ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ 083-792-5426

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามตำแหง บางกะปิ 083-792-5426

วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ศาลสั่งจำคุกสาวซีวิค 3 ปี



ที่ห้องพิจารณา 5 ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง สนามหลวง  เมื่อเวลา 9.30 น.วันนี้ (31 ส.ค.) ศาลอ่านคำพิพากษาคดีประมาทหมายเลขคดี 1233/2554 ที่อัยการฝ่ายคดีเยาวชนและครอบครัว 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องน.ส.แพรวพราว ( นามสมมุติ) อายุ 18 ปี เป็นจำเลย ในความผิดฐานขับรถยนต์โดยประมาท จนเป็นเหตุในผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้รับอันตรายต่อร่างกายบาดเจ็บสาหัส และทรัพย์สินเสียหาย และใช้โทรศัพท์ขณะขับรถยนต์ ต่อศาลเยาวชน ฯ เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.54 โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.53 เวลากลางคืน จำเลยซึ่งเป็นเยาวชนอายุ 17 ปี ขับรถยนต์ยฮอนด้า ซีวิค หมายเลขทะเบียน ฎว-8461 กรุงเทพมหานคร ขึ้นบนทางยกระดับโทลล์เวย์ ขาเข้ามุ่งหน้า ถ.ดินแดงด้วยความเร็วสูงเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด ซึ่งจำเลยได้กระทำประมาทโดยปราศจากความระมัดระวัง  ซึ่งบุคคลในภาวะปกติจะต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์และจำเลยอาจใช้ความระมัดระวังเช่นนั้นได้แต่หาได้ใช้เพียงพอไม่ โดยจำเลยไม่ขับรถในช่องทางซ้าย เมื่อมาถึงบริเวณแยกทางลงบางเขน ช่วงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เปลี่ยนช่องทางไปมา เปลี่ยนช่องทางจากช่องทางขวาสุดเพื่อมาทางซ้ายถัดมา และยังเปลี่ยนกลับไปยังช่องทางขวาอีกครั้ง เป็นเหตุให้รถยนต์ซีวิคของจำเลยพุ่งเข้าชนรถยนต์ตู้โดยสารทะเบียน 13-7795 กรุงเทพ ที่วิ่งระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต – อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งมีนางนฤมล ปิตาทานัง อายุ 38 ปี เป็นคนขับทำให้รถยนต์ตู้เสียหลักหมุนไปชนขอบกั้นทางโทลล์เวย์ พลิกคว่ำพังเสียหาย คนขับรถตู้โดยสารและผู้โดยสารภายในรถยนต์ตู้กระเด็นออกจากตัวตกจากทางด่วนเสียชีวิตรวม 9 คน และบาดเจ็บสาหัสจำนวนหนึ่ง ส่วนรถยนต์ของจำเลยแฉลบเลยจากรถยนต์ตู้ประมาณ 50 เมตร นอกจากนี้ก่อนเกิดเหตุจำเลยยังได้ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถยนต์ โดยมีหลักฐานเป็นรายงานการใช้โทรศัพท์มือถือของจำเลย ชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธทั้ง 2 ข้อหา

                
ภายหลังการอ่านคำพิพากษานานกว่า 2 ชั่วโมง นางยุวดี เยี่ยงยุกด์สากล อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าฝ่ายโจทก์มีประจักษ์พยานที่เป็นผู้เสียหายโดยสารมากับรถตู้ และพยานปากเป็นพนักงานขับรถยกของดอนเมืองโทลลเวย์ที่ขับรถตามมาก่อนเกิดเหตุ ภาพวงจรปิดบนทางด่วน และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์แล้วเห็นว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง ศาลจึงพิพากษาลงโทษจำคุกน.ส.แพรวพราว จำเลยในความผิดฐานขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและทำให้ทรัพย์สินเสียหายเป็นเวลา 3 ปี  คำให้การในชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกเป็นเวลา 2 ปี โทษจำคุกให้รอลงอาญาเป็นเวลา 3 ปี คุมประพฤติจำเลย 3 ปี และให้รายงานตัวทุกๆ 3 เดือน ให้ทำงานบริการสังคมโดยการดูแลผู้ป่วยจากอุบัติเหตุเป็นเวลา 48 ชั่วโมง และห้ามจำเลยขับรถยนต์จนกว่าจะมีอายุครบ 25 ปีบริบูรณ์ ส่วนความผิดฐานใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ศาลพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากไม่สามารถนำสืบได้ว่าจำเลยใช้โทรศัพท์จริงหรือไม่ เพราะอยู่ในรถ
                
นางยุวดี กล่าวอีกว่า ส่วนจะยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลวินิจฉัยไม่รอลงอาญาจำเลย รวมทั้งข้อหาใช้โทรศัพท์ขณะขับรถหรือไม่ จะต้องขอคัดคำพิพากษาเพื่อไปปรึกษากับอธิบดีอัยการฝ่ายคดีเยาวชนฯ ก่อน แต่ตามข้อกฎหมายมีหลักห้ามอุทธรณ์ในข้อหาใช้โทรศัพท์ เพราะมีแค่โทษปรับเท่านั้น ยกเว้นจะได้รับการรับรอง ถ้าหากโจทก์ร่วมต้องการจะยื่นอุทธรณ์คดีก็สามารถทำได้ทันทีภายในระยะเวลา 1 เดือน และสามารถขอขยายระยะเวลาได้อีกตามที่กฎหมายกำหนด
              
"คดีนี้ศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้อง ซึ่งเป็นธรรมชาติของคดีเยาวชนที่มุ่งเน้นแก้ไข บำบัด ฟื้นฟูเยาวชน"  นางยุวดี กล่าว
                
พ.ต.อ.ศรัญ นิลวรรณ บิดาของน.ส.สุดาวดี นิลวรรณ นักศึกษา คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามคำฟ้องในความผิดฐานประมาท แต่ให้การลดโทษและคุมประพฤติ พร้อมทั้งห้ามขับรถ ซึ่งเท่าที่ได้หารือกับญาติผู้เสียหายส่วนใหญ่รู้สึกพอใจ แม้ศาลจะให้รอลงอาญาก็ตาม โดยไม่ติดใจการลงโทษ เพราะกฎหมายเยาวชนเน้นให้โอกาสเยาวชนแก้ไขกลับเนื้อกลับตัว และการฟ้องคดีนี้เพื่อต้องการให้ศาลชี้ว่าใครผิดใครถูก จึงต้องขอขอบคุณญาติผู้เสียทุกคน เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ฝ่ายพิสูจน์หลักฐานที่รวบรวมหลักฐานไว้ละเอียดครบถ้วน พยานทุกปากโดยเฉพาะคนขับรถดอนเมืองโทลล์เวย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และศาลที่พิพากษาตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าคดีนี้ฝ่ายจำเลยจะต้องขอยื่นอุทธรณ์ โดยโจทก์เองก็จะปรึกษาหารือกันต่อไป
              
ด้านนางถวิล เช้าเที่ยง อายุ 64 ปี มารดาของนายศาสตรา เช้าเที่ยง หรือดร.เป็ด  กล่าวว่า พอใจผลคำพิพากษา ส่วนตัวต้องการยื่นอุทธรณ์ แต่ต้องปรึกษาทนายความอีกครั้งว่าจะยื่นอุทธรณ์หรือจะดำเนินคดีทางแพ่งหรือไม่อย่างไร โดยหลังจากนี้จะกลับไปบอกลูกชายว่าศาลพิพากษาลงโทษและได้ภาคทัณฑ์จำเลยแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกเสียใจและเสียดายที่ลูกชายอุตสาห์ใช้เวลาหลายปีร่ำเรียนอย่างหนักจนจบมา แต่ก็ยังไม่ได้มีโอกาสหาความสุขแต่งงานมีครอบครัวก็ต้องมาถูกแม่คุณคนนี้ขับรถชนตาย
ขณะที่นางทองพูน พานทอง อายุ 57 ปี มารดาของนางสาวนฤมล คนขับรถตู้ กล่าวว่า ผลคำพิพากษาของศาลในวันนี้ ทำให้ตนรู้สึกดีขึ้นที่จะไม่มีใครกล่าวหาว่าลูกสาวตนเป็นคนผิดและสังคมจะได้รู้ว่าลูกตนไม่ได้ทำผิด              
              
ส่วนน.พ.กฤช รอดอารีย์ บิดานายเกียรติมันต์ รอดอารีย์ บัณฑิตเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่มีคำพิพากษาในวันนี้ เพราะรอคอยกันมานาน ส่วนญาติทุกคนจะอุทธรณ์ในข้อหาใช้โทรศัพท์ขณะขับรถหรือไม่ต้องรอปรึกษากับทีมทนายก่อน ทั้งนี้ ส่วนตัวเห็นว่าบทลงโทษของศาลกรณีนี้จะเป็นบรรทัดฐานให้กับคดีอื่นได้
                
นางกษมน มั่นศิลป์ มารดานายเกียรติมันต์ กล่าวว่า หลังจากนี้เป็นหน้าที่ของจำเลยที่ต้องมารายงานตัวต่อศาลต่อศาลทุก 3 เดือน ต่อเจ้าพนักงานคุมประพฤติ ซึ่งจะทำหน้าที่ตรวจสอบว่าจำเลยได้ทำการฝ่าฝืนคำสั่งศาลหรือไม่ทั้งเรื่องการห้ามเที่ยวกลางคืน ห้ามเสพยาเสพติด และทำงานบริการสังคม 48 ชั่วโมงภายในเวลา 2 ปี และให้กลับไปศึกษาโดยต้องนำผลการเรียนพร้อมผลการตรวจปัสสาวะส่งเจ้าพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือน ซึ่งฝ่ายโจทก์ร่วมคงไม่ไปติดตามตรวจสอบว่าจำเลยจะปฏิบัติตนผิดเงื่อนไขศาลหรือไม่ แต่ถ้ามีผู้ใดพบเห็นว่าจำเลยแอบไปเที่ยวกลางคืนหรือไปขับรถก็สามารถถ่ายรูปนำหลักฐานมาส่งศาลให้พิจารณาลงโทษได้
                  
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ญาติผู้หายเดินทางมาศาลทุกคน โดยในช่วงเช้าก่อนเข้าฟังคำพิพากษาญาติผู้เสียหายเดินทางไปสักการะศาลหลักเมืองเพื่อขอพรให้คดีจบสิ้นโดยเร็ว ส่วนน.ส.แพรวพราวเดินทางมาพร้อมบิดา-มารดาและทนายความและเข้าห้องพิจารณาทันที ซึ่งภายหลังการฟังคำพิพากษาน.ส.แพรวพราวและครอบครัวเดินออกจากห้องพิจารณาด้วยสีหน้าที่แสดงอาการโล่งใจ
                 
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า  ก่อนหน้านี้คดีนี้ศาล เคยนัดฟังคำพิพากษามาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.55 แต่ศาลได้มีข้อเสนอแนะให้คู่ความทั้งสองฝ่าย ได้ร่วมประชุมกลุ่มสหวิชาชีพ เพื่อให้ครอบครัวผู้เสียหาย นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ ร่วมกันประเมินและหารือเพื่อวางแผนการเยียวยา และบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่ศูนย์ให้คำปรึกษาแนะนำและประสานการประชุมเพื่อแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็ก เยาวชนและครอบครัว ตามพ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง และวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวกลาง พ.ศ.2553 มาตรา132 ซึ่งต่อมาได้มีการนัดประชุมกลุ่มครอบครับเรื่อยมาตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. จนกระทั่งวันที่ 30 ก.ค. กลุ่มครอบครัวผู้เสียหาย ได้ประชุมร่วมกับจำเลยและทนายความ ซึ่งได้มีการกล่าวขออภัยกัน โดยฝ่ายญาติผู้เสียหายยังยืนยันที่จะให้ศาลมีคำพิพากษาคดี  ทั้งนี้  ญาติผู้เสียหายยังได้ฟ้องคดีแพ่งฐานละเมิดเรียกค่าเสียหาย 120 ล้านบาท โดยขณะนี้ศาลแพ่งให้จำหน่ายคดีไว้ชั่วคราวจนกว่าศาลเยาวชนฯ จะมีคำพิพากษา.

กรมสรรพสามิตเผยขึ้นภาษีสุรา-ยาสูบ เก็บรายได้เพิ่ม 13,000 ล้านบาท


เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (22 ส.ค.) กลุ่มเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พร้อมด้วยเครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ และเครือข่ายเฝ้าระวังแอลกอฮอล์กรุงเทพ มูลนิธิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา จำนวนกว่า 30 คน เข้าพบ นางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมสรรพสามิต เพื่อสนับสนุนนโยบายที่กระทรวงการคลังเสนอให้คณะรัฐมนตรีปรับขึ้นภาษี เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยให้มีผลบังคับใช้ทันที

โดยนายจะเด็จ เชาว์วิไล ที่ปรึกษาเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เปิดเผยว่า เครือข่ายต้องการสนับสนุนนโยบายของกรมสรรพสามติดังกล่าว เพราะมาตรการราคาที่เพิ่มขึ้นจะช่วยลดแรงจูงใจในการเข้าถึงแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะเยาวชนและผู้มีรายได้น้อย อีกทั้งยังส่งผลดีต่อสุขภาพ ลดการบาดเจ็บ พิการ และเสียชีวิต ที่มีสาเหตุมาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และทำให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้น

ด้าน นางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า ตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ทำให้สรรพสามิตยาสูบปรับเพิ่มค่าแสตมป์ ยาเส้น ยาสูบ และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประเภทต่างๆ มีผลทำให้ราคาขายปลีกยาสูบปรับเพิ่มขึ้นซองละ 3-14 บาท นอกจากนี้ได้ปรับภาษีสุรากลั่น ชนิดสุราขาว จากเดิมลิตรละ 120 บาทต่อฤทธิ์แอลกอฮอล์ เป็น 150 บาท ชนิดสุราผสม จากเดิม 300 บาท เป็น 350 บาท และชนิดสุราพิเศษ ประเภทบรั่นดี ปรับเพิ่มตามมูลค่าจาก 48 เป็น 50 รวมถึงค่าธรรมเนียมให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน รวมทั้งสนับสนุนมาตรการควบคุมการบริโภคของประชาชนด้วย

ทั้งนี้ จะทำให้กรมสรรพสามิตมีรายได้เพิ่มขึ้นปีละ 13,000 ล้านบาท มาจากยาสูบ 10,000 บาท สุรา 3,000 ล้านบาท ในส่วนเบียร์และไวน์นั้น ได้ปรับภาษีเต็มเพดานไปแล้ว กำลังศึกษาว่าจะขยายเพดานอีกหรือไม่ โดยหากต้องขยายเพดานต้องแก้กฎหมายก่อน ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลขึ้นภาษีเพื่อนำเงินไปชดเชย โครงการประชานิยมนั้น ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพราะค่าธรรมเนียมดังกล่าวไม่ได้ปรับขึ้นมากว่า 34 ปีแล้ว เป็นเพียงการปรับตามสภาวะเศรษฐกิจ.


ฟินแลนด์ทำเหรียญที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติในหลวง







พระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 7 รอบ โดยใช้แนวคิดในการผลิตเหรียญที่ระลึกให้มีขนาดใหญ่ที่สุดเพื่อ “ความเป็นหนึ่งเดียวในโลก” นำขึ้นทูลเกล้าถวายแด่พระองค์ท่าน ส่วนรายได้หลังจากนำหน่ายเหรียญหักค่าใช้จ่าย ทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเสด็จพระราชกุศล ตามพระราชอัธยาศัย
เหรียญเงิน ใช้วัสดุเหรียญเงินสเตอร์ลิง (เงินแท้ 92.5% และทองแดง 7.5%) น้ำหนัก 1 กิโลกรัม เส้นผ่าศูนย์กลาง 10 ซม.
เหรียญทอง ใช้วัสดุเหรียญเงินสเตอร์ลิง เคลือบทองคำแท้หนา 0.2 ไมครอน น้ำหนัก 1 กิโลกรัม เส้นผ่าศูนย์กลาง 10 ซม.
นายโจปี ฮัคคาเนน ผู้จัดการฝ่ายเทคโนโลยีของโรงกษาปณ์แห่งประเทศฟินแลนด์กล่าวว่า “งานชนิดนี้ต้องอาศัยผู้มีทักษะในการใช้แกะลวดลายที่เป็นเลิศ รวมถึงความระมัดระวังอย่างสูง เพื่อความเป็นเลิศของชิ้นงาน”
โดยเหรียญขนาดใหญ่นี้ แสดงให้เห็นถึงลวดลายการแกะสลักบนเหรียญอย่างชัดเจนเป็นพิเศษ สะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดปลีกย่อยของการตีตราเหรียญที่ระลึก นอกจากเทคโนโลยี การตีตราด้วยวิธีกดอัดด้วยระบบไฮดรอลิกที่มีน้ำหนักสูงถึง 1,250 ตัน แล้ว แม่พิมพ์ของแต่ละเหรียญ ล้วนแต่ผ่านงานฝีมือที่ต้องอาศัยความชำนาญจากช่างแกะสลักผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งได้สั่งสมประสบการณ์ และการเรียนรู้มาอย่างยาวนาน
สำหรับการจัดสร้างเหรียญที่ระลึกทรงพระเจริญยิ่งยืนนานนี้  มีวัตถุประสงค์เพื่อรวมใจพสกนิกร ชาวไทยเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 7 รอบ และนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย ทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเสด็จพระราชกุศล ตามพระราชอัธยาศัย
 
โครงการฯ นี้ โรงกษาปณ์แห่งประเทศฟินแลนด์ได้รับเกียรติ จาก หม่อมหลวง จิราธร จิรประวัติ  ในการออกแบบพระบรมสาทิสลักษณ์ลายเส้น ภายใต้แนวคิด “Circle of life” เนื่องด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว    เป็นศูนย์รวมจิตใจของพสกนิกรชาวไทย พระบารมี และ พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ทำให้วงจรชีวิตของปวงชนชาวไทยมีความสมบูรณ์ในทุกด้าน  โดยสื่อความหมายผ่านเหรียญที่ระลึกทั้ง 3 แบบ และมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
 
เหรียญผลิดอก วัสดุ โลหะผสม ขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 27.25 มม. น้ำหนัก 27.25 กรับ บรรจุใน แคปซูลคุณภาพดีและบรรจุภัณฑ์เรียบโก้ (ราคา 399 บาท)
ด้านหน้า พระบรมสาทิศลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมข้อความ “H.M. KING BHUMIBOL ADULYADEJ’S 84TH BIRTHDAY ANNIVERSARY”
ด้านหลัง ภาพลายเส้นรูปดอกไม้ผลิดอก สื่อถึงการเริ่มต้นอย่างสวยงามของปวงชน ชาวไทยทุกคน ภายใต้          พระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมข้อความ “LONG LIVE THE KING OF THAILAND”

เหรียญออกผล วัสดุ เงินแท้ขัดเงา ลงสีชมพู ขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 22 มม. น้ำหนัก 8.4 กรัม บรรจุในกล่องสวยหรู (ราคา 2,499 บาท)
ด้านหน้า พระบรมสาทิศลักษณ์ พระบาทสมเด็จประเจ้าอยู่หัว พร้อมข้อความ “H.M. KING BHUMIBOL ADULYADEJ’S 84TH BIRTHDAY ANNIVERSARY” พร้อมลงสีชมพูด้านหลัง ภาพลายเส้นรูปต้นไม้ออกผล สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ของผืนแผ่นดินไทย ภายใต้พระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมข้อความ “LONG LIVE THE KING OF THAILAND”
 
เหรียญร่มเย็น วัสดุ ทองคำแท้เคลือบบนโลหะผสม ขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 27.25 มม. น้ำหนัก 10 กรัม บรรจุในกล่องสวยหรู  (ราคา 2,499 บาท)
ด้านหน้า พระบรมสาทิศลักษณ์ พระบาทสมเด็จประเจ้าอยู่หัว พร้อมข้อความ “H.M. KING BHUMIBOL ADULYADEJ’S 84TH BIRTHDAY ANNIVERSARY”
ด้านหลัง ภาพลายเส้นรูปต้นไม้ใหญ่ ผลิดอก ออกผล สื่อถึงความร่มเย็นเป็นสุข ของพสกนิกรชาวไทย ภายใต้      พระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมข้อความ “LONG LIVE THE KING OF THAILAND”
 
ชุดเหรียญ Circle of Life
เหรียญผลิดอก เหรียญออกผล และเหรียญร่มเย็น
1 ชุดประกอบด้วย 3 เหรียญ เหรียญทองคำแท้เคลือบบนโลหะผสม  เหรียญเงินแท้ขัดเงาลงสีชมพู และเหรียญโลหะผสม
บรรจุในกล่องสวยหรู ควรค่าแก่การเก็บสะสม มอบเป็นของที่ระลึกแด่คนสำคัญ หรือจัดทำเป็นเครื่องประดับ (ราคาชุดละ 4,999 บาท)

สสปน.ลุยดึงเวียดนามร่วมงานแสดงสินค้าในไทย


วันนี้ (30 ส.ค.) นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายงานแสดงสินค้านานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) เปิดเผยว่า สสปน. มีแผนเจาะตลาดดึงผู้ซื้อและผู้ขายชาวเวียดนามมาออกร้านและร่วมงานแสดงสินค้าในไทยมากขึ้น โดยเน้นเจาะกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตร อาหารเป็นหลัก โดยได้ไปจับมือกับสำนักงานส่งเสริมการค้าเวียดนาม (เวียดเทรด) ลงนามในความร่วมมือระหว่างกัน ในส่วนของ สสปน. จะช่วยให้ความรู้ผู้ประกอบการเวียดนามในการใช้ช่องทางร่วมงานแสดงสินค้าขยายตลาด ขณะที่ทางเวียดเทรดจะช่วยประชาสัมพันธ์ปฏิทินการจัดงานแสดงสินค้าของไทยให้ผู้ประกอบการเวียดนามทราบ

“จากสถิติผู้ร่วมงานแสดงสินค้าในไทย เมื่อปี 51-52 ผู้ร่วมงานจากเวียดนามยังติดอันดับ 1 ใน 5 ของตลาดที่มาไทยมากที่สุด แต่หลังจากนั้นยอดผู้ร่วมงานเวียดนามตกลงไป เพราะเวียดนามมีปัญหาเศรษฐกิจ ประกอบกับในประเทศจัดงานแสดงสินค้ามากขึ้น ดังนั้นสสปน. จึงต้องกลับมากระตุ้นตลาดนี้ให้กลับมาไทย โดยเน้นเจาะตลาดรายอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตามมองว่า เวียดนามยังไม่ใช่คู่แข่งที่น่ากลัวของไทยด้านการเป็นศูนย์กลางแสดงสินค้านานาชาติในอาเซียน เพราะงานแสดงสินค้าที่จัดในเวียดนาม แม้จะมีมากกว่า 800 งาน เพิ่มขึ้น 3 เท่าตัวจาก 5 ปีก่อน แต่งานส่วนใหญ่ยังเป็นงานระดับในประเทศเท่านั้น มีงานนานาชาติเพียงแค่ 70 งาน”


มือปืนยิงลูกส.ส.ชาดามอบตัวสารภาพสิ้น


จากกรณีนายฟารุต ไทยเศรษฐ อายุ 28 ปี ลูกชายนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา ถูกยิงเสียชีวิต ขณะขับรถโตโยต้า แลนด์ครุยเซอร์ สีดำ ทะเบียนป้ายแดง อ 5726 กรุงเทพมหานคร เหตุเกิดที่ถนนสายเขาใหญ่-วังน้ำเขียว ท้องที่ สภ.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น เกี่ยวกับความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว ล่าสุดเมื่อเวลา 20.00 น. วันนี้(30ส.ค.) พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.ภ.3 ได้รับการประสานจากชายที่อ้างตัวว่าเป็นมือปืนยิงนายฟารุต ว่าจะขอเข้ามอบตัว โดยนัดหมายให้มารับตัวในพื้นที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
 
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ดินทางไปรับตัวทราบชื่อ นายมั่น พูลทรัพย์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 55 หมู่ 6 ต.ปากท่อ อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ก่อนจะพาตัวมาสอบสวนที่เซฟเฮ้าแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว ท่ามกลางกำลังเจ้าหน้าที่คุ้มกันอย่างแน่นหนา
ทั้งนี้ นายมั่นรับสารภาพว่า ปัจจุบันทำงานเป็นคนคุมงานก่อสร้างอยู่ภายในสนามกอล์ฟแห่งหนึ่งใกล้ที่เกิดเหตุ ในวันเกิดเหตุได้ขับรถปิกอัพโตโยต้า วีโก้  มาเพียงลำพัง และชอบเปิดเพลงเสียงดัง ก่อนเกิดเหตุรถยนต์ของนายฟารุต ขับมาและสาดไฟสูงใส่จึงขับหลบให้แซงขึ้นไป จากนั้นก็ขับแซงกันไปมาและเปิดไฟสูงใส่เช่นกัน  จากนั้นคนที่นั่งด้านซ้ายได้ลดกระจกลงแล้วยิงปืนใส่ตนก่อนหลายนัด ด้วยความตกใจจึงใช้อาวุธปืนพกยิงตอบโต้ไป 3 -4 นัด
นายมั่น กล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุได้นำรถไปเติมน้ำมันที่ปั้มแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง ก่อนจะนำรถไปซ่อมที่อู่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ โดยพบว่าตัวรถถูกยิงทั้งหมด 6 นัด เมื่อซ่อมเสร็จก็ย้อนกลับมาทำงานตามปกติ ส่วนอะไหล่ที่เปลี่ยนก็ยังเก็บไว้ สาเหตุที่ตัดสินใจเข้ามอบตัวกับตำรวจเพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ยืนยันว่าเป็นการป้องกันตัวเองไม่ได้มีการวางแผนมาก่อนแต่อย่างใดและขณะเกิดเหตุมีตนเพียงคนเดียวเท่านั้น


วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2555

"ขวัญ อุษามณี " ยอมรับขับรถผิดกฎ-แต่ตร.พูดแก้ตัว





นางเอกสาว ขวัญ อุษามณี ยอมรับผิดจริงแต่ยังเคืองคำพูดตำรวจที่ไม่ดีจริงๆ หากพูดดีคงไม่ระบายผ่านทางอินสตาแกรม
วันนี้ ( 23 ส.ค.) จากกรณี พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบช.น.) รับผิดชอบงานจราจร ได้โพสต์ข้อความบนเฟสบุ๊ก ถึงนางเอกสาว ขวัญ อุษามณี ไวทยานนท์ ถึงการทำงานของตำรวจว่าไม่ถูกต้องและไม่สมควร โดยตำรวจคนดังกล่าว คือ ร.ต.อ.พีรรัฐ โยมา สว.จร.สน.นางเลิ้ง ซึ่งเหตุเกิดที่แยกยมราช เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม เวลา 5 โมงเย็นนั้นว่าดาราสาวทำผิดกฎจราจร

โดยนางเอกสาว ขวัญ อุษามณี ไวทยานนท์ กล่าวว่า ขวัญได้อ่านแล้วค่ะที่ทางตำรวจเขียน คือวันนั้นยอมรับเราผิดจริง แซงซ้ายไปจริงเพราะว่ามองไม่เห็นเส้นทึบเพราะว่ารถมันติดมาก แล้วพี่จราจรก็เรียกเข้าไป แล้วเขาก็พูดจาอย่างที่ขวัญเขียนไปในอินสตาแกรม

“ถ้าเขาพูดจาดี ขวัญจะเขียนแบบนั้นทำไม เหมือนถ้าเราไม่ถูกน้ำร้อน เราจะร้อนไหมก็ไม่นะ เจตนาคนไม่เหมือนกัน ในเรื่องที่ขวัญเขียน ถ้าเขาไม่ทำเกินกว่าเหตุ ขวัญคงไม่เขียนแบบนั้น พอได้อ่านในสิ่งที่ทางตำรวจเขียน ขวัญว่าเหมือนเขาแก้ตัว เขาเป็นตำรวจเขาน่าจะทำตัวให้เป็นที่เคารพ ศรัทธา ของประชาชน นะคะ”

บุกจับอดีตผู้คุมคุกเมืองคอน-พร้อมเมียพัวพันยาเสพติดเรือนจำ









บุกจับ 3 ใน 8 ผู้ต้องหาเครือข่ายค้ายาเรือนจำเมืองคอน รวบอดีตผู้คุมที่โดนไล่ออกชุดแรกพร้อมภรรยา ดีเดย์จับกุมที่เหลือทุกรายเด็ดขาด
วันนี้(23 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อค่ำวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา  พล.ต.ต.รณพงษ์  ทรายแก้ว ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช สั่งการให้ พ.ต.อ.เชาวศิลป์  บุญประดิษฐ์ ผกก.สส.บก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช พ.ต.ท.โชดดี  ศรีเมือง รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ชูยศ  จินดานคร สว.กก.สส. นำกำลังพร้อมหมายจับศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เลขที่ 259/2555 ลงวันที่ 9 ส.ค. เข้าจับกุมนายณัฐพล ระย้า อายุ 43 ปี ในหมู่บ้านแกรนด์ปาร์ค อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช อดีตเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่พัวพันกับขบวนการค้ายาเสพติดเรือนจำ ซึ่งถูกกรมราชทัณฑ์ตั้งคณะกรรมการสอบสวนและให้ออกจากราชการในชุดแรก 3 คน โดยนายณัฐพล เป็น 1 ใน 3 ที่กรมราชทัณฑ์ให้ออกจากราชการ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมได้ พร้อมอาวุธปืนขนาด 9 มม.  1 กระบอก กระสุนเต็มแมกกาซีน โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคารหลายเล่ม และรถยนต์อีก 1 คัน
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเดียวกันนำหมายจับเข้าจับกุมนางสรรุจี ระย้า อายุ 37 ปี พยาบาลประจำโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจ.นครศรีธรรมราช ภรรยาของนายณัฐพล จับได้พร้อมเพื่อนสาวของนางสรรุจี ยังไม่ทราบชื่ออีก 1 คน ยึดโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง สมุดโทรศัพท์จำนวนหนึ่ง และรถยนต์ 1 คัน ควบคุมตัวมาสอบสวนที่ห้องปฏิบัติการหน่วยปฏิบัติการพิเศษ กก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช และหลังจากสอบสวนในเบื้องต้นเสร็จแล้ว ได้ควบคุมตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ลงบันทึกประจำวันและควบคุมตัวเข้าห้องขังตามขั้นตอนของกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าปฏิบัติการบุกจับกุมนายณัฐพล และนางสรรุจี ภรรยาพร้อมเพื่อนของนางสรรุจีอีก 1 คนนั้น เป็นการปฏิบัติการลับตามคำสั่งของ พล.ต.ต.รณพงษ์  ซึ่งมีเป้าหมายในการจับกุมผู้ต้องหาที่เป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดในชุดแรก หลังปฏิบัติการ”นครศรีธรรมราชโมเดล ในระหว่างวันที่ 22-24 เม.ย.2555 ที่ผ่านมา  และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานโดยเฉพาะที่แกะข้อมูลจากซิมโทรศัพท์มือถือ จนมีการเสนอออกมายจับในชุดแรกจำนวน 8 คนทั้งที่เป็นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ อดีตเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และบุคคลภายนอก 

พล.ต.ต.รณพงษ์ เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานเสนอขอหมายจับจากศาลในชุดแรก 8 คน โดยมีเป้าหมายในการปฏิบัติการจับกุมให้ได้ทั้งหมดภายในวันที่ 23 ส.ค.  และเข้าจับกุมนายณัฐพล พร้อมนางสรรุจี ภรรยาซึ่งเป็นพยาบาลโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง พร้อมเพื่อนสาวของนางสุรุจี อีก 1 คน ส่วนที่เหลือจะจับกุมในวันนี้ หลังจากนั้นจะนำไปสู่การยุดทรัพย์ของผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ซึ่งเท่าที่รวบรวมและมีพยานหลักฐานชัดเจนแล้วหลายสิบล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะระดมกำลังกว่า 100 นาย เริ่มดีเดย์ 07.00 น. เป็นต้นไป   ส่วนผู้ต้องหาในลอตต่อไปที่มีทั้งผู้คุม อดีตผู้คุมและบุคคลภายนอก ที่ตำรวจเสนอขอหมายจับจากศาลอีก 14-15 คน ในขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลว่าจะอนุมัติหมายตับหรือไม่ และถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดคาดว่าศาลจะอนุมัติหมายจับล็อตที่ 2 จำนวน 14-15 คนภายในวันสองวันนี้อย่างแน่นอน

ในขณะที่เครือข่ายรายอื่น ๆ อีกหลายสิบคน จะเร่งสรุปสำนวนเพื่อทยอยเสนอขอหมายจับในโอกาสต่อไป เมื่อศาลอนุมัติหมายจับ  พล.ต.ต.รณพงษ์ จะระดมกำลังตำรวจแยกย้ายกันออกไล่ล่าติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาอย่างต่อเนื่อง และทุกรายจะนำไปสู่การยึดทรัพย์ทั้งหมด ซึ่งตามข้อมูลของ ปปง.ที่ออกมาเปิดเผยก่อนหน้านี้ทรัพย์สินของเครือข่ายค้ายาเสพติดเรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราช สูงถึง 350 ล้านบาท เลยทีเดียว.

ตั้งรางวัลนำจับแจ้งเบาะแสคนร้ายยิงลูกชาย "ส.ส.ชาดา" วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม 2555 เวลา 10:30 น. ตั้งรางวัลผุู้แจ้งเบาะแสคนร้ายยิงลูกชาย "ส.ส.ชาดา" 5 หมื่นบาท ตำรวจยันวันนี้พยานปากเอกเตรียมเข้าให้การ เชื่อเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี จากกรณีนายนายฟารุต ไทยเศรษฐ์ ลูกชาย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา และประธานกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎร ถูกยิงเสียชีวิตที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ที่ผ่านมา ความคืบหน้า วันนี้(23 ส.ค.) พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วยผบ.ตร. พร้อม พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.องอาจ ผิวเรืองนนท์ ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา ได้ร่วมประชุมชุดสืบสวนคลี่คลายคดี เพื่อวางแนวทางในการติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีอย่างเร่งด่วน เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีสะเทือนขวัญ คน้รายก่อเหตุอุกอาจ ไม่หวั่นเกรงกกหมายบ้านเมือง ทั้งนี้มีรายงานว่าวันนี้ ทางพยานที่นั่งมาในรถของนายฟารุต ผู้ตาย จะเดินทางเข้าให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี เพราะในช่วงเกิดเหตุ พยานชุดนี้เห็นลักษณะรถของคน้รายชัดเจน ซึ่งรวมทั้งใบหน้าของคนร้ายด้วย รายงานจากฝ่ายสืบสวนแจ้งด้วยว่า สำหรับคดีนี้ ล่าสุดมีการตั้งรางวัล 5 หมื่นบาท แก่ผู้แจ้งเบาะแส จนนำไปสู่การจับกุมคนร้ายได้ด้วย.


จากกรณีนายนายฟารุต ไทยเศรษฐ์ ลูกชาย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา และประธานกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎร ถูกยิงเสียชีวิตที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ที่ผ่านมา ความคืบหน้า วันนี้(23 ส.ค.) พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วยผบ.ตร. พร้อม พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.องอาจ ผิวเรืองนนท์ ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา ได้ร่วมประชุมชุดสืบสวนคลี่คลายคดี เพื่อวางแนวทางในการติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีอย่างเร่งด่วน เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีสะเทือนขวัญ คน้รายก่อเหตุอุกอาจ ไม่หวั่นเกรงกกหมายบ้านเมือง
ทั้งนี้มีรายงานว่าวันนี้ ทางพยานที่นั่งมาในรถของนายฟารุต ผู้ตาย จะเดินทางเข้าให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี เพราะในช่วงเกิดเหตุ พยานชุดนี้เห็นลักษณะรถของคน้รายชัดเจน ซึ่งรวมทั้งใบหน้าของคนร้ายด้วย
รายงานจากฝ่ายสืบสวนแจ้งด้วยว่า สำหรับคดีนี้ ล่าสุดมีการตั้งรางวัล 5 หมื่นบาท แก่ผู้แจ้งเบาะแส จนนำไปสู่การจับกุมคนร้ายได้ด้วย.

ลูกจ้างลาวโหดฆ่าเศรษฐินีโรงงานหมูยอ


วันนี้(23 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้ง มีเหตุลูกจ้างชาวลาวฆาตกรรม นายจ้างเศรษฐินี เจ้าของโรงงานผลิตหมูยอ ในพื้นที่นครเวียงจันทน์ สปป.ลาว ก่อนนำศพยัดใส่โถส้วมและโบกปูนทับอำพรางคดี ซี่งหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ สปป.ลาว  ได้สืบสวนจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุได้ และญาติๆของผู้ตาย ได้เดินไปรับศพกลับมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านพักเลขที่ 94 หมู่ 1 ต.นาหว้า อ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ จึงเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่บ้านเลขที่ดังกล่าว พบญาติพี่น้อง และบุคคลที่สนิทสนมคุ้นเคยเดินทางมาร่วมพิธีศพและไว้อาลัยจำนวนมาก บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
นายบุญมี บุตรทศ อายุ 45 ปี เจ้าของโรงงานผลิตหมูยอแม่เสถียร สามีผู้ตาย เปิดเผยว่า ผู้ตายคือนางกิติใจ หรือเจ้ไก่ บุตรทศ อายุ 40 ปี ซึ่งเดิมได้บริหารธุรกิจโรงงานผลิตหมูยอมูลค่ากว่า 20 ล้านบาทของครอบครัว ต่อมาถูกท้าวคำแปงลูกจ้างชาวลาว หว่านล้อมและชักชวนให้ไปลงทุนสร้างโรงงานผลิตหมูยอใน นครเวียงจันทน์ ประเทศสปป.ลาว ซึ่งสมาชิกในครอบครัวต่างก็คัดค้านเป็นเสียงเดียวกัน แต่ผู้ตายไม่ฟังนำเงินไปลงทุนสร้างโรงงานและบ้านพักเกือบ 5 ล้านบาท
กระทั่งเมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจากตำรวจสปป.ลาวว่า นางกิติใจถูกท้าวคำแปง ฆ่าตายแล้ว ตนและญาติๆจึงเดินทางข้ามไปยังนครเวียงจันทน์ เพื่อรับฟังข้อเท็จจริงจากตำรวจ และรับศพผู้ตายกลับมาประกอบพิธีศพ โดยตกลงจะทำพิธีฌาปนกิจ ในช่วงบ่ายวันนี้ที่ วัดศรีชมพู เขตเทศบาลเมือง ต.นาหว้า
นายบุญมี เผยต่อไปว่า ตำรวจสปป.ลาว ได้ให้รายละเอียดว่า ปกติชุมชนนครเวียงจันทน์ จะมีตำรวจบ้านคอยดูแลประชาชนที่เข้ามาพักอาศัย ไม่ว่าจะเป็นชาวลาวหรือชาวต่างชาติ รวมทั้งผู้ตายด้วย กระทั่งได้รับแจ้งว่าผู้ตายได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย จึงตรวจสอบข้อมูลการเข้า-ออกประเทศ กับด่านตรวจคนเข้าเมือง แต่ไม่พบข้อมูลการเดินทางออกนอกประเทศของผู้ตาย จึงสืบสวนหาข้อมูลและเชิญตัวคนงานที่กำลังก่อสร้างบ้านของผู้ตายไปสอบปากคำ โดยคนงานได้ให้ข้อมูลว่าก่อนที่ผู้ตายจะหายตัวไปได้ทะเลาะวิวาทกับท้าวคำแปงอย่างรุนแรง จึงเชื่อว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปในครั้งนี้ จึงนำตัวท้าวคำแปงมาสอบเค้นจนยอมรับสารภาพว่า เมื่อกลางดึกวันที่ 19 ส.ค. ที่ผ่านมาได้ทะเลาะวิวาทและโต้เถียงกับผู้ตายอย่างรุนแรง เรื่องที่ตนนำเงินที่ผู้ตายให้มาลงทุนสร้างโรงงานบางส่วนไปใช้ ทำให้เกิดบันดาลโทสะใช้สากกระเบือกระหน่ำตีผู้ตายจนเสียชีวิตแล้วลากศพไปทิ้งลงในบ่อส้วมแล้วโบกทับด้วยปูนซีเมนต์เพื่ออำพรางคดี แล้วแสร้งทำทีเป็นไม่รู้เรื่อง กระทั่งถูกตำรวจจับได้ดังกล่าว.

วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เครือข่าย"ปชช.ทนไม่ไหว"ฮือประท้วงสถานทูตมะกันให้วีซ่า"แม้ว"







กลุ่มภาคีเครือข่ายประชาชนทนไม่ไหว กว่า 150 คน ชุมนุมโจมตีสถานทูตอเมริกา กรณีออกให้วีซ่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าประเทศได้
เมื่อวันที่ 17 ส.ค. กลุ่มภาคีเครือข่ายประชาชนทนไม่ไหว นำโดยนายสมบูรณ์ ทองบุราณ อดีตสมาชิกวุฒิสภา พร้อมสมาชิกภาคีจำนวน 150 คน เดินทางมาชุมนุมบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน เพื่อโจมตีกรณีที่ประเทศสหรัฐอเมริกาออกวีซ่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าประเทศได้ โดย พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐ์ผล ผกก.สน.ลุมพินี นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สายตรวจ จราจร สน.ลุมพินี และเจ้าหน้าที่ ปจ.บก.น.5 เข้าไปดูแลความปลอดภัย
นายสมบูรณ์ ได้ขึ้นปราศรัยกล่าวโจมตีนางคริสตี้ เคนนี่ย์ เอกอัครราชฑูตสหรัฐอเมริกา ถึงการที่ไม่ตอบคำถามกรณีที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและไทยมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนทวิภาคี เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ที่ถูกตัดสินว่าเป็นนักโทษหนีคดี จึงไม่ควรได้รับวีซ่าท่องเที่ยวให้เข้าสู่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ จึงเห็นชัดว่าประเทศสหรัฐอเมริกาไม่มีความเคารพและละเมิดกฎหมายและพันธะกรณีระหว่าง 2 ประเทศที่ปล่อยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าประเทศได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นได้มีหญิงใช้นามแฝงชื่อ กาแฟดำ ขึ้นอ่านเอกสารที่เตรียมนำมายื่นให้สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งขอเข้าไปยื่นเอกสารภายในสถานทูต โดยมีช่างภาพเข้าไปด้วย แต่ทางสถานทูตได้แจ้งว่า อนุญาตให้นำช่างภาพเข้าไปได้แค่ 2 คน ทางกลุ่มผู้ชุมนุมจึงเปลี่ยนข้อเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสถานทูตออกมารับหนังสือแทน ซึ่งทางสถานทูตก็ตอบรับข้อตกลง แต่ทางกลุ่มผู้ชุมนุมก็ไม่ได้ยื่นหนังสื่อแต่อย่างใด ก่อนจะสลับสับเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัย เปิดเพลงให้กลุ่มผู้ชุมนุมฟังเป็นระยะ จนกระทั่งทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้ประกาศว่า จะเดินทางไปชุมนุมที่สำนักงานองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น)ในวันที่ 21 ส.ค. ในเวลา 19.00 น.อีกครั้ง ก่อนจะแยกย้ายกันกลับไป.

ตร.ห้วยขวางรวบอาชีวะพกปืน.22 คาป้ายรถเมล์






ตำรวจจับนักเรียนอาชีวะสถาบันดัง พกปืน .22 คาป้ายรถเมล์ย่านห้วยขวาง อ้างไว้ใช้ป้องกันตัวจากนักเรียนคู่อริต่างสถาบัน
เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 17 ส.ค. ร.ต.ท.บุญญฤทธิ์ สุขบรรเทิง รอง สวป.สน.ห้วยขวาง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.ห้วยขวาง ร่วมกันจับกุมนายสิริภพ สถิตย์พงษ์วัฒนะ อายุ 20 ปี นักศึกษาอาชีวะของสถาบันชื่อดังแห่งหนึ่ง ย่านพหลโยธิน พร้อมของกลาง อาวุธปืนปากกา ขนาด .22 พร้อมเครื่องกระสุนปืน จำนวน 1 นัด ได้ที่บริเวณป้ายรถโดยสารประจำทาง หน้าโรงแรม เลอ คอง คอร์ด ถนนรัชดาภิเษก แขวงและเขตห้วยขวาง กทม.

โดย ร.ต.ท.บุญญฤทธิ์ กล่าวว่า ขณะกำลังปฎิบัติหน้าที่ตรวจความเรียบร้อยในพื้นที่ จนมาถึงบริเวณป้ายหยุดรถประจำทาง หน้าโรงแรม เลอ คอง คอร์ด พบกลุ่มนักเรียนอาชีวะเดินลงจากรถโดยสารประจำทาง สาย 136 ซึ่งวิ่งระหว่าง หมอชิตใหม่-คลองเตย มีพฤติกรรมน่าสงสัย จึงเรียกตรวจค้น ปรากฎว่า พบอาวุธปืนปากกา แบบไทยประดิษฐ์ ขนาด .22 พร้อมเครื่องกระสุนบรรจุอยู่ในรังเพลิง จำนวน 1 นัด อยู่ในกระเป๋าสะพายสีดำของนายสิริภพ จึงนำตัวมาสอบสวน

จากการสอยสวน นายสิริภพ ยอมรับว่า อาวุธปืนปากกาเป็นของตนพกเอาไว้เพื่อป้องกันตัว เนื่องจากที่พักอาศัยนั้นค่อนข้างจะอยู่ไกลจากสถาบัน เบื้องต้น ทางตำรวจได้แจ้งข้อหา ”พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร”ก่อนนำตัวส่งพนักงายสอบสวนดำเนินดคีต่อไป.

นศ.หนุ่มม.ดังตกตึกเรียนสาหัสเพื่อนช็อกเห็นเหตุการณ์สุดระทึก




เมื่อวันที่ 17 ส.ค. เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูได้รับแจ้งเหตุนักศึกษา มหาวิยาลัยกรุงเทพ รังสิต ตกจากอาคารได้รับบาดเจ็บ ภายในมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ตึก 8 คณะศิลปกรรม ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยแพทย์โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ ศูนย์รังสิต     
     
ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ช่วยกันปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บเบื้องต้น ทราบชื่อ นายพีรสัณย์ พิทักษ์สัตยกุล อายุ 22 ปี นักศึกษาคณะศิลปกรรม สาขาทัศนศิลป์ อยู่บ้านเลขที่ 9/144 แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กทม. สภาพนอนหงายจมกองเลือดอยู่บนพื้น ภายหลังตกลงมาจากอาคารช็อป 8 ของคณะฯ ที่ความสูงประมาณ 10 เมตร  เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ ศูนย์รังสิต 
         
สอบสวนเพื่อนของผู้บาดเจ็บรายหนึ่ง ให้การว่า ขณะที่เพื่อนๆ กำลังถ่ายภาพเพื่อทำงานส่งอาจารย์กันอยู่ที่ด้านล่างของอาคารเรียน นายพีรสัณย์ขอตัว บอกเพื่อนๆ ว่าเดี๋ยวมา จนกระทั่งพบว่าร่างนายพีรสัณย์ลอยตกมาจากด้านบนของตัวอาคารได้รับบาดเจ็บต่อหน้าต่อตาเพื่อนๆ ท่ามกลางความช็อกของทุกคนที่เห็นเหตุการณ์        

เบื้องต้นสันนิษฐานว่า ผู้บาดเจ็บน่าจะขึ้นไปหาถ่ายภาพมุมสูงบนตัวอาคาร จนกระทั่งเกิดพลัดตกลงมาได้รับบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะได้เร่งหาสาเหตุที่แน่ชัดอีกครั้ง

“ธาริต”รับเคลียร์ผู้นำกองทัพวุ่นเหตุดีเอสไอเผยข้อมูลคดี91ศพ


เมื่อวันที่ 17 ส.ค. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงคดีการเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐจากเหตุรุนแรงทางการเมืองเมื่อปี 2553 จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 91 ศพ ว่า หลังจากมีการท้วงติงจากผู้ใหญ่ในกองทัพบกเรื่องการให้ข่าวของดีเอสไอ  ตนจึงได้พูดคุยทำความเข้าใจกับผู้ใหญ่ของกองทัพแล้ว และได้กำชับพนักงานสอบสวน รวมทั้งพ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าวว่า จากนี้ตนจะเป็นผู้แถลงข่าวเพียงคนเดียว 
ส่วนการดำเนินคดีนั้นพนักงานสอบสวนยังทำงานได้เป็นปกติ  แค่จะไม่มีการให้ข่าวรายวันและแถลงเมื่อคดีมีข้อมูลคืบหน้าชัดเจนเท่านั้น  ทั้งนี้คดีดังกล่าวดีเอสไอไม่ได้ทำคดีเพียงลำพัง มีพนักงานอัยการ และพนักงานสอบสวนฝีมือดีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กว่า 50 นาย ร่วมเป็นคณะพนักงานสอบสวน    
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2553 เป็นภาวะไม่ปกติและถือเป็นภาวะคับขันของบ้านเมือง ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนใช้อาวุธทำร้ายประชาชนโดยพลการ แต่เจ้าหน้าที่มีความจำเป็นในการใช้กำลัง ซึ่งใครจะมีความผิดอย่างไรเป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ ดีเอสไอพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายเพื่อพิสูจน์ความจริงต่อไป” นายธาริต  กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องบางคดี นายธาริต กล่าวว่า การที่มีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องในบางคดี แต่ไม่ได้หมายความว่าคนที่เกี่ยวข้องจะมีความผิดเสมอไป และอาจจะไม่ต้องรับผิดในการกระทำ เพราะอาจจะกระทำไปในภาวะจำเป็น หรือปฏิบัติตามคำสั่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย จึงไม่ต้องรับผิดทั้งในทางแพ่งและทางอาญา

เมื่อถามว่า คดีดังกล่าวดีเอสไอมุ่งเอาผิดกลุ่มนักการเมืองหรือไม่ นายธาริต กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นเรื่องใหญ่ ดีเอสไอไม่ได้ทำคดีตามลำพัง  ทุกฝ่ายให้ความสนใจ การสอบสวน ไม่ได้เจาะจงเอาผิดเฉพาะนักการเมือง แต่เป็นการพิจารณาตามข้อเท็จจริงที่ปรากฎในสำนวน สำหรับข่าวที่ปรากฎขึ้นอาจจะเป็นความคลาดเคลื่อน เพราะการนำเสนอบางครั้งด้วยข้อจำกัดในเรื่องเวลาหรือเนื่้อที่ อาจรวบรัดไปบ้างแต่ไม่ได้โทษใคร
 
 ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้ดีเอสไอออกมาระบุว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง เมื่อกองทัพออกมาท้วงติงจะส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนไปหรือไม่ นายธาริต กล่าวว่า คงไม่มีใครพูดหรือเปลี่ยนแปลงในข้อเท็จจริงในสำนวนได้  เพียงแต่วิธีการนำเสนอข่าวต่อสาธารณชนจะต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น  อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวรู้สึกเห็นใจทุกฝ่าย ทั้งผู้สูญเสีย ทหาร และผู้บาดเจ็บ.

"ทวี"ขู่19นปช.ก่อการร้ายไม่มาศาลตามนัดถูกถอนประกันแน่


เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 17 ส.ค. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายทวี ประจวบลาภ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม และเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ เพื่อกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัย ในวันที่ 22 ส.ค. ที่ศาลนัดสอบถามนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก ผู้ช่วยเลขานุการรมช.มหาดไทย กับพวกแกนนำและแนวร่วมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จำเลยในคดีร่วมกันก่อการร้าย รวม 19 คน ว่า ในวันดังกล่าว ศาลจะสอบถามนายยศวริศ ต่อจากเมื่อวันที่ 9 ส.ค. ส่วนในเวลา 15.00 น. จะเป็นการนัดฟังคำสั่งเพิกถอนประกันแกนนำ 19 คน จะไม่มีเหตุอะไรให้เลื่อนคงจะจบในวันนั้น ศาลอาญาจึงขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล กองปราบปราม และกรมราชทัณฑ์ ซึ่งผลสรุปแล้วคือศูนย์ปฏิบัติการร่วมรักษาความปลอดภัย ศปก.เห็นว่าจะกำหนดมาตรการเหมือนวันที่ 9 ส.ค. ทั้งการวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ จัดสถานที่สื่อมวลชน และผู้สนับสนุนในพื้นที่เดิม การที่จำเลยหรือผู้ติดตามจะเข้าห้องพิจารณาคดีก็ต้องแลกบัตรจำแนกสี รวมถึงการอำนวยความสะดวกให้คู่ความและประชาชนด้วย

นายทวี กล่าวว่า ในครั้งนี้ ได้เตรียมการในกรณีที่องค์คณะผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนอาจมีคำสั่งเพิกถอนประกัน ซึ่งกรณีนี้ตนยังไม่ทราบผลว่าจะออกมาอย่างไร เพราะองค์คณะเจ้าของสำนวนกำลังพิจารณาอยู่ ซึ่งแผนการที่เจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการบังคับตามคำสั่งศาล ทางราชทัณฑ์จะต้องดำเนินการอย่างไร เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องช่วยสนับสนุนอย่างไร จะต้องมองสถานการณ์ในทุกมิติให้รอบคอบโดยอาศัยบทเรียนในวันที่ 9 ส.ค. มาทบทวนและเพิ่มเติมในส่วนที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์กับการดำเนินการ ภาวนาว่าในวันนั้นฝ่ายผู้สนับสนุนคงจะมาไม่เยอะ ถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องเดินทางมา ดูทีวีจะดีกว่า แต่ถ้าเดินทางมาเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะดูแลรักษาความปลอดภัยสถานที่ที่ผู้สนับสนุนยืนรอนอกศาล ทางเราเตรียมการที่จะรับมือทุกรูปแบบโดยมีการสมมติสถานการณ์เบาที่สุดเป็นอย่างไร หนักที่สุดเป็นอย่างไร ส่วนเหตุการณ์เฉพาะหน้าจะมีการประเมิน ทุก 2 ชั่วโมง
 
นายทวี กล่าวอีกว่า ศาลยังมีการประกาศใช้ข้อกำหนดห้ามกระทำพฤติการณ์ใดที่ที่เป็นการรบกวนการพิจารณาคดีที่จะเป็นการละเมิดอำนาจศาลอยู่ ยังไม่ได้ยกเลิก หลังเสร็จสิ้นการพิจารณาจึงมีการยกเลิก ต้องขอร้องให้เห็นใจด้วย ศาลต้องการรักษาความสงบให้มากที่สุดหากศาลทำไม่ได้ ก็คงไม่มีที่ไหนในประเทศไทยทำได้ เพราะว่าเรามีทั้งอำนาจตามกฎหมาย มีอำนาจเจ้าหน้าที่บ้านเมืองสนับสนุน คงจะทำเท่าที่คู่ความ ผู้สนับสนุน หรือประชาชนภายนอกเดือดร้อนน้อยที่สุด เพื่อให้ไม่มีปัญหา แต่เท่าที่คุยกันก็คงใช้กำลังเจ้าหน้าที่เท่าเดิมแต่ไม่สามารถบอกได้ว่าจะใช้กำลังเท่าใดเป็นหน้าที่ของผู้ปฎิบัติ กลุ่มผู้สนับสนุนที่จะมาศาลก็ไม่ปิดกั้น แต่ไม่มาดีกว่า

เมื่อถามถึงแผนการรับมือหากมีการถอนประกันแกนนำแดงที่อาจมีการปิดถนนหรือล้อมรถราชทัณฑ์ ว่า ทางกรมราชทัณฑ์และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการพูดคุยกันแล้วในภาพกว้างๆ รายละเอียดจะพาไปเรือนจำเส้นทางไหนยังไหน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะประชุมกันในวันที่ 22 สิงหาคม ช่วงเช้าอีกที่ ตนเองก็ยังไม่ทราบ เรื่องบางเรื่องเป็นเรื่องที่ต้องรู้บางคนเท่านั้น เพราะภารกิจการนำตัวจำเลยเข้าสู่เรือนจำ
ถามว่าในวันที่ 22 ส.ค. หากมีจำเลยคนใดคนหนึ่งไม่มาหรือจะขอเลื่อนฟังคำสั่ง นายทวี กล่าวว่า โดยผลของกฎหมายแล้วจำเลยทุกคนต้องมา ถ้าไม่มาถือว่าผิดสัญญาประกัน ศาลสามารถถอนประกันได้เลยโดยไม่ต้องเรียกมาสอบถามใดๆ  เพราะถือว่า ผิดสัญญาประกันโดยปริยาย จึงขอเตือนจำเลยทั้ง 19 คน ล่วงหน้า ว่า อย่าเล่นเกมเด็ดขาด ถ้าจะใช้ไม้ไหนยังไงศาลก็คงจะมีมาตรการรับมืออยู่แล้ว แต่คงบอกไม่ได้ คนที่ไม่มาอาจถูกถอนประกันก่อนคนที่มาก็ได้ซึ่งจะเป็นเรื่องร้ายแรงกว่า ดังนั้นจำเลยทุกคนควรจะมา ตอนนี้ตนยังไม่รู้ผลจะออกมาอย่างไรอยู่ระหว่างองค์คณะกำลังปรึกษาหารือเขียนคำสั่งอยู่ในส่วนของจำเลย 18 คนที่สอบถามเสร็จสิ้นแล้ว ส่วนนายยศวริศ คงต้องรอข้อมูลในวันที่ 22 ส.ค. ช่วงเช้าอีกส่วนหนึ่งนำไปประกอบกับการเขียนคำสั่งแต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีฝ่ายผู้ร้องหรือฝ่ายนายยศวริศ ยื่นเอกสารพยานหลักฐานมาเพิ่มเติม แต่ยังมีเวลายื่นอีกหลายวัน

“อยากให้ฝ่ายจำเลยมาศาลกันให้ครบ หากไม่มาศาลก็ถอนประกันเหมือนคดีอาญาทั่วไป แต่ศาลไม่อยากให้ยืดเยื้อ เพราะประชาชนจะเดือดร้อน อยากให้มันจบไปในวันนั้น เพราะถ้าเป็นการอ่านคำสั่งในคดีอาญาจะต้องอ่านพร้อมกันทีเดียว บางคนแย้งว่าจำเลยกลุ่ม ส.ส. 5 คน ไม่อยู่ แต่ส่วนใหญ่ 19 คนอยู่แต่คิดว่าในวันนั้นจะมีทิศทางที่ดี ยังไงวันที่ 22 ส.ค.นี้จะไม่มีการเลื่อนฟังคำสั่ง ยกเว้นมีเหตุการณ์ร้ายแรงอะไรเกิดขึ้น ซึ่งผมคิดว่าไม่มี และหากศาลเลื่อนก็จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์และการคาดเดาผลไปต่างๆ แต่ศาลบริสุทธิ์ใจตัดสินไปตามกฎหมาย ไม่มีอคติหรือการแฝงเร้น ซึ่งองค์คณะเจ้าของสำนวนวางตัวได้อย่างเหมาะสมเป็นแบบอย่าง เชื่อว่าสถานการณ์ต่างๆจะคลี่คลายในช่วงเย็น” อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากล่าวตอนท้าย.

"สุรพงษ์"เยือนชิลีเร่งคลอดเอฟทีเอ


เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายเสข วรรณเมธี รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ในระหว่างวันที่ 17-20 ส.ค.นี้ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ มีกำหนดการเยือนสาธารณรัฐชิลีและสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิลอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของนายอัลเฟรโด โมเรโน่ ชาร์คเม รมว.ต่างประเทศชิลี และนายอันโตนิโด เด อะกีอาร์ ปาตริตา รมว.ต่างประเทศของบราซิล

ในการเยือนชิลีครั้งนี้ นายสุรพงษ์ ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายเซบัสเตียน ปีเญร่า เอเชนีค ประธานาธิบดีชิลี และหารือทวิภาคีกับนายอัลเฟรโด โมเรโน่ ชาร์คเม รมว.ต่างประเทศชิลี รวมทั้งส่งมอบหนังสือและศิลปวัตถุแก่สถาบันการทูตของชิลี และการปลูกต้นราชพฤกษ์ที่สวนสาธารณะ Plaza Tailandia กรุงซานติอาโก ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จฯไปทรงเปิดสวนสาธารณะดังกล่าว เมื่อครั้งเสด็จเยือนชิลีอย่างเป็นทางการในปี 2553 และขณะนี้สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงซานติอาโก กำลังก่อสร้างศาลาทรงไทยที่สวนสาธารณะดังกล่าวให้เสร็จในปีนี้ เพื่อเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ด้วย ทั้งนี้นายสุรพงษ์ จะผลักดันให้การเจรจาจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรี ชิลี-ไทย ให้ลุล่วงและคาดว่าจะเจรจาเสร็จสิ้นภายในปีนี้
 
นายเสข กล่าวอีกว่า ส่วนภารกิจการเดินทางเยือนบราซิลของนายสุรพงษ์ ที่กรุงบราซิเลีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคลาตินอเมริกาสูง และมีบทบาทนำในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ  นายสุรพงษ์จะได้หารือทวิภาคีกับนายอันโตนิโอ เด อะกีอาร์ ปาตรีออตา รมว.ต่างประเทศบราซิล และจะร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจ 2 ฉบับ คือบันทึกความเข้าใจ(เอ็มโอยู)ว่าด้วยการจัดตั้งกลไกการหารือทางการเมือง และเอ็มโอยูว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการไตรภาคี.

สภาฯผ่านม.11ก.เกษตรฯ7.2 หมื่นล.จี้“เต้น”ไขก๊อกแก้ราคายางเหลว


เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ผู้สือข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจาณณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ในวาระที่ 2 ได้พิจารณามาตรา 11 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน 72,882,914,000 บาท โดยประธานการประชุม เปิดโอกาสให้สมาชิกได้อภิปรายอย่างกว้างขวาง นานกว่า 2 ชั่วโมง ซึ่งส.ส.ฝ่ายค้านส่วนใหญ่ ได้ตั้งข้อสังเกตถึงการจัดสรรงบประมาณว่า เป็นการจัดงบลงพื้นที่ของส.ส.ซีกรัฐบาล โดยเรียกร้องให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณในแต่ละพื้นที่อย่างเป็นธรรม และเท่าเทียม รวมถึงบัตรเครดิตเกษตรกรที่มีแต่ก่อหนี้สินให้แก่เกษตรกรมากขึ้น และการบริหารจัดการราคาพืชผลทางการเกษตรที่ตกต่ำอย่างหนัก โดยเฉพาะราคายางพารา
น.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในเมื่อนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ไม่สามารถแก้ปัญหายางพาราตกต่ำได้ ถึงขอเงินไปแทรกแซงแล้วแต่ราคาก็ยังตกต่ำอยู่ ขอให้แสดงความรับผิดชอบโดยการลาออกจากตำแหน่ง แต่ในที่สุดที่ประชุมเสียงส่วนใหญ่ให้ความเห็นชอบ  
ทั้งนี้ หลังอภิปรายนานกว่า 2 ชั่วโมง ท้ายที่สุมติเห็นด้วยกับกรรมาธิการเสียงข้างมากด้วยคะแนน 282 เสียงไม่เห็นด้วยกับกรรมาธิการ 113 เสียง งดออกเสียง 0 เสียง ไม่ลงคะแนน 3 เสียง.

สภาผ่านมาตรา12งบกท.คมนาคมฉลุย


เมื่อวันที่ 17 ส.ค. เวลา16.20น. ที่ประชุมเริ่มพิจารณา มาตรา 12 กระทรวงคมนาคม จำนวน  75,948,723,100 บาท โดยการอภิปรายเป็นไปอย่างกว้างขวาง เน้นไปที่การบริหารงานในสนามบินสุวรรณภูมิที่ผิดพลาด  อาทิ ปัญหารันเวย์ร้าว รวมไปถึงความล้มเหลวจากนโยบายรถยนต์คันแรก ที่จะยิ่งสร้างปัญหาด้านการจราจร รวมถึงการการนำเงินภาษีไปจ่ายให้หลายหมื่นล้านก็ไม่คุ้มค่า และปัญหาการสร้างทางด่วนไม่ได้มาตรฐาน เป็นเหตุให้รถตกทางด่วนหลายครั้ง เป็นต้น ในที่สุดที่ประชุมมีมติเห็นด้วยกับคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากด้วยคะแนน 282 ต่อ 104 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง ไม่ลงคะแนน 4 เสียง
 

บัวแก้วขอคืนทรัพย์สิน92คนไทยแต่ต้องยึดกฎหมายพม่า


เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายเสข วรรณเมธี รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่มีญาติของคนไทย 92 คนที่ถูกทางการพม่าดำเนินคดีลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายบุกรุกป่าและบางส่วนพัวพันยาเสพติดและครอบครองอาวุธออกมาเรียกร้องให้ทางการไทยเร่งดำเนินการนำทรัพย์สินที่ถูกทางการพม่ายึดไป กลับคืนมา ว่า ขณะนี้สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ นครย่างกุ้ง ประเทศพม่ากำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีทรัพย์สินของคนไทยกลุ่มนี้ ส่วนจะสามารถนำออกมาคืนก่อนได้หรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะต้องเป็นไปตามขั้นตอนและกฎหมายของพม่า

ขณะที่เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา ศาลพม่าได้เบิกตัวผู้ต้องหาไทยในคดีพัวพันยาเสพติดและครอบครองอาวุธขึ้นไต่สวน โดยทนายความชาวพม่าที่ทางกระทรวงฯว่าจ้างให้ช่วยว่าความให้คนไทยกลุ่มนี้ ระบุว่า ศาลพม่ามีแนวโน้มที่จะเบิกตัวเจ้าหน้าที่กลุ่มที่เข้าจับกุมผู้ต้องหาขึ้นไต่สวนด้วย คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์ ศาลจึงจะมีคำตัดสิน.

สภาเร่งสปีดผ่านงบ3มาตรารวด


เมื่อเวลา 18.45 น. วันที่ 17 ส.ค. ที่ประชุมได้พิจารณามาตรา 13 งบประมาณกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยราชการในกำกับ วงเงิน 30,657,787,400 บาท โดยที่ประชุมใช้เวลาพิจารณากันไม่ถึง 1 ชั่วโมง
จากนั้นได้มีมติเห็นกับคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากด้วยคะแนน284 ต่อ 96 เสียง งดออกเสียง 2 ไม่ลงคะแนนเสียง 3 เสียง หลังจากนั้นได้ให้ความเห็นชอบในมาตรา 14 กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร วงเงิน 7,598,809,500 บาททันทีเนื่องจากไม่มีผู้อภิปราย โดยเห็นชอบกับคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากด้วยคะแนน 287 ต่อ 74 เสียงและเห็นชอบในมาตรา 15 กระทรวงพลังงาน วงเงิน 1,956,623,100 บาท โดยไม่มีผู้อภิปราย ซึ่งได้เห็นชอบกับคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากด้วยคะแนน 286 ต่อ 86 เสียง
.

ปชป.อัดกท.พาณิชย์ไร้ประสิทธิภาพ


เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ในการประชุมพิจารณามาตรา 16 กระทรวงพาณิชย์ วงเงิน 7,430,322,600 บาท โดยส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ ส.ส.จันทบุรี อภิปรายติติงการจัดงบประมาณของกระทรวงพาณิชย์ ว่า รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บริหารงบประมาณแบบโม้ โดยในโครงการรับจำนำมันสำปะหลัง สร้างความเจ็บปวดให้กับเกษตรกรมาก เพราะประสบปัญหาการขาดทุน อีกทั้งการจัดสรรงบประมาณในกระทรวงนี้ยังไม่เหมาะสม ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่โปร่งใส แก้ปัญหาปากท้อง ของแพงไม่ได้ มีปัญหาพลังงานราคาแพง ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำทำให้ต้นทุนการครองชีพสูงขึ้น มีปัญหาโครงการจำนำข้าว ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ไม่แก้ปัญหาในเชิงรุก ทำให้ประชาชนเดือดร้อน โดยเฉพาะโครงการร้านถูกใจ ที่มีปัญหามากมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมาธิการฯ ไม่ได้ชี้แจงเกี่ยวกับข้อติติงต่าง ๆ ในที่สุดที่ประชุมได้มีมติเห็นด้วยกับคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากด้วยคะแนน 282 ต่อ 69 เสียง

สภาป่วนกลางดึกส.ส.พท.ประท้วง"วัชระ"วุ่น


เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการพิจารณางบฯ มาตรา 17 ของกระทรวงมหาดไทย มีการอภิปรายเพียง 30 นาที ที่ประชุมได้ลงมติเห็นด้วยกับกรรมาธิการเสียงข้างมากด้วยคะแนน 286 ต่อ 98 เสียง จากนั้นเวลา 21.00 น.ที่ประชุมพิจารณามาตรา 18 กระทรวงยุติธรรม โดยนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายติติงการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณไว้เกือบ 1,140 ล้านบาท แต่ที่ผ่านมาดีเอสไอกลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองทำร้ายฝ่ายตรงข้าม เช่น การออกหนังสือเรียกผู้บริจาคเงินช่วยเหลือน้ำท่วมปี 2553 ให้สำนักนายกรัฐมนตรีผ่านพรรคประชาธิปัตย์มาสอบ ทั้งที่ยังไม่มีการรับเป็นคดีพิเศษ และคดีนี้ดีเอสไอก็ไม่มีอำนาจสอบสวน ไม่ทราบว่าเป็นการรับลูกทางการเมืองมาหรือไม่ และถือว่าไม่ตรงกับพันธกิจในการบังคับใช้กฎหมายด้วยความเป็นธรรม นอกจากนี้รองอธิบดีดีเอสไอ บอกว่าจะเรียกทหารที่ใช้สไนเปอร์มาสอบ แต่ในคดีเกี่ยวกับชายชุดดำในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองกลับไม่มีความคืบหน้า ไม่ทราบว่ากรรมาธิการฯได้สอบถามเรื่องนี้หรือไม่

ด้านนายชวลิต วิชยสุทธิ์ กรรมาธิการฯ ชี้แจงว่า ที่ผ่านมาการเมืองอีกฝ่ายหนึ่งก็ไม่สบายใจกับการทำงานดีเอสไอ เมื่อการเมืองเปลี่ยน การเมืองอีกฝ่ายก็ไม่พอใจเช่นกัน ซึ่งรู้สึกเห็นใจข้าราชการ แต่ในการพิจารณาคณะกรรมาธิการฯก็ได้ปรับลดงบประมาณของดีเอสไอไปแล้ว
 
จากนั้นนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการผู้สงวนคำแปรญัตติ ลุกขึ้นอภิปรายโดยอ่านเอกสารที่อ้างว่าเป็นคำชี้แจงของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ต่อคณะกรรมาธิการฯ ที่ระบุว่า ดีเอสไอถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองของฝ่ายรัฐบาล ทำให้บรรดาส.ส.พรรคเพื่อไทย พากันลุกขึ้นประท้วง อาทิ นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ที่ลุกขึ้นโดยนำเอกสารที่อ้างว่าเป็นเอกสารจากคณะกรรมาธิการฯ มาอ่านโดยระบุว่า นายธาริต ได้ชี้แจงว่า ดีเอสไอถูกใช้เป็นเครื่องมือของฝ่ายรัฐบาลในคดีก่อการร้าย ซึ่งคนฟังจะเข้าใจได้ว่าหมายถึงเป็นเครื่องมือทางการเมืองของรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นนายวัชระ เอาเอกสารมาอ่านไม่หมดถือว่าบิดเบือน และเอาเอกสารออกมาได้อย่างไร จึงอยากให้นายวัชระ ส่งมอบเอกสารให้ประธานและให้ประธานในที่ประชุมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย
โดยระหว่างนั้นนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาคนที่ 1 ในฐานะประธานในที่ประชุม ได้พยายามไกล่เกลี่ย ขอให้นายวัชระ อภิปรายให้จบก่อน แล้วให้ส่งเอกสารมาให้ประธานในภายหลัง แต่ส.ส.พรรคเพื่อไทยไม่ยอม พากันลุกขึ้นประท้วงหลายคน ขณะที่ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ก็ลุกขึ้นประท้วงเช่นกัน โดยเสนอให้ประธานตรวจสอบเอกสารของนายประชา ที่นำมาอ่านในที่ประชุมด้วย ซึ่งการประท้วงดังกล่าวเสียเวลาการประชุมไปถึง 25 นาที ในที่สุดนายเจริญ ได้วินิจฉัยให้นายวัชระ อภิปรายต่อ และเมื่ออภิปรายเสร็จแล้วขอให้ทั้งสองฝ่ายส่งเอกสารให้ประธานคณะกรรมาธิการฯไปพิจารณาว่าเอกสารของฝ่ายไหนเป็นของจริง.

“ขุนค้อน”สั่งรัฐบาลส่งเอกสารงบฯให้ฝ่ายค้าน


เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2556 ในวาระ 2  ก่อนจะเริ่มพิจารณาในมาตรา 10  กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จำนวน 10,516 หมื่นล้านบาท
ปรากฎว่านายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน ได้หารือในที่ประชุมพร้อมทั้งทวงถามเอกสารรายละเอียดงบประมาณ ที่ได้ขอไปตั้งแต่การพิจารณางบประมาณวันแรกคือวันที่ 15 ส.ค. ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับ โดยเอกสารที่ขอไปมี 2  ชุด คือ 1.เอกสารแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในปี 55 จำนวน 1.2 แสนล้านบาท ที่นายกรัฐมนตรีมาขอเงินจากสภาเป็นแค่ตัวเลขไม่มีรายละเอียด  ซึ่งเราจะมาตรวจสอบว่านำเงินไปใช้อะไรบ้าง และ 2. งบกลาง ฉุกเฉินจำเป็นเร่งด่วน 6.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งรัฐบาลบอกว่าใช้ไปแล้ว 3 หมื่นล้าน ก็อยากทราบว่าเอาไปใช้อะไรบ้าง

“วันนี้เราได้เอกสารมาแค่ครึ่งเดียวแต่ไม่ได้มีการบอกว่านำเงินไปใช้อะไรบ้าง ไม่มีการลงลึกไปในรายละเอียด หากรัฐบาลไม่สามารถนำมาแสดงได้  ก็ขอตั้งข้อกล่าวหาว่าเรียกหัวคิว 35% เป็นความจริงทำให้รัฐบาลกลัวไม่กล้าแจกเอกสารและมีเจตนาหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ”นายจุรินทร์ กล่าวย้ำ
ด้านนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กรรมาธิการฯพรรคเพื่อไทย ชี้แจงว่า สำนักงบประมาณได้ส่งเอกสารในภาพรวมของงบน้ำท่วมหมดแล้ว จำนวน 612 ชิ้น คิดเป็นร้อยละ 63 จากทั้งหมด 917 ชิ้น ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยอยู่ที่หน่วยงานต่าง ๆ  จะทยอยส่งให้ต่อไป ส่วนรายละเอียดลึกๆ ได้ส่งให้กมธ.งบประมาณหมดแล้ว ซึ่งอยู่ในกล่องงบประมาณของพวกท่าน โดยขณะนี้หน่วยงานต่างๆ ก็จะทยอยส่งเอกสารมาให้ หากได้เอกสารมาถึงมือตนเมื่อไหร่ จะมอบให้ประธานวิปฝ่ายค้านทันที

ขณะที่ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯ ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมได้พยายามไกล่เกลี่ยโดยขอร้องให้นายวรวัจน์รวบรวมเอกสารดังกล่าวและทยอยมอบให้สมาชิกเพื่อให้การประชุมเดินหน้าต่อไป

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More

 
Design Downloaded from Free Blogger Templates Download | free website templates downloads | Vector Graphics | Web Design Resources Download.