่วป่า เข้าทำการจับกุมตัวนายสมศักดิ์ วงษ์ศรี อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาใช้ปืน 9 มม.กระหน่ำยิง 3 ศพในสวนยางพารา บ้านดอกแดง ต.บางไทร อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เมื่อวันที่ 22 ธันวาคมที่ผ่านมา  โดยหนึ่งในผู้เสียชีวิตมีนายสมบูรณ์ กิ้มติ๋น อายุ 69 ปี ซึ่งเป็นพ่อของ น.ส.ตรีชฎา กิ้มติ๋ม หรือ น้องไอซ์ อาร์สยาม นักร้องชื่อดัง เจ้าของเพลง”บ่าวริมแดง” ร่วมอยู่ด้วย  โดยสามารถจับกุมตัวได้ภายในเรือบรรทุกถ่าน บริเวณท่าเรือสะพานปลาระนอง
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม สืบทราบว่า นายสมศักดิ์ หลบหนีมาซ่อนตัวอยู่บ้านญาติใน จ.ระนอง กระทั่งวันที่ 12 มี.ค.ได้ประสานตำรวจ สภ.เมืองระนอง ร่วมตรวจสอบบ้านญาติที่ให้ที่หลบซ่อนตัว แต่ไม่พบผู้ต้องหาแต่อย่างใด จึงสอบสวนคนในบ้านทราบว่า ผู้ต้องหามาขออยู่อาศัยจริงแต่ไม่ได้บอกว่าก่อเหตุอะไรมา กระทั่งมาทราบในข่าวว่า ก่อเหตุดังกล่าว มาจึงพยายามกล่อมให้เข้ามอบตัว แต่ไม่ได้รับคำตอบ แล้วหนีหายไป ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า ผู้ต้องหายังคงอยู่ในพื้นที่ และหลบซ่อนตัวอยู่ในเรือ เบื้องต้นทราบว่า พยายามจะหลบหนีไปจ.เกาะสอง ประเทศพม่า เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังตรวจค้นเรือบรรทุกถ่านหิน ที่กำลังเดินทางไปเกาะสองและสามารถจับกุมตัว ได้ดังกล่าว แล้วควบคุมตัวมาสอบสวน ก่อนนำตัวมา บช.ภ.8 เพื่อแถลงข่าวต่อไป โดยยังไม่เปิดเผยผลการสอบสวนแต่อย่างใด

ฟุ้งอบอวล! มือดีลอบขว้างปลาร้าใส่หน้า "ลีน่าจัง" เชื่อเรื่องการเมือง









ชายฉกรรจ์บุกขว้างปลาร้าใส่หน้า ลีน่าจัง ขณะนั่งทำงานอยู่ที่ร้านเสริมความงาม ในอินทราสแควร์ ก่อนจะปาใส่ประตูกระจกอีกดอก จนส่งกลิ่นฟุ้งตลบอบอวล เจ้าตัวกรี๊ดลั่นรีบอาบน้ำปะแป้งใหม่ทันที เผยโชคดีไม่ใช่น้ำกลด คาดไม่พอใจจัดรายการแฉคดีนักการเมือง
วันนี้ (11 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นางลีนา จังจรรจา หรือ ลีน่า จัง นักกฎหมายและผู้ดำเนินรายการแฉคดี ช่องฮอตทีวี ทางเคเบิลทีวี ว่ามีคนร้ายเป็นชายฉกรรจ์บุกเดี่ยวเข้าไปปาถุงบรรจุปลาร้าใส่หน้าตนเอง ขณะกำลังนั่งอยู่ในร้านขายผลิตภัณฑ์เสริมความงามไฮโซลีน่า ที่ชั้น 2 ศูนย์การค้าอินทราสแควร์ เลขที่ 120/112  ถนนราชปรารภ เขตราชเทวี จึงไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุด้านหน้าประตูกระจกพบคราบน้ำปลาร้าเกลื่อนพื้นและประตูกระจก ซึ่งมีถุงบรรจุปลาร้าแตกอยู่บนพื้นด้วย ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว ภายในร้านบริเวณโต๊ะทำงานและชั้นวางสินค้า ก็มีคราบน้ำปลาร้าเต็มไปหมด ส่งกลิ่นฟุ้งทั่วห้องเช่นกัน นางลีนาจึงสั่งให้พนักงานรีบทำความสะอาด
จากการสอบถาม นางลีน่า ให้การว่า ขณะเกิดเหตุ ช่วงเที่ยงขณะกำลังนั่งอยู่ในร้านเพียงลำพัง เพราะพนักงานทำงานอยู่บนชั้นที่ 3 ทันใดนั้นเองมีชายฉกรรจ์อายุ 35 - 40 ปี ผิวคล้ำ ใส่เสื้อยืดแขนกุดสีดำคล้ายเสื้อกล้าม สวมกางเกงขาสามส่วนสีน้ำตาลและสวมหมวกแก๊ปปิดบังใบหน้า ทำทีเดินเข้ามาในร้าน ก่อนจะหยิบถุงปลาร้ามาขว้างปาใส่มาโดนเต็มหน้าตน ทำให้ตกใจกรีดร้อง เนื่องจากไม่ทราบว่าเป็นปลาร้า นึกว่าเป็นน้ำกรด เพราะรู้สึกแสบหน้าด้วย ก่อนจะก้มหลบหมอบลงไปใต้โต๊ะ ส่วนคนร้ายก็วิ่งหนีออกไปที่หน้าร้าน แล้วปาถุงปลาร้าใส่ประตูกระจกอีกหนึ่งครั้ง พอเหตุสงบจึงรีบไปอาบน้ำชำระร่างกาย และรีบนำกล้องวงจรปิดมาเปิดดูทันที ส่วนสาเหตุนั้นเชื่อว่าน่าจะมาจากเรื่องการเมืองแน่นอน
"ดิฉันมั่นใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากเรื่องการเมืองแน่นอน เพราะสัปดาห์ที่ผ่านมาต่อเนื่องมาถึงวันนี้ ดิฉันจัดรายการแฉคดี จะพูดถึงเรื่องการเมือง โดยเฉพาะเรื่องเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ที่ตอนนี้ กกต.ยังไม่รับรองสิทธิ เพราะมีผู้ร้องคัดค้าน ดิฉันก็เอาคลิปเอาเรื่องราวคนโน้นคนนี้มาวิเคราะห์ มาแฉว่าจะเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งอย่างไร ซึ่งอาจทำให้แฟนคลับพรรคการเมืองไม่พอใจ และมุ่งมาทำร้ายดิฉันโดยเฉพาะ ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ทุกสีเสื้อ หรืออาจจะมีนักการเมืองจ้างวานมา แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับการสอบสวนของตำรวจ ซึ่งดิฉันจะเข้าไปแจ้งความ สน.พญาไท คืนนี้ หลังบันทึกเทปรายการเสร็จ " นางลีนากล่าว
นางลีนา กล่าวด้วยว่า เบื้องต้นจะแจ้ง 3 ข้อหาคือบุกรุก ทำร้ายร่างกาย และทำให้เสียทรัพย์ เชื่อว่าตำรวจน่าจะจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุรายนี้มาดำเนินคดีได้ไม่ยาก เพราะมีหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดชัดเจน ส่วนสาเหตุที่แท้จริงนั้นจะมาจากสาเหตุอะไรนั้นก็ต้องรอสอบถามคนร้าย ตอนนี้ยังรู้สึกตกใจกลัวอยู่ และยังถือว่าโชคดีที่คนร้ายใช้น้ำปลาร้ามาปาใส่ ถ้าเป็นน้ำกรดคงตายแน่ แต่จะสู้ด้วยการจัดรายการแฉคดีต่อไป.

เพลิงไหม้ร้านสปอยเลอร์วอด








เพลิงเผาผลาญ ร้านทำสปอยเลอร์รถยนต์ วอดทั้งหลัง เพราะอุปกรณ์ในร้านเป็นเชื้อไฟอย่างดี สูญกว่า 5 แสนบาท
เมื่อเวลา 22.30 น.วันที่ 13 มี.ค.  ร.ต.ต.เลิศวัฒน์   อุทัยงาม พนักงานสอบสวน สภ.สามโคก จ.ปทุมธานี รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชนใกล้เคียงร้านอาหารเวฟไซด์ เจ็ทสกี คลับ  ถนนสามโคกฝั่งตะวันออก เป็นร้านทำสปอยเลอร์ตกแต่งรถยนต์ ชื่อเจพีสปอยเลอร์ ตั้งอยู่เลขที่ 14/1 หมู่ที่3 ต.บ้านปทุม อ.สามโคก หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยรถดับเพลิงอบต.เชียงรากใหญ่ อาสาสมัครร่วมกตัญญู เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน
ที่เกิดเหตุเป็นร้านทำสปอร์ยเลอร์เพื่อตกแต่งเสริมความสวยงามรถยนต์ ตัวอาคารเป็นเพลิงไม้ชั้นเดียวบนเนื้อที่ประมาณ70ตร.ว. พบเพลิงอยู่ระหว่างโหมลุกไหม้อย่างรุนแรงเนื่องจากภายตัวอาคารทำจากไม้  ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ส่วนในร้านนั้นประกอบไปด้วยวัตถุไวไฟ เช่น ทินเนอร์ สีพ่นรถยนต์ น้ำมันสน พลาสติก พร้อมกับมีเสียงระเบิดดังขึ้นต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องรีบฉีดน้ำสกัดเพลิงเพื่อไม่ให้ลุกลามไปติดบ้านเรือนประชาชนข้างเคียงที่ปลูกติดกัน แต่เพลิงได้ลุกลามอย่างรวดเร็วจนลามไปติดรถอีซูซุ  ทีเอฟอาร์ ของลูกค้าที่นำมาใช้บริการได้รับความเสียหายหมดทั้งคัน เจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ15นาทีจึงฉีดน้ำสกัดเพลิงไว้ได้ แต่เพลิงเผาผลาญตัวอาคารไหม้ไหม้ทั้งหลัง ตรวจสอบไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด
ด้านนายทองจันทร์  ทองแมน อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการ เปิดเผย ขณะเกิดเหตุตนไม่อยู่ที่บ้าน เมื่อเสร็จธุระจึงเดินทางกลับเข้ามา พบเพลิงอยู่ระหว่างลุกไหม้ร้านของตนอย่างรุนแรง จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อประสานหน่วยงานดับเพลิงเพื่อเดินทางมาดับเพลิงที่อยู่ระหว่างลุกไหม้  ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้รถยนต์กระบะของลูกค้าที่เข้ามาจอดไว้เพื่อรอการตกแต่งสปอยเลอร์รอบคันได้รับความเสียหายจากการถูกเพลิงไหม้วอดทั้งคัน รวมทั้งเครื่องมือช่าง และอุปกรณ์เสียหายทั้งหมดโดยคาดว่าค่าเสียหายไม่ต่ำกว่าห้าแสนบาท
ด้าน  ร.ต.ต.เลิศวัฒน์  เปิดเผยว่า เบื้องต้น ได้ประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเขต1เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้แล้ว แต่ต้องรอให้เพลิงสงบจนหมดความร้อนเพื่อหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ที่แท้จริงต่อไป.

วันพุธที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556

โสมแดงกร้าวขู่ชิงถล่มสหรัฐด้วยนิวเคลียร์ก่อน


สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานเมื่อวันที่ 7 มีนาคมว่า เกาหลีเหนือขู่ชิงใช้อาวุธนิวเคลียร์โจมตีสหรัฐ หรือผู้รุกรานอื่น ๆ ก่อน เมื่อวันพฤหัสบดี ขณะที่ คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ เตรียมลงมติรับรองมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อเกาหลีเหนือ โฆษกกระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือคนหนึ่งเตือนด้วยว่า สงครามเกาหลีรอบ 2 “ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้” กับทั้งสหรัฐและเกาหลีใต้ ซึ่งปฏิเสธข้อเรียกร้องของเปียงยางที่ให้ยกเลิกการซ้อมรบร่วมขนานใหญ่ในสัปดาห์หน้า

ด้านสำนักข่าวกลางเกาหลี หรือเคซีเอ็นเอ รายงานอ้างแถลงการณ์ของโฆษกคนดังกล่าว ที่ระบุว่า ขณะนี้ สหรัฐเริ่มจุดกระแสสงครามนิวเคลียร์ กองทัพเกาหลีเหนือจะซ้อมรบเพื่อเตรียมความพร้อมในการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ก่อน เพื่อทำลายฐานที่มั่นของผู้รุกราน

ในอดีตที่ผ่านมา เกาหลีเหนือเคยขู่โจมตีกองทัพสหรัฐในเกาหลีใต้ และอ้างด้วยว่า มีขีปนาวุธพิสัยไกลที่สามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ยิงถล่มได้ถึงดินแดนของสหรัฐ โดยคำขู่ล่าสุดมีขึ้นเมื่อ 2 วันก่อน หลังจากกองทัพเกาหลีเหนือ ประกาศจะฉีกข้อตกลงสงบศึกปี 2496 ที่ทำร่วมกับเกาหลีใต้เพื่อยุติสงครามบนคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งในทางทฤษฎีแล้ว ถือเป็นการเคลื่อนไหวอย่างหนึ่งที่จะปูทางไปสู่การกลับมาเป็นปรปักษ์กันอีกครั้ง

อุณหภูมิความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี ขยายวงกว้างอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ก่อนที่คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น จะลงมติคว่ำบาตรโสมแดง และการซ้อมรบร่วมประจำปีระหว่างกองทัพสหรัฐและเกาหลีใต้ ซึ่งมีกำหนดจะเริ่มขึ้นในวันจันทร์นี้

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More

 
Design Downloaded from Free Blogger Templates Download | free website templates downloads | Vector Graphics | Web Design Resources Download.