ที่ห้องพิจารณา 5 ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง สนามหลวง เมื่อเวลา 9.30 น.วันนี้ (31 ส.ค.) ศาลอ่านคำพิพากษาคดีประมาทหมายเลขคดี 1233/2554 ที่อัยการฝ่ายคดีเยาวชนและครอบครัว 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องน.ส.แพรวพราว ( นามสมมุติ) อายุ 18 ปี เป็นจำเลย ในความผิดฐานขับรถยนต์โดยประมาท จนเป็นเหตุในผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้รับอันตรายต่อร่างกายบาดเจ็บสาหัส และทรัพย์สินเสียหาย และใช้โทรศัพท์ขณะขับรถยนต์ ต่อศาลเยาวชน ฯ เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.54 โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.53 เวลากลางคืน จำเลยซึ่งเป็นเยาวชนอายุ 17 ปี ขับรถยนต์ยฮอนด้า ซีวิค หมายเลขทะเบียน ฎว-8461 กรุงเทพมหานคร ขึ้นบนทางยกระดับโทลล์เวย์ ขาเข้ามุ่งหน้า ถ.ดินแดงด้วยความเร็วสูงเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด ซึ่งจำเลยได้กระทำประมาทโดยปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งบุคคลในภาวะปกติจะต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์และจำเลยอาจใช้ความระมัดระวังเช่นนั้นได้แต่หาได้ใช้เพียงพอไม่ โดยจำเลยไม่ขับรถในช่องทางซ้าย เมื่อมาถึงบริเวณแยกทางลงบางเขน ช่วงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เปลี่ยนช่องทางไปมา เปลี่ยนช่องทางจากช่องทางขวาสุดเพื่อมาทางซ้ายถัดมา และยังเปลี่ยนกลับไปยังช่องทางขวาอีกครั้ง เป็นเหตุให้รถยนต์ซีวิคของจำเลยพุ่งเข้าชนรถยนต์ตู้โดยสารทะเบียน 13-7795 กรุงเทพ ที่วิ่งระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต – อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งมีนางนฤมล ปิตาทานัง อายุ 38 ปี เป็นคนขับทำให้รถยนต์ตู้เสียหลักหมุนไปชนขอบกั้นทางโทลล์เวย์ พลิกคว่ำพังเสียหาย คนขับรถตู้โดยสารและผู้โดยสารภายในรถยนต์ตู้กระเด็นออกจากตัวตกจากทางด่วนเสียชีวิตรวม 9 คน และบาดเจ็บสาหัสจำนวนหนึ่ง ส่วนรถยนต์ของจำเลยแฉลบเลยจากรถยนต์ตู้ประมาณ 50 เมตร นอกจากนี้ก่อนเกิดเหตุจำเลยยังได้ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถยนต์ โดยมีหลักฐานเป็นรายงานการใช้โทรศัพท์มือถือของจำเลย ชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธทั้ง 2 ข้อหา
ขณะที่นางทองพูน พานทอง อายุ 57 ปี มารดาของนางสาวนฤมล คนขับรถตู้ กล่าวว่า ผลคำพิพากษาของศาลในวันนี้ ทำให้ตนรู้สึกดีขึ้นที่จะไม่มีใครกล่าวหาว่าลูกสาวตนเป็นคนผิดและสังคมจะได้รู้ว่าลูกตนไม่ได้ทำผิด