“สดศรี” ชี้ กรณีสุเทพ กกต.เคยยกคำร้องไปแล้ว วุฒิสภาต้องเดินหน้าตามที่ ป.ป.ช.ส่ง เชื่อมีข้อกฎหมายต้องส่งเรื่องให้ศาลรธน.
วันนี้( 27 ก.ค.)ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีที่ ป.ป.ช.ส่งเรื่องให้วุฒิสภาถอดถอนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กรณีการส่งคนไปช่วย งานที่กระทรวงวัฒนธรรม ถื่อว่า เป็นการก้าวก่ายและหาผลประโยชน์ ว่า ในเรื่องดังกล่าวเคยมีผู้ร้องมาที่กกต. และกกต.ก็ได้พิจารณาไปแล้ว โดยเสียงข้างมากเป็นควรให้ยกคำร้อง เนื่องจากเห็นว่า นายสุเทพได้มีการถอนเรื่องที่ส่งคนไปกระทรวงวัฒนธรรม ออกไปก่อนแล้ว จึงถือว่าความผิดยังไม่สำเร็จ ซึ่งกรณีดังกล่าวตนเห็นว่า เป็นการพิจารณาจากกฎหมายคนละฉบับกับโดยคณะกรรมการป.ป.ช. ก็มองในมองในเรื่องของจริยธรรมของผู้ที่เป็นนักการเมืองเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งการวินิจฉัยของ 2 องค์กรที่แตกต่างก็ได้กันขึ้นอยู่กับดุลยพินิจขององค์กรนั้น ๆ ในส่วนของกกต.ก็มาพิจารณาว่าเหมาะสมที่จะเป็นส.ส.ต่อไปหรือไม่ และในส่วของกกต.มีมีมติไปแล้วด้วยเสียงข้างมากให้ยกคำร้องจึงถือว่ายุติไปแล้วคงจะนำมาพิจารณาอีกไม่ได้ และคงไม่ผ่านมายัง
นางสดศรี กล่าวอีกว่า หลังจากที่ป.ป.ช.ส่งให้ประธานวุฒิสภาพิจารณาเรื่องการถอดถอนแล้ว ก็อาจจะมีประเด็นข้อกฎหมายให้พิจารณา ว่า หากที่ประชุมมีมติถอดถอนนายสุเทพแล้ว ทางวุฒิสภาจะมีอำนาจในการถอนถอนตาม มติได้เลยหรือไม่ หรือจะต้องส่งเรื่องกลับมาให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้สั่งเพิกถอนสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่ต้องพิจารณาเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งส.ส.ด้วยว่า การร้องเรียนดังกล่าวเป็นการร้องตั้งแต่นายสุเทพเป็นส.ส.เขตในการเลือกตั้งใหญ่ทั้งประเทศ ที่ได้ลาออกไปแล้ว จะถือได้วว่านายสุเทพได้สิ้นสภาพไปก่อนแล้วหรือไม่ และจะส่งผลถึงสถานะปัจจุบันที่ นายสุเทพที่รับการเลือกตั้งจากการเลือกตั้งซ่อมหรือไม่
เมื่อถามว่า การออกมาของป.ป.ช.ตอนนี้ยิ่งทำให้พรรคการเมืองมีความพยายามที่จะลดอำนาจองค์กรอิสระลงหรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า การดำเนินการของป.ป.ช.เป็นการทำให้เห็นว่าป.ป.ช.ไม่ได้เข้าข้างใคร และประจวบเหมาะพอดี และอาจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เขาจะยบุองค์กรอิสระลงเร็วขึ้นก็ได้ แต่เมื่อรัฐธรรมนูญเขียนไว้อย่างนี้ ก็ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เพราะการกระทำของนัการเมืองจะเข้าไปก้าวก่ายงานประจำไม่ได้ เมื่อตรวจสอบแล้วว่ามีพฤติกรรมดังกล่าวก็ต้องดำเนินการไป ถ้าจะทำให้นักการเมืองไม่พอใจก็เป็นเรื่องของเขา แต่ก็อาจะเป็นเหตุให้มาลดอำนาจองค์กรอิสระได้
“องค์กรอิสระจะอยู่หรือไม่เป็นเรื่องของพรรคการเมือง แต่การทำหน้าที่เป็นองค์กรอิสระต้องทำอย่างตรงไป ตรงมา และทำหน้าที่ให้เห็นว่าเป็นกลางจริง เมื่อมานั่งตรงนี้จะต้องปิดตาแล้วพิจารณาโดยไม่สนว่าคุณเป็นใคร และคนที่เป็นองค์กรอิสระจะต้องไม่มีอคติในใจ ว่าพรรคนั้น พรรคนื้ หรือคนนั้น คนนี้ ไม่ได้ อย่างไรก็ตามตนก็ไม่เห็นด้วยว่าจะให้องค์กรอิสระมาจากการเลือกตั้งเพราะจะมีการล็อบบี้กันมาได้ง่าย” นางสดศรี กล่าว
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น