ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ 083-792-5426

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามตำแหง บางกะปิ 083-792-5426

วันจันทร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2556

ตร.แถลงข่าวจับอดีตเด็กช่างรุมทำร้ายร่างกายคู่อริต่างสถาบัน


เมื่อเวลา 18.00 น. วันนี้ (4 ม.ค.) ที่สน.มีนบุรี พ.ต.อ.เอก  เอกศาสตร์ รองผบก.น.3 พ.ต.อ.ศราวุธ จินดาคำ ผกก.สน.มีนบุรี ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายธมชาติ หวังผล อายุ 20 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรีเลขที่ 1008/2555 ลงวันที่ 28 ธ.ค.55 ข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพาอาวุธ (ขวาน) ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
 
พ.ต.อ.เอกกล่าวว่า คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 9 พ.ย.55 กลุ่มผู้ต้องหาซึ่งเป็นนักศึกษาสถาบันแห่งหนึ่งย่านรามคำแหง ก่อเหตุรุมทำร้ายนายกฤษกร สุขเจริญ และนายณัฐสิทธิ์ ผลวิจิตร นักเรียนโรงเรียนมีนบุรีโปลีเทคนิค ซึ่งขี่รถจยย.ซ้อนสองกันมาบริเวณปากซอยรามคำแหง199 ถนนรามคำแหง แขวงและเขตมีนบุรี กลุ่มผู้ต้องหาได้ขี่รถจยย.มาปาดหน้าแล้วลงไปทำร้ายร่างกายทำยิงปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ใส่ ใช้มีดฟัน ขวานจาม จนทั้งสองได้รับบาดเจ็บสาหัส ต่อมาเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุน ขวานและโทรศัพท์มือถือผู้ต้องหาตกในที่เกิดเหตุ จากนั้นยังได้รับความร่วมมือจากสถาบันศึกษาทั้งของผู้บาดเจ็บและกลุ่มผู้ต้องหา ทำให้ได้เบาะแสและพนักงานสอบสวนได้ขออำนาจศาลจังหวัดมีนบุรีขอหมายจับ จนกระทั่งช่วงเที่ยงของวันที่ 3 ม.ค. จึงจับกุมผู้ต้องหาได้ที่หน้าบริษัทคุณโช โปรดักซ์ จำกัด ซอยสุวินทวงศ์ 7 ถนนสุวินทวงศ์ แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรีได้ในที่สุด
 
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การว่า มากับเพื่อนรวม 8 คน ขี่จยย.มาแล้วเห็นผู้บาดเจ็บ พบว่าเป็นสถาบันคู่อริ ซึ่งเคยมีเรื่องกันมาก่อน จึงตรงไปทำร้ายร่างกายทันที ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน เพียงแต่เห็นว่าเป็นคู่อริต่างสถาบันเท่านั้น โดยผู้ต้องหาอ้างว่า ตนไม่ได้ใช้อาวุธทำร้ายผู้บาดเจ็บ เพราะมาทีหลังแต่ได้ร่วมชกต่อยผู้บาดเจ็บด้วยพร้อมกับเพื่อน ๆ ในกลุ่ม ทั้งนี้จากการสืบสวนพบว่าผู้ต้องหาถูกไล่ออกจากสถาบันย่านรามคำแหงตั้งแต่ปี 2554 แต่ยังวนเวียนเที่ยวกับเพื่อน ๆ ที่เรียนอยู่ ขณะนี้เจ้าหน้าที่รู้ตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมดแล้ว และกำลังดำเนินการขอหมายจับเพื่อจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

มัดมือจ่อขมับระเบิดหัวหนุ่มนิรนามตายเฝ้าไร่มัน


เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 4 ม.ค. พ.ต.ท.สมัย สมจิตร พนักงานสอบสวน สภ.ห้วยใหญ่ จ.ชลบุรี รับแจ้งพบศพถูกยิงภายในไร่มันสำปะหลัง หมู่ 4 บ้านห้วยไข่เน่า ต.เขาไม้แก้ว อ.บางละมุง จึงรีบไปตรวจสอบพร้อมชุดสืบสวนและมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา ที่เกิดเหตุห่างจากถนนบ้านประมาณ 500 เมตร พบศพชายไม่ทราบสัญชาติ อายุประมาณ 40-45 ปี
สภาพศพนอนคว่ำหน้า ถูกจับมัดมือไขว้หลังด้วยเชือกไนล่อนสีขาว สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสามส่วนสีเขียวขี้ม้า ลักษณะถูกรูดลงมาอยู่ที่หัวเข่า เช่นเดียวกับกางเกงในสีเทาที่ถูกรูดลงมากองที่สะโพก มีแผลถูกยิงเข้าที่ขมับซ้าย 1 นัด และกกหูซ้ายทะลุแก้มขวา 1 นัด บริเวณลำคอมีร่องรอยถูกของมีคมเชือดเป็นแผลยาวประมาณ 2 นิ้ว หน้าผากมีรอยคล้ายถูกตีด้วยของแข็ง ใกล้กันพบปลอกกระสุนปืนขนาด 11 มม. ตกอยู่ ห่างไปพบกางเกงขาสั้นแบบมีหูรูด 3 ตัว กางเกงในผู้ชาย 1 ตัว กระป๋องน้ำ และถุงใส่กล่องข้าว จึงรวบรวมเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนนายสมพร บุญก่อ อายุ 54 ปี เจ้าของไร่ ให้การว่า ขณะกำลังเดินดูไร่ตามปกติพบกางเกงขาสั้นตกอยู่ จึงลองเดินสำรวจโดยรอบจนกระทั่งพบศพดังกล่าว ส่วนตัวไปทราบเลยว่าผู้ตายเป็นใคร เพราะไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าผู้ตายน่าจะถูกจับมาเจรจาอะไรบางอย่าง แต่ตกลงกันไม่ได้จึงถูกฆ่าตาย ซึ่งชุดสืบสวนอยู่ระหว่างหาเบาะแส เพื่อติดตามจับกุมตัวฆาตกรรายนี้ต่อไป.

คู่หูตชด.ขับเก๋งเสยปิกอัพไฟลุกหวิดดับ





เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 5 ม.ค. ร.ต.ต.ณัฎฐ์พัฒน์ พึ่งจาบ พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ได้รับแจ้งเหตุอุบัติเหตุรถกระบะชนรถเก๋งและมีผู้ติดภายใน บริเวณกลางสะพานข้ามแยกสี่แยกเกษตร บริเวณด้านหน้ากรมพัฒนาที่ดิน ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูและสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม.
 
ที่เกิดเหตุบริเวณกลางสะพานดังกล่าว พบรถปิกอัพอีซูซุ ดีแม็ค สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฒฐ 5474 กรุงเทพฯ สภาพกระจังหน้ารถฝั่งซ้ายยุบ ไฟหน้าแตกยับ โดยมีนายณรงค์ เดชรอดสกุล อายุ 35 ปี คนขับกระบะและนางโสภา เปริยะรางกุล อายุ 38 ปี ภรรยาคนขับที่นั่งข้างมาด้วยกัน ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยออกมายืนรอนอกตัวรถ ใกล้กันพบรถเก๋งมาสด้า 3 สีขาว ทะเบียน ฎศ 3854 กรุงเทพฯ สภาพหน้ารถถูกชนยับจนยุบฝากระโปรงหน้าเปิด ส่วนท้ายรถถูกชนจนยุบเข้าไปถึงถังแก๊สเชื้อเพลิงท้ายรถ และมีแก๊สรั่วไหลออกมา ส่วนคนขับรถมาสด้า 3 คือ พ.ต.ท.วรากร วิทยาบำรุง อายุ 40 ปี และ พ.ต.ท.นพพร กวาวหนึ่ง ทั้งคู่เป็นนายตำรวจระดับ สว.สังกัด ตชด.ภาค 1 ติดอยู่ภายใน ก่อนเจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยกันงัดประตูรถเพื่อนำทั้งคู่ส่งโรงพยาบาลเมโย หลังจากนั้นไฟเริ่มลุกไหม้จากทั้งแก๊สเชื้อเพลิงท้ายรถเก๋งมาสด้า 3 อย่างรวดเร็วจนลุกลามไหม้ทั้งคันและลามไปติดรถปิกอัพ เจ้าหน้าที่ต่างเร่งระดมใช้ทั้งดับเพลิงและน้ำฉีดประมาณ 5 นาที ไฟจึงมอดดับลง พบว่ารถทั้งสองคันถูกไฟไหม้เสียหายทั้งคัน
 
สอบสวนนายณรงค์ให้การว่า ขับรถรับน้ำดื่มบรรจุขวดตระเวนส่งตามร้านค้าในกรุงเทพ ก่อนเกิดเหตุขับมาจากสี่แยกรัชโยธินผ่านห้างเมเจอร์และขึ้นสะพานข้ามสี่แยกเกษตร เมื่อมาถึงกลางสะพานพบรถเก๋งมาสด้า 3 คู่กรณี ขับจากสี่แยกเกษตรมุ่งหน้าไปแยกเมเจอร์ วิ่งสวนมา ระหว่างนั้นรถเก๋งขับข้ามเลนไปชนราวสะพาน จนรถหมุนคว้าง ตนขับมาพอดีและเบรกไม่ทันจึงพุ่งชนเข้าที่ท้ายรถเก๋ง จนถังแก๊สท้ายรถมาสด้า 3 รั่ว ทำให้ตนภรรยาได้รับบาดเจ็บไม่มาก
ส่วนพ.ต.ท.วรากรยังคงรักษาตัวที่โรงพยาบาลเมโยเพราะบาดเจ็บกระดูกชายโครงหัก กระดูกไหปลาร้าหัก และพ.ต.ท.นพพรกระดูกซี่โครงหักและมีอาการฟกช้ำหลายแห่ง หลังจากนี้รอให้ทั้ง 4 คนหายดี เพื่อจะเรียกมาสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

ซิ่งสยองคู่หู "ตชด."ยังสาหัสให้การไม่ได้


กรณีเหตุพ.ต.ท.วรากร วิทยาบำรุง สว.ตชด.จว.กาญจนบุรีและพ.ต.ท.นพพร กวาวหนึ่ง สว.ตชด จว.เชียงใหม่ขับรถเก๋งมาสด้า 3 สีขาว ทะเบียน ฏศ 3854 กทม. ประสบอุบัติเหตุ เสียหลักชนขอบสะพานข้ามแยกสี่แยกเกษตรฝั่งขาออก แขวงลาดยาว เขตจตุจักร ทำให้รถหมุนคว้าง ก่อนถูก รถกระบะ อีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฒฐ 5474 กทม. ชนเข้าที่ด้านท้ายรถเก๋งซึ่งติดถังแก๊สจนเกิดระเบิดลุกไหม้ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 ราย บาดเจ็บสาหัส  เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันควบคุมเพลิงและนำตัวผู้บาดเจ็บส่งรพ.เมโย เหตุเกิดเมื่อเช้าของวันที่ 5 ม.ค. ท้องที่สน.พหลโยธินตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าวันนี้ (6 ม.ค.)  ร.ต.ต.ณัฏฐ์พัฒน์ พึ่งจาบ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีเปิดเผยว่า ขณะนี้ตนยังไม่สามารถสอบปากคำตำรวจทั้งสองนายที่ได้รับบาดเจ็บ เพราะแพทย์ยังไม่อนุญาต ให้เจ้าหน้าที่เข้าพบเพื่อสอบปากคำ เนื่องจากอาการบาดเจ็บของทั้ง 2 รายยังคงหนักอยู๋ โดยเฉพาะพ.ต.ท.วรากร ซึ่งเป็นคนขับรถ ถูกไฟลวกและกระดูกชายโครงหัก กระดูกไหปลาร้าร้าว ส่วนพ.ต.ท.นพพรคนนั่งได้รับบาดเจ็บน้อยกว่า แต่ก็ยังต้องพักรักษาตัวสักพัก ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่จะรอให้ทางผู้บาดเจ็บรักษาตัวให้หาย ก็จะนัดมาสอบปากคำที่สน.
ร.ต.ต.ณัฏฐ์พัฒน์กล่าวต่ออีกว่า จาการสอบปากคำผู้ขับขี่รถกระบะคู่กรณี ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ รถของตำรวจทั้ง 2 นาย กำลังขับขึ้นสะพานข้ามสี่แยกเกษตรฝั่งขาเข้าแต่เกิดเสียหลักไปชนขอบสะพานฝั่งขาออกจนรถหมุนคว้าง จึงถูกรถกระบะชนท้ายอย่างแรง แต่ผู้ขับขี่รถกระบะไม่ได้รับบาดเจ็บ เพราะคาดเข็มขัดนิรภัย ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 นาย จากการตรวจสอบไม่พบว่ามีอาการเมาสุรา แต่ทราบว่าทั้งสองขับรถมาจากภาคเหนือเพื่อไปเยี่ยมบ้านที่จ.สมุทรปราการ โดยพยานที่เห็นเหตุการณ์ระบุว่ารถคันดังกล่าวแล่นมาด้วยความเร็วก่อนจะเกิดอุบัติเหตุ อย่างไรก็ตามทางพนักงานสอบสวนจะไปขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดตรงสะพานจุดเกิดเหตุ และสอบปากคำทางผู้บาดเจ็บโดยละเอียดเพื่อหาสาเหตุข้อเท็จจริงของคดีดังกล่าวต่อไป

ไกด์สาวโร่ขึ้นโรงพัก แจ้งจับแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร แถมกระชากลงจากรถ


เมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ (6 ม.ค. ) น.ส.กัญญาณัฐ ฉั่มเวชะ อายุ 33 ปี อาชีพมัคคุเทศก์ เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.วิชิต พาเรือง พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง เพื่อให้ดำเนินคดีกับโชเฟอร์รถแท็กซี่สีเขียว เหลือง (ขอสงวนหมายเลขทะเบียน) ในข้อหาปฏิเสธผู้โดยสารและทำร้ายร่างกาย โดยน.ส.กัญญาณัฐ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ ได้ไปงานเลี้ยงสังสรรค์กับเพื่อนที่ผับแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิทซอย 11 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา หลังงานเลิกตนได้แยกย้ายกันออกมาเรียกรถแท็กซี่ที่จอดเข้าคิวอยู่หลายคัน  แต่ปรากฏว่าไม่มีแท็กซี่คันไหนยอมรับเนื่องจากต้องการจะรอรับผู้โดยสารชาวต่างชาติ เพราะได้เงินดีกว่า  ตนจึงโบกเรียกรถแท็กซี่ที่วิ่งผ่านไปมา
น.ส.กัญญาณัฐ ให้การต่อว่า กระทั่งรถแท็กซี่คู่กรณีซึ่งโชเฟอร์เป็นชายรูปร่างเตี้ย อายุประมาณ 40 ปีเศษ เข้ามาเทียบและจอดรับ ตนจึงขึ้นไปนั่งที่เบาะหลังตามปกติ พร้อมบอกให้ไปส่งที่ซอยสุขุมวิท 93 แต่คนขับมีท่าทางอิดออดเหมือนไม่อยากไป ก่อนขับรถพาออกทางถนนอโศก แล้วมาจอดบริเวณตัดกับถนนจตุรทิศ บึงมักกะสัน แล้วลงมาเปิดประตูหลังด้านที่ตนนั่งอยู๋ ก่อนใช้กำลังฉุดกระชากแขนตนลงจากรถ ตนจึงก็กระชากเอาพระเป็นเหรียญห้อยคอคล้องสร้อยลูกปัดของโชเฟอร์ติดมือมาด้วย ก่อนเดินทางมาแจ้งความเป็นหลักฐานดังกล่าว
ด้าน ร.ต.ท.วิชิต กล่าวว่า เบื้องต้นได้ลงบันทึกประจำวันไว้ พร้อมทั้งส่งตัวผู้เสียหายไปตรวจร่างกายที่รพ.ตำรวจ หลังจากนั้นจะตรวจสอบหมายเลขทะเบียนรถแท็กซี่คันดังกล่าว ก่อนออกหมายเรียกโชเฟอร์มารับทราบข้อกล่าวหาเป็นแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท ส่วนข้อหาทำร้ายร่างกายต้องรอผลการตรวจร่างกายจากแพทย์อีกครั้ง.

ออกหมายจับ 2ข้อหาหนัก พ่อโหดกรอกยาพิษฆ่าลูก เจ้าตัวยังปฏิเสธ


คดีที่นางนิต ฟ้าคะนอง ชาวเพชรบุรี ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ตำรวจ สภ.ท่าไม้รวก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี  เพื่อดำเนินคดีกับนายสุวิน ปิ่นเพชร สามีของตนเอง ซึ่งสงสัยว่าจะเป็นผู้ก่อเหตุจับบุตร 2 คนคือ ด.ญ.บงกช  หรือน้องบัว ปิ่นเพชรอายุ 7 ปี  และด.ช.ญาณพัฒน์ หรือน้องพัฒน์ปิ่นเพชร  อายุ 5 ปี  กรอกยาพิษ เป็นเหตุให้ด.ญ.บงกช บุตรสาวคนโต เสียชีวิต ส่วนด.ช.ญาณพัฒน์ บุตรชายคนเล็ก ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกนำตัวส่งรักษาที่รพ.พระจอมเกล้าจังหวัดเพชรบุรี เนื่องจากนายสุวินต้องการประชดภรรยา ที่มีเรื่องทะเลาะวิวาทเรื่องหึงหวงและเก็บเสื้อผ้าย้ายไปอยู่ที่อื่น เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา  โดยหลังรับแจ้งความ ตำรวจได้สอบปากคำลงบันทึกประจำวัน รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อรอสอบปากคำ ด.ช.ญาณพัฒน์ ซึ่งล่าสุด น้องพัฒน์รู้สึกตัวและสามารถพูดคุยได้แล้ว ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 16.10 น. วันนี้( 6ม.ค.)พ.ต.ท.ประสงค์. กุลจิตติปราณี รองผกก.สภ.ท่าไม้รวก เปิดเผยว่า ขณะนี้ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดเพชรบุรี  เลขที่ 4/2556 ลงวันที่ 5 ม.ค.56  กับนาย สุวิน ในข้อหาฆ่าและพยายามฆ่า ตั้งแต่ช่วงดึกที่ผ่านมา และตำรวจได้ติดตามจับกุมนายสุวิน พร้อมควบคุมตัวมาสอบปากคำแล้ว เบื้องต้น ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนนำยาฆ่าแมลงใส่ในขวดน้ำอัดลมให้ลูกดื่ม แต่ได้นำขวดยาไปทิ้งไว้ข้างบ้าน โดยไม่รู้ว่าลูกไปหยิบมากินตั้งแต่ตอนไหนและมาพบอีกครั้งเมื่อตอนที่ลูกน้ำลายฟูมปากอยู่บนที่นอนแล้ว โดยตำรวจได้นำตัวเข้าห้องขังที่ สภ.ท่าไม้รวก และจะนำตัวมาฝากขังต่อศาลจังหวัดเพชรบุรีในวันจันทร์ที่ 7ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การออกหมายจับครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก ด.ช.ญาณพัฒน์ หรือน้องพัฒน์ ปิ่นเพชร ขณะอาการดีขึ้นและสามารถให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แล้วโดย ด.ช.ญาณพัฒน์ ให้การว่านายสุวิน บิดาเป็นคนให้ดื่มน้ำอัดลมที่ผสมยาฆ่าแมลงลงไปในขวด.

จยย.ตัดหน้ารถทัวร์แสวงบุญพลิกคว่ำตาย 2 เจ็บระนาว 40












รถทัวร์2ชั้นซิ่งสยองชนจยย. เสียหลักพุ่งตกไหล่ทางเข้าป่าคว่ำตาย 2 เจ็บระนาวกว่า 40 คน ผู้โดยสารสุดระทึกกระโดดหนีตาย ส่วนที่เผ่นไม่ทันติดคารถหวีดร้องขอความช่วยเหลือ ตำรวจระดมกู้ภัยลำเลียงคนเจ็บกระจายส่ง 3 โรงหมอโกลาหล เผยเป็นคณะทัวร์จากสุไหงโก-ลก จะไปทำบุญเมืองตรัง ดันเกิดเรื่องสลดก่อนได้บุญ ตำรวจเร่งสอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์หาข้อเท็จจริงดำเนินคดี

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 6 ม.ค. พ.ต.ต.ประวัตร  คชรัตน์  พนักงานสอบสวนสภ.ควนเนียง จ.สงขลา รับแจ้งอุบัติเหตุรถทัวร์ชนรถจยย.มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายรายบนถนนสายเอเชีย ตรงข้ามหน่วยบริการประชาชนแพรกสุวรรณ หมู่11 ต.บางเหรียง เส้นทางระหว่างอ.ควนเนียงกับอ.รัตภูมิ  จึงไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ศูนย์นเรนทรหาดใหญ่ หน่วยกู้ภัยมูลนิธิมิตรภาพสามัคคีท่งเซียเซี่ยงตึ้งหาดใหญ่ และหน่วยกู้ภัยพร้อมรถพยาบาลในพื้นที่ใกล้เคียง
 
ที่เกิดเหตุ  พบรถบัส 2 ชั้น เลขทะเบียน 30-0060 นราธิวาส ของบริษัทคณายนต์อินเตอร์กรุ๊ป พลิกคว่ำตะแคงข้างอยู่ในป่าข้างทางสภาพพังยับเยิน  ผู้โดยสารกว่า40 ชีวิตติดอยู่ในรถต่างหวีดร้องขอความช่วยเหลือ  ขณะที่บางคนกระโดดหนีออกจากรถได้ทันก็บาดเจ็บส่วนหนึ่ง  จึงรีบลำเลียงผู้บาดเจ็บกระจายส่งรพ.หาดใหญ่ รพ.รัตภูมิ และรพ.บางกล่ำด้วยความโกลาหล   ในจำนวนนี้อาการสาหัสนับสิบคน 
นอกจากนี้ ภายในรถยังพบศพหญิง1 คน และเสียชีวิตระหว่างนำส่งรพ.หาดใหญ่เป็นหญิงอีก 1 คน เบื้องต้นยังไม่ทราบชื่อ   ส่วนรถจยย.ซูซูกิเลข ทะเบียน คนว 881 สงขลา คู่กรณีถูกชนล้มพังเสียหายอยู่บนถนน ผู้ขับขี่ชาย 2คนได้รับบาดเจ็บสาหัสนำส่งรพ.หาดใหญ่เช่นกัน
 
สอบสวนนายเอกชัย ชูศรี อายุ41 ปี คนขับรถทัวร์   เบื้องต้นให้การว่า กำลังนำคณะทัวร์ซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่เดินทางจาก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ไปทำบุญที่วัดหัวถนน จ.ตรัง  ถึงจุดเกิดเหตุเป็นทางแยกไม่มีไฟแดง จู่ๆรถจยย.วิ่งตัดหน้ากระชั้นชิดเพื่อจะข้ามไปกลับรถ  ตนพยายามเบรกแต่ไม่ทันจึงพุ่งชน ทำให้รถเสียการควบคุมตกริมทางไปชนต้นไม้และพลิกคว่ำดังกล่าว  ตำรวจจะสอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์และคู่กรณีถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอีกครั้ง

ผัวโมโหหิวพลั้งมือฆ่าเมียรักดับอนาถ


เมื่อวันที่ 6 ม.ค. พ.ต.ท.ประจักร สุขคง พนักงานสอบสวน สภ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท เปิดเผยว่า เมื่อช่วงดึกวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจาก รพ.ชัยนาทนเรนทรว่า มีผู้บาดเจ็บจากการถูกของมีคมฟันที่ลำคอเป็นแผลเหวอะถูกนำตัวมารักษาที่ห้องฉุกเฉิน จึงรุดไปตรวจสอบพบ นางลำแพน อินทร์กลับ อายุ 52 ปี บ้านเลขที่ 488 หมู่ 4 ต.คุ้งสำเภา อ.มโนรมย์ อาชีพเป็นสาวโรงงานเย็บรองเท้า ถูกฟันบริเวณลำคอเป็นทางยาว 4 ซ.ม. อาการสาหัส ก่อนจะทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ส่วนผู้ที่ก่อเหตุคือ นายสินชัย หรือเปี๊ยก แสงเดือน อายุ 64 ปี ซึ่งเป็นสามีของผู้ตาย เจ้าหน้าที่นำกำลังไปจับกุมได้ใกล้เคียงบ้านพักผู้ตาย โดยอยู่ในอาการมึนเมาอย่างหนัก จากนั้นได้นำไปหามีดของกลางที่ตกอยู่ในบ้านพักและคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.มโนรมย์
สอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า มีอาชีพรับจ้างหว่านปุ๋ยและฉีดยาฆ่าแมลงให้นาข้าว ยอมรับว่าเป็นผู้ลงมือสังหารผู้ตายจริงแต่เกิดจากอุบัติเหตุ ซึ่งก่อนเกิดเหตุนั้น ตนรู้สึกหิวข้าวจนตาลายหลังกลับมาจากไปหว่านปุ๋ยนาข้าวเสร็จ แต่พอสอบถามถึงข้าวปลาอาหาร ผู้ตายกลับตอบว่ายังไม่ได้ตระเตรียมอะไรไว้เลย แถมข้าวก็ยังไม่ได้หุง ด้วยความโมโหหิวที่อุตส่าห์มุ่งหน้ามากินข้าวที่บ้านไม่ยอมแวะข้างทาง จึงด่าทอจนเกิดการโต้เถียงกัน ก่อนที่ผู้ตายจะวิ่งไปหยิบมีดปลายแหลมจากห้องครัวเข้ามาทำร้าย ก่อนจะมีการยื้อยุดฉุดกระชากกันขึ้น กระทั่งเกิดพลาดจนปลายมีดฟันไปที่ลำคอผู้ตายหนึ่งครั้งจนเสียชีวิต ซึ่งพอตั้งสติได้ก็รู้สึกเสียใจมาก รวมทั้งไม่มีอาการหิวแล้ว จึงไปเรียกคนมาช่วยเหลือนำผู้ตายไปส่งโรงพยาบาล จากนั้นก็ไปซื้อเหล้าขาวมากินย้อมใจดังกล่าว.

แท็กซี่หนุ่มทะเลาะแฟนสาวคิดสั้นโดดสะพานพระราม3ดับ






หนุ่มขับแท็กซี่กระโดดกลางสะพานพระราม 3 ดับปริศนา เจ้าของอู่รถให้การ ตร.ผู้ตายเคยบ่นให้ฟังว่ามีปัญหาทะเลาะกับแฟนที่คบกันอยู่จนรู้สึกเครียด น่าจะเป็นเหตุของการคิดสั้น
เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 7 ธ.ค. พ.ต.ท.เอกพล ทวิชวงศ์ไชยกุล พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ สน.ปากคลองสาน ได้รับแจ้งเหตุคนกระโดดสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาฆ่าตัวตาย บริเวณกลางสะพานพระราม 3 ขาเข้า มุ่งหน้าพระนคร แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กทม.จึงรายงานผู้บังคับบัญชาก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ้ง
 
ที่เกิดเหตุบริเวณกลางสะพานดังกล่าว ช่องทางซ้ายสุดพบรถแท็กซี่โตโยต้า ออลติส สีชมพู ทะเบียน ทว3191 กรุงเทพมหานคร ของสหกรณ์ แท็กซี่อิสระ จำกัด จอดเปิดไฟฉุกเฉินอยู่ จากการตรวจสอบภายในรถพบพบกระเป๋าสะพายข้างสีดำภายในลิ้นชักของรถ ด้านในมีเอกสารบัตรประชาชน ของนายยุพิน สิงธิมาศ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5 หมู่ 2 ต.แสนสุข อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นของผู้ตาย รูปภาพผู้ตายกับแฟนสาว กว่า 10 ใบ และขวดยาวิตตามิน 1 ขวด ทั้งนี้ยังพบใบปล่อยตัวผู้ตายซึ่งเคยต้องโทษคดีรับของโจรจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ลงวันที่ 8 ธ.ค.54 ที่ผ่านมาจึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
 
จากการสอบถามนายอนุศักดิ์ กรมแสง อายุ 35 ปี เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนกำลังขับรถขึ้นมาบนสะพานดังกล่าวจู่ๆก็เห็นรถแท็กซี่จอดเปิดไฟฉุกเฉินอยู่ ตนจึงจอดรถสังเกตการณ์ ทันใดนั้นก็เห็นโชเฟอร์รถเดินออกมาจากตัวรถแล้วเดินอ้อมด้านหน้ารถปีนขอบสะพานก่อนตัดสินใจกระโดดโดยทันที จนรู้สึกตกใจก่อนโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ
 
ด้าน นาย นิธาน สิริภา อายุ 37 ปี  เจ้าของอู่รถแท็กซี่ เปิดเผยว่า ผู้ตายเพิ่งได้มาขับรถแท็กซี่อู่ของตนได้เพียง 2 วันเท่านั้น ก่อนหน้านี้เคยบ่นให้ฟังว่ามีปัญหาทะเลาะกับแฟนที่คบกันอยู่จนรู้สึกเครียดมาก ทั้งนี้เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ผู้ตายได้มายืมเงินตนไป 500 บาท แต่ตนก็ไม่ได้เอะใจแต่อย่างใดจนมาทราบข่าวอีกทีว่านายยุพินได้เสียชีวิตไปแล้ว
 
พ.ต.ท.เอกพล เผยว่า เบื้องต้นทางจากการสอบสวนเจ้าหน้าที่สันนิษฐานสาเหตุการตายว่าผู้ตายได้มีปัญหาทะเลาะกับแฟนสาวจนเกิดความเครียดจนเป็นเหตุคิดสั้นกระโดดลงจากสะพานดังกล่าวเสียชีวิตอย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่จะเรียกญาติผู้ตายมาทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง และจะทำการประสานเจ้าหน้าที่ชุดปะดาน้ำลงตรวจสอบค้นหาผู้ตายเพื่อนำศพส่งชันสูตรที่นิติเวชฯรพ.ศิริราช เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

งัดปมเขาพระวิหารไล่รัฐบาลปู "ขาประจำ"ปลุกม็อบนัดรวมพล 21 ม.ค. ลั่นม้วนเดียวจบ


วันนี้ ( 6 ม.ค.)  ที่โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค แนวร่วมคนไทยรักชาติ รักษาแผ่นดิน นำโดย พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แนวร่วมคนไทย รักชาติรักษาแผ่นดิน นายไพศาล พืชมงคล อดีตสนช. ม.ล.วัลย์วิภา จรูญโรจน์ นักวิชาการ ได้ร่วมจัดรายการ หักศอกนอกทำเนียบ ภาคพิเศษ "ตั้งหลักประเทศไทย หยุดประชาธิปไตยสามานย์" มีการอภิปรายถึงข้อพิพาทและแนวทางการต่อสู้ของรัฐบาลต่อกรณีปราสาทพระวิหารที่ศาลโลกเตรียมชี้ขาดในเดือนต.ค.-ธ.ค.นี้
 
ม.ล.วัลย์วิภา กล่าวว่า รัฐบาลได้ออกมาพูดว่าจะสู้ แต่จะสู้ในหนทางใด เมื่อทางกัมพูชาร้องเพื่อให้รองรับแผนที่ของทางฝรั่งเศส 1 ต่อ 2 แสน ตารางกิโลเมตร ซึ่งรัฐบาลทราบว่าเราจะเสียพื้นที่แน่นอน เพราะเป็นเหมือนการยอมรับเรื่องเขตแดนตามคำตัดสินของศาลโลกเมื่อปี 2505 และไทยจะต้องสูญเสียพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบปราสาทพระวิหารทันที ส่วนเอ็มโอยู 43 ที่กัมพูชาพูดถึงเป็นในยุคของนายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ ที่มีการเป็นเซ็นรับรองไปแล้ว   ขอให้เชื่อมั่นในกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ เมื่อฝ่ายบริหารไม่ทำหน้าที่แล้ว เราจะใช้พลังประชาชนเข้าไปกดดันทุกวิถีทาง
 
ด้าน พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวว่า ประเด็นของเขาพระวิหาร ขอตั้งข้อสังเกตถึง เจ๊ ด.ที่ก่อนหน้านี้ประมาณ 2 เดือน บอกว่าจะไม่ให้ลูกสาวแต่งงานกับนักการเมืองกัมพูชา แต่ผ่านไปไม่นานก็กลับยกลูกสาวให้เขาไป ไม่รู้จะเกี่ยวข้องอะไรกับผลประโยชน์ปมเขาพระวิหารหรือไม่
 
นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำกลุ่มคนไทยรักชาติรักษาแผ่นดิน กล่าวว่า วันที่ 14 ม.ค. ทางกลุ่มจะไปยื่นฟ้องกล่าวหารัฐบาล กระทรวงการต่างประเทศต่อศาลอาญา  เนื่องจากเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จกรณีไทย – กัมพูชา ต่อสาธารณะชน และในวันที่ 21 ม.ค.จะนัดชุมนุมใหญ่ เพื่อเดินขบวนยื่นหนังสือเรียกร้อง พร้อมกับรายชื่อประชาชนที่เห็นด้วยต่อประธานศาลฎีกา และต่อผู้นำเหล่าทัพ โดยมีรายชื่อประชาชนที่เห็นด้วยประมาณ 5.7 แสนรายชื่อ และคาดว่าภายในวันที่ 21 ม.ค.จะมีรายชื่อผู้เห็นด้วยประมาณ 1 ล้านรายชื่อ ซึ่งจะมีการชุมนุมที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ เริ่มเวลา13.00น.  เป็นการชุมนุมแบบม้วนเดียวจบ

โปลิศศรีสะเกษรวบหนุ่มใหญ่ร่วมกันฆ่า ตร.









วันนี้ (4 ม.ค.) ที่ สภ.โดนเอาว์ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ  พล.ต.ต.พงษ์วุฒิ พงษ์ศรี ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ แถลงข่าวผลการจับกุมตัวนายสมัย ราชบุญคุณ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 177 หมู่ 8 ต.โคกสะอาด อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดศรีสะเกษ เลขที่ 6/2556 ลงวันที่ 3 ม.ค. 56 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น

  ทั้งนี้เหตุเกิดเมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 26 มี.ค. 2542 ที่ผ่านมา นายสมัย และเพื่อนรวม 6 คน ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ และนั่งซ้อนท้ายกันคันละ 3 คน จำนวน 2 คัน ซึ่งคันที่ 2 มีนายสมัย เป็นคนขับ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุบริเวณถนนสายบ้านโพธิ์-โนนดั่ง ต.โพธิ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ รถคันที่ 1 ได้ขับหลบหลุมบนถนนสายดังกล่าวไปเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ของ ส.ต.อ.บุญรัตน์ บุญเทียน เจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด สภ.เมืองศรีสะเกษ จนล้มได้รับบาดเจ็บ จากนั้นนายสมัยและเพื่อนได้ร่วมกันทำร้ายร่างกาย ส.ต.อ.บุญรัตน์ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนผู้ต้องหาทั้งหมดได้ขับรถหลบหนีไป กระทั่งมาถูกจับกุมตัวได้ดังกล่าว

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จว.ศรีสะเกษ ร่วมกับ สภ.โดนเอาว์ สภ.บึงมะลู และ สภ.กันทรลักษ์ และเจ้าหน้าที่ทหาร ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัว นายประสิทธิ์ มั่นชาติ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 221 หมู่ 2 ต.ทุ่งใหญ่ อ.กันทรลักษ์ พร้อมของกลางอาวุธปืนสงคราม เซกาเซ จำนวน 1 กระบอก และนายสุรศักดิ์ ยอดสิงห์ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 176 หมู่ 2 ต.ทุ่งใหญ่ อ.กันทรลักษ์ พร้อมของกลางอาวุธปืนสงคราม อาก้า เอเค 47 จำนวน 1 กระบอก โดยแจ้งข้อหามีและพกพาอาวุธปืนสงคราม โดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมทั้งได้จับกุมตัวนายโพด ยศ อายุ 51 ปี และนายโต๊ะ ชื่น อายุ 65 ปี ชาวกัมพูชา หลังลักลอบเข้ามาตัดไม้พะยูงหวงห้าม ในเขตแดนไทย ที่บริเวณป่าพนมตาชัย ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก ทับซ้อนเขตป่าสงวนแห่งชาติ (ป่าเขาพระวิหาร) พร้อมของกลางไม้พะยูง 9 ท่อน/เหลี่ยม ปริมาตร 0.21 ลบ.ม. เลื่อยมือ 1 ปื้น จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

ตั้งค่าหัวล่าไอ้หื่นโรคจิตตระเวนขยี้กามแม่เฒ่า


วันนี้ (4 ม.ค.) นายรุจน์ประทีป ธรรมรพีภัทร์ นายอำเภอบางคนที จ.สมุทรสงคราม กล่าวถึงคดีที่มีคนร้ายโรคจิตตระเวนก่อเหตุข่มขืนหญิงสาวสูงวัยในพื้นที่ ว่า คดีนี้ผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นคนไทยในพื้นที่ซึ่งรู้ความเคลื่อนไหวของเหยื่อแต่ละรายอย่างดีพอสมควร โดยจะเลือกเหยื่อที่อยู่เพียงลำพัง ในช่วงระหว่างตีสามจนถึงช่วงย่ำรุ่ง ที่สำคัญเป็นบุคคลคนเดียวกันอย่างแน่นอน เพราะผลตรวจดีเอ็นเอที่พบในแต่ละคดีตรงกันทั้งหมด ทำให้ขณะนี้ชาวบ้านโดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในข่ายจะตกเป็นเหยื่อรู้สึกกังวลใจอย่างมาก ไม่เป็นอันทำมาหากิน บางรายกลัวมากถึงขึ้นไม่กล้าออกมาใส่บาตรพระตอนเช้าด้วยซ้ำ จึงขอใช้เงินส่วนตัวตั้งเงินรางวัลแก่ผู้แจ้งเบาะแสจนสามารถจับกุมคนร้ายรายนี้ได้ 50,000 บาท
ด้าน พ.ต.อ.ประพาส อินตา ผกก.สภ.บางคนที กล่าวถึงความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า แม้ส่วนตัวจะเพิ่งย้ายมาหน้าที่ได้ไม่นาน แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามติดตามตัวคนร้ายอย่างใกล้ชิด โดยสามารถออกภาพสเก็ตคนร้ายรายนี้ได้แล้ว ทั้งยังมีการติดตั้งสัญญาณเตือนภัยให้กับชาวบ้านที่อยู่เกณฑ์สุ่มเสี่ยงถึง 11 จุด อย่างไรก็ตามคดีนี้ต้องขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ด้วย หากพบผู้ใดต้องสงสัยสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้ทันที
สำหรับคดีดังกล่าวเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 ม.ค.2555 หลังคนร้ายก่อเหตุข่มขืนฆ่าเปลือย น.ส.บุญอารีย์ โกมล อายุ 61 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านพักกลางสวนมะพร้าวเพียงลำพัง ส่วนครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 ต.ค. ไอ้โรคจิตก่อเหตุข่มขืนผู้เสียหายวัย 70 ปี ขณะออกไปดูแลสวนผลไม้ ซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุแรกไม่มากนัก ครั้งที่ 3 เกิดขึ้นในวันที่ 6 ธ.ค. ก่อเหตุขืนใจผู้เสียหายอายุ 59 ปี สำหรับครั้งล่าสุดเพิ่งเกิดเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา ไอ้โฉดก่อเหตุทำร้ายร่างกายและพยายามข่มขืนผู้เสียหายอายุ 47 ปี ซึ่งทั้งหมดเกิดในท้องที่ สภ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม.

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More

 
Design Downloaded from Free Blogger Templates Download | free website templates downloads | Vector Graphics | Web Design Resources Download.