ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ 083-792-5426

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามตำแหง บางกะปิ 083-792-5426

วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ร้องกองปราบคุ้มครองคดีสส.ชื่อดังยิงนักการเมืองท้องถิ่น


วันนี้ (30 พ.ย.) ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายมณฑล ไกรวัตนุสสรณ์ อายุ 74 ปี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ. ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. เพื่อยื่นหนังสือขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจคุ้มครองตนเอง เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยในชีวิต
นายมณฑล เปิดเผยว่า หลังจากนายนายอุดร ไกรวัตรนุสสรณ์ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร บุตรชาย ถูกยิงเสียชีวิต โดยมีนาย ครรชิต ทับสุวรรณ สมาชิกผู้แทนราษฎร จังหวัดสมุทธสาคร พรรคประชาธิปัตย์ ตกเป็นผู้ต้องหา ซึ่งศาลจะมีการไต่สวนพยานในวันที่ 12 ธ.ค. นี้ ซึ่งพยานคนสำคัญในคดีดังกล่าวได้มีตำรวจคุ้มครองแล้ว แต่ตนยังไม่ได้รับการคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่ ประกอบกับช่วงนี้ได้รับการเตือนจาก ข้าราชการระดับสูง ว่าให้ระวังตัว อีกทั้งในช่วงนี้เวลาเดินทางออกพบปะพี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ก็รู้สึกว่ามีรถแปลกๆตาม ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ จึงได้มาขอกำลังตำรวจเพื่อให้ช่วยคุ้มครอง
ด้านพ.ต.อ. ประสพโชค กล่าวว่า ตามหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ว่าใครมาร้องขอความคุ้มครองจะรับพิจารณา และส่งกำลังไปคุ้มครองโดยทันที ส่วนจะส่งกำลังจากหน่วยใดในสังกัดก็จะพิจารณาต่อไป

สืบวังทองรวบแก๊งทุบกระจกรถกว่า 60 ครั้ง





ตำรวจชุดสืบวังทองรวบแก๊งทุบกระจกรถ ขี่จยย.ตระเวนก่อเหตุหลายพื้นที่ทั่วกรุงเทพฯ ไม่ต่ำกว่า 60 ครั้ง ฉกทรัพย์ไปขายเพื่อนำเงินไปซื้อยาเสพติดมาเสพ
เมื่อเวลา 14.40 น. วันนี้ (30 พ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น.  พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก.น.4 พ.ต.อ.ญาณพงศ์ โสมาภา ผกก.สน.วังทองหลาง และพ.ต.ท.วิวัฒน์ อัศวะวิบูลย์ สว.สส.สน.วังทองหลาง แถลงข่าวการจับกุมตัว นายวันชัย หรือนุ๊ก เรืองฤทธิ์ อายุ 22 ปี นายธีรพล หรือแป๊ะโอ ละอองสำลี อายุ 31 ปี และนายนนท์(นามสมมติ) อายุ 17 ปี
พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นมีโอ สีแดง ทะเบียน สปง 6 กรุงเทพมหานคร ซึ่งใช้ก่อเหตุ คอมพิวเตอร์โน๊ตุบุ๊คยี่ห้อแม๊ก 1 เครื่อง คอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง กล้องถ่ายภาพดิจิตอล 1 ตัว พระกริ่มเนื้อโลหะ 3 องค์ เช็คเงินสดธนาคารกรุงเทพ 3 ฉบับ เช็คเงินสดธนาคารไทยพาณิชย์ 2 ฉบับ และอื่นๆหลายรายการ  โดยจับกุมตัวนายวันชัยได้ที่ ซอยจารุรัตน์ ถ.เพชรบุรี 37 แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม. จับกุมนายธีรพลได้ในชุมชนบึงพระราม 9 บ่อ 1 แขวงบางกะปิ เขตหวยขวาง กทม. และจับกุมนายนนท์ ได้ที่บริเวณบึงพระราม 9 โดยในการแถลงข่าวมีผู้เสียหาย 2 รายมาชี้ตัวผู้ต้องหาและชี้ยืนยันของกลางด้วย

พล.ต.ต.นัยวัฒน์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 01.30 น. ได้มีคนร้าย 2 คน ก่อเหตุลักรถจยย.ทะเบียน มฉค 111 กรุงเทพมหานคร ซึ่งจอดอยู่ที่ลานจอดรถพราววิลเลจ ซอยพระรามเก้า 13 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง แล้วกำลังพากันหลบหนี แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวเอาไว้ได้ จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่านายวันชัย เคยร่วมกับนายฐาปกรณ์ หรือเต้ กุลชฎาธร ซึ่งขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำคลองเปรม และนายนนท์ ซึ่งถูกจับเมื่อคืนที่ผ่านมา ร่วมกันก่อเหตุตระเวนลักทรัพย์ ทุบกระจกรถในหลายพื้นที่ โดยมีนายธีรพล ลักรถจยย.มาให้เพื่อใช้ในการก่อเหตุ
ซึ่งทุกครั้งที่ออกตระเวนก่อเหตุนายนนท์จะเป็นคนขับรถจยย. ส่วนนายวันชัยจะเป็นคนลงมือทุบกระจกรถ ก่อนนำของกลางที่ได้มาให้นายสหรัฐ หรือบิ๊ก พิชัยมนตรี อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77/2 ถนนพระราม 5 แขวง-เขตดุสิต กทม. นำไปขาย จากการตรวจสอบพบคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค 3 เครื่อง และกล้องถ่ายรูป อยู่ระหว่างการนำไปขายต่อ โดยทั้งหมดร่วมกันก่อเหตุมาแล้วไม่ต่ำกว่า 60 ครั้ง ในหลายพื้นที่ ทั้ง สน.วังทองหลาง สน.ประชาชื่น สน.ลาดพร้าว สน.หัวหมาก สน.โชคชัย สน.โคกคราม และสน.ห้วยขวาง เป็นต้น ทรัพย์สินบางส่วนจะนำไปขายให้กลุ่มวัยรุ่น เพื่อนำเงินไปซื้อยาเสพติดมาเสพ

พล.ต.ต.นัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า จากการสอบสวนนายวันชัย ทราบว่าติดยาไอซ์อย่างหนัก และมีประวัติหนีทหารที่ค่าย ช.พัน 1 เมื่อปี 2554ด้วย จึงร่วมกับพวกก่อเหตุบ่อยครั้ง ส่วนนายธีรพล เคยถูกจับคดีวิ่งราวทรัพย์ ในพื้นที่ สน.ห้วยขวาง สำหรับของกลางโน๊ตบุ๊คยี่ห้อแม็คบุ๊ค และกระเป๋าสะพาย มีผู้เสียหายมาชี้ยืนยันแล้ว ทั้งนี้หากประชาชนท่านใดสงสัยว่าน่าจะเคยถูกก่อเหตุสามารถมาดูตัวผู้ต้องหาได้ที่ สน.วังทองหลาง เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถาน ส่วนนายสหรัฐ แจ้งข้อหารับของโจร ก่อนส่งตัวดำเนินคดีต่อไป

สตม.แถลงผลกวาดล้างอาชญากรรมต่างชาติ






ตำรวจตม.แถลงผลจับกุมกวาดล้างอาชญากรรม และ บุคคลต่างด้าวผิดกฎหมายเพียบ พร้อมผลักดันกลับสู่ประเทศ
วันนี้ (30 พ.ย.) ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) สวนพลู  พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.สตม. , พล.ต.ต.มนตรี โปตระนันทน์  พล.ต.ต.ชิษณุพงศ์ ยุกตะทัต รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.สตม. , พล.ต.ต.เกรียงศักดิ์ อรุณศรีโสภณ ผบก.ตม.3 , พ.ต.อ.ชาติชาย เอี่ยมแสง รอง ผบก.สส.สตม. แถลงผลระดมกวาดล้างอาชญากรรมในส่วนของ สตม.ทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 15 – 30 พ.ย. สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้รวมทั้งสิ้น 2,043 ราย และผลักดันผู้ต้องหาส่งกลับไปแล้วจำนวนทั้งสิ้น 6,603 คน  ส่วนของ บก.สส.สตม. สามารถจับกุมจำนวนทั้งสิ้น 238 ราย แบ่งเป็นชาวแอฟริกัน จำนวน 53 คน เวียดนาม จำนวน 20 คน  แรงงานสามสัญชาติ ได้แก่ชาวพม่า กัมพูชา ลาว รวมจำนวน 125 คน (ขอทาน จำนวน 62 คน) และสัญชาติอื่นๆ อีกจำนวน 60 คน
 
พล.ต.ท.ภาณุ เปิดเผยว่าสตม.ได้มีการจัดระดมกวาดล้างอาชญากรรมในช่วงเทศกาลสำคัญ ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน  โดยมี กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1-6 และกองบังคับการสืบสวนสอบสวนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินการระดมกวาดล้างอาชญากรรมและบุคคลต่างด้าวที่กระทำผิดกฎหมาย จับกุมคดีสำคัญที่ร่วมกับ บก.ตม.3 จำนวน 3 คดี
คดีแรก จับกุม นายสเตฟาน ไกร์เกอร์ อายุ 47 ปี สัญชาติเยอรมัน ที่หลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทย ซึ่งถูกออกหมายจับโดยศาลประเทศเยอรมัน ในข้อหามีส่วนเกี่ยวข้องในการลักลอบขนส่งยาเสพติด สามารถจับกุมตัวได้ที่ท่าอากาศยาน จ.เชียงใหม่ตรวจสอบมีการเดินทางเข้าออกไทยถึง 17 ครั้ง
คดีที่สองจับกุม นายริชาร์ด เปอร์โนต อายุ 35 ปี สัญชาติฝรั่งเศส ลักลอบหนีมากบดานในประเทศไทย ซึ่งถูกออกหมายจับโดยศาลประเทศฝรั่งเศสในความผิดเกี่ยวกับการใช้เครื่องหมายการค้าปลอม และลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมายจำหน่ายสินค้าปลอมแปลง โดยจับกุมได้ที่คอนโดในชอยจรัญสนิทวงศ์ 13
ส่วนคดีสุดท้ายจับนายยูน มูน ซู สัญชาติเกาหลีใต้ หลบหนีมาในประเทศไทย ซึ่งถูกออกหมายจับโดยศาลประเทศเกาหลีใต้ในความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกง มูลค่ากว่า 1,300 ล้านวอน หรือประมาณ 30 ล้านบาท จับกุมได้ที่หน้าคอนโดศุภาลัย ย่านหัวหมาก เขตบางกะปิ
พล.ต.ท.ภาณุ กล่าวว่า ในการจับกุมผู้ต้องหาคดีสำคัญนั้นส่วนใหญ่จะมีหมายจับมาจากประเทศนั้นๆ และเป็นคดีสำคัญ ได้ประสานมาทางสตม.เพื่อให้ช่วยติดตามจับกุมเพื่อส่งตัวกลับไปดำเนินคดียังประเทศ และขอฝากไปยังประชาชนให้ช่วยสังเกตชาวต่างชาติที่มาพักอาศัยใกล้บ้านเรือนท่านให้ช่วยสอดส่องพฤติกรรม หากพบไม่เหมือนนักท่องเที่ยวหรือไม่มีงานทำแน่นอน หรือต้องสงสัย ให้แจ้งข้อมูลมายังเจ้าหน้าที่ สตม. เพื่อตรวจสอบได้

ตร.ชี้ยังเร็วไปแจ้งข้อหาเสธ.อ้าย คาดทุกคดีแล้วเสร็จ 20 ธ.ค. นี้


เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (30 พ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ที่ปรึกษาสบ.10 ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนเหตุการณ์ผู้ชุมนุมองค์การพิทักษ์สยาม พร้อมด้วยพล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผบช.น. และนายตำรวจที่เกี่ยวข้อง เข้าประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าการสอบสวนผู้กระทำความผิดจำนวน 127 คนที่ฝ่าฝืนพ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 โดยใช้เวลาประชุมราว 2 ชั่วโมง

พล.ต.อ.ชัชวาลย์ เปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้เพื่อติดตามความคืบหน้าการสอบสวนผู้กระทำผิด และรับทราบข้อมูลปัญหาต่างๆ ในการสอบสวน อย่างไรก็ตามคดีมีความคืบหน้าไปมาก แต่ยังไม่สามารถส่งฟ้องศาลได้เนื่องจากจำเป็นต้องสอบสวนบุคคล และพยานเพิ่มเติมเพื่อประกอบรูปคดี และคงจะต้องผลัดฟ้องออกไปอีก ทั้งนี้ เชื่อว่าการสอบสวนในทุกคดีจะแล้วเสร็จก่อนวันที่ 20 ธ.ค. นี้แน่นอน

พล.ต.อ.ชัชวาลย์ กล่าวอีกว่า ในส่วนการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับแกนนำเช่นพล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ นั้น ขณะนี้ยังเร็วไปที่จะแจ้งข้อหา เพราะตำรวจยังคงเก็บหลักฐานเพิ่มเติมอยู่ และหากพบว่ากระทำผิดจริงก็ต้องถูกดำเนินคดีเช่นกัน อีกทั้งพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. กำชับให้ดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่ฝ่าฝืนหรือกระทำผิดอย่างเข้มงวด เพื่อเป็นบรรทัดฐานในกรณีที่มีเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองอีก

บช.น.ลุยตรวจสถานบันเทิงอตก. พัฒน์พงษ์พบไม่มีใบอนุญาตเพียบ













ชุดเฉพาะกิจบช.น.ตรวจสถานบันเทิงย่าน อตก.-พัฒน์พงษ์ หลังเที่ยงคืน พบนักเที่ยวอยู่กันเพียบ แต่พอขอตรวจใบอนุญาตของร้าน กลับบอกว่าไม่มี ผู้จัดการถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเต็มๆ
วันนี้ (1 ธ.ค.) พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น. นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจ บช.น. และบก.อคฝ. จำนวน 100 นาย เข้าปิดล้อมตรวจค้นภายในสถานบันเทิงเฟคคลับ และเฟคคาเฟ่ ตั้งอยู่เลขที่ 359-360 ถนนกำแพงเพชร แขวงและเขตจตุจักร โดยสถานบันเทิงดังกล่าวอยู่ติดกัน ฝั่งเฟคคลับนั้นเป็นโซนดนตรีหนัก ส่วนฝั่งเฟคคาเฟ่นั้นเป็นโซนดนตรีเบา เจ้าหน้าที่พบนักเที่ยวประมาณ 300 คน กำลังดื่มกินและเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน เจ้าหน้าที่จึงสั่งให้ปิดเพลง เปิดไฟ พร้อมทั้งเช็คบิลทุกโต๊ะ ก่อนจะทำการตรวจบัตรประชาชนนักเที่ยวทีละคน ไม่พบนักเที่ยวไม่พกบัตรประชนแต่อย่างใด

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบใบอนุญาตเปิดสถานบริการของทั้งสองร้าน ปรากฏว่าไม่มีใบอนุญาตเปิดสถานบริการแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงสั่งให้ร้านปิดบริการทันที ก่อนนำตัวนายกฤษณะ กสิเวช อายุ 34 ปี ผู้จัดการร้านเฟคคลับ กับนายขวัญ มณีประเสริฐสิทธิ์ อายุ 29 ปี ผู้จัดการร้านเฟคคาเฟ่ ไปดำเนินคดีในข้อหาเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และจำหน่ายสุราในเวลาห้าม

ต่อมาเวลา 01.30 น. พล.ต.ต.อดุลย์ ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดเดียวกันได้เข้าตรวจสอบสถานบันเทิงในย่านพัฒนพงษ์ ถนนสุรวงศ์ แขวงสุรวงศ์ เขตบางรัก ซึ่งส่วนใหญ่เปิดให้บริการเป็นบาร์อโกโก้ จำนวนกว่า 10 ร้าน จากการตรวจสอบพบว่าร้านคาโกด้าไม่มีใบอนุญาตเปิดสถานบริการ จึงดำเนินคดีในข้อหาเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และจำหน่ายสุราในเวลาห้าม กับผู้จัดการร้านดังกล่าว นอกจากนี้ยังพบว่าร้านคิงคอนเนอร์ ใบอนุญาตขาดการต่ออายุและขออนุญาตเปิดให้บริการไว้แค่เวลา 01.00 น.เท่านั้น จึงดำเนินคดีในข้อหาจำหน่ายสุราในเวลาห้ามกับผู้จัดการร้านดังกล่าว
 
พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวว่า การตรวจสอบสถานบันเทิงในย่านอตก.นั้นมีเป้าอยู่ 2 ร้านคือร้านเฟคคลับ-เฟคคาเฟ่ กับร้าน 4x100 แต่ร้าน 4x100 นั้นปิดปรับปรุงไป ซึ่งจากการตรวจสอบร้าน เฟคคลับ-เฟคคาเฟ่ นั้นไม่มีใบอนุญาตเปิดสถานบริการ อีกทั้งร้านก็มีทางเข้าออกเพียงทางเดียวแต่กลับให้นักเที่ยวเข้าไปใช้บริการอย่างหนาแน่อัดกันเหมือนปลากระป๋อง ทั้งนี้สถานบันเทิงในย่าน อตก.นั้นอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของ สน.นพวงศ์ นอกพื้นที่รับผิดชอบของบช.น.หลังจากนี้จะประสานให้ทาง สน.นพวงศ์ ส่งเอกสารขออนุญาตจากร้านต่างๆมายังบช.น.อีกครั้ง
 
พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวต่อว่า สำหรับสถานบริการในย่านพัฒน์พงษ์นั้นพบว่ามีอยู่ประมาณ 10 กว่าร้าน ซึ่งจากการตรวจสอบนั้นพบว่าบางส่วนมีใบอนุญาตแต่ไม่ได้มาต่ออายุเนื่องจากกิจการซบเซา อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบภายในร้านคาโกด้านั้นพบว่าไม่มีใบอนุญาต เนื่องจากเอกสารในการขอใบอนุญาตนั้นไม่ครบ จึงต้องดำเนินคดี ส่วนร้านคิงคอนเนอร์นั้น ใบอนุญาตขาดการต่ออายุ อีกทั้งใบอนุญาตเดิมนั้นขออนุญาตเปิดบริการไว้แค่ 01.00 น.เท่านั้น แต่วันนี้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบภายในร้านในเวลา 02.00 น.แล้ว จึงต้องดำเนินคดีในข้อหาจำหน่ายสุราในเวลาห้ามเช่นกัน

สาวโดนหนุ่มเพิ่งรู้จักลวนลาม-ชิงเงิน4.5หมื่น


กลางดึกที่ผ่านมา ( 1 ธ.ค.) ร.ต.อ กิติศักดิ์ สมมาตย์ พนักงานสอบสวน สน.พญาไท รับแจ้งจากน.ส.อุมาพร (สงวนามสกุล) อายุ 35 ปี ว่าถูก นาย อาร์ต ที่พึ่งรู้จักกันกันที่สถานบันเทิง พยายามที่จะข่มขืนพร้อมเชิดเงินจำนวน 45,000 บาท หลบหนีไปอย่างไร้ร่องรอยบริเวณซอยเข้าชุมชนเรียบทางรถไฟ ยมราช จึงไปตรวจสอบพร้อม ร.ต.อ.สิปปนนท์ พ่วงขวัญ รอง สว.สส.สน.พญาไท และเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่ง

โดยจากการสอบสวนน.ส.อุมาพร ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้ไปร่วมดื่มกินกับเพื่อนสาวที่ร้าน แอทบางกอก ซอย รางน้ำ แขวงพญาไท เขตพญาไท โดยนายอาร์ต คนร้ายเป็นเพื่อนของเพื่อนตนพามาซึ่งรู้จักกันผ่านอินเทอร์เนต จนเมื่อเวลาประมาณ 22.30 น. กลุ่มเพื่อนจะเที่ยวกันต่อแต่ตนอยากที่จะกลับที่พัก โดยนายอาร์ต อาสาที่จะไปส่ง ที่พักย่านวัชรพล รามอินทรา

โดยจากการสอบสวนน.ส.อุมาพร ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้ไปร่วมดื่มกินกับเพื่อนสาวที่ร้าน แอทบางกอก ซอย รางน้ำ แขวงพญาไท เขตพญาไท โดยนายอาร์ต คนร้ายเป็นเพื่อนของเพื่อนตนพามาซึ่งรู้จักกันผ่านอินเทอร์เนต จนเมื่อเวลาประมาณ 22.30 น. กลุ่มเพื่อนจะเที่ยวกันต่อแต่ตนอยากที่จะกลับที่พัก โดยนายอาร์ต อาสาที่จะไปส่ง ที่พักย่านวัชรพล รามอินทรา

เมื่อมาถึง บริเวณ ซอยเข้าชุมชนเรียบทางรถไฟ ยมราช แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี นายอาร์ต ซึ่งขับรถเก๋ง ยี่ห้อ โตโยต้า วีออส สีบรอนซ์ ทะเบียน วว-6849 กรุงเทพมหานคร อ้างว่าจะแวะเข้าไปหาเพื่อน ภายในซอยแล้วเมื่อนายอาร์ต กลับเข้ามาในรถได้พยายามที่จะบังคับข่มขืน ตนจึงตั้งสติ กระโดดหลบ ออกทางประตูด้านหลัง และวิ่งร้องขอความช่วยเหลือ ออกทางปากซอย เมื่อหยิบโทรศัพท์โทรแจ้งตำรวจ กลับพบว่าเงิน จำนวน 45,000 บาท ที่จะนำไปจ่ายค่าผ่อนคอนโดได้หายไปจากกระเป๋าสะพายแล้ว

กลุ่มโจ๋แสบบุกถล่มยิงซ้ำอาสากู้ภัยบาดเจ็บสาหัส








แก๊งโจ๋แสบ ซิ่งจยย. ยิงถล่มใส่กันจน กระสุนลูกหลงโดนสาวกู้ภัยบาดเจ็บสาหัส หามส่งรพ.วุ่น แต่กลุ่มโจ๋ยังไม่จบเรื่อง ตามมายิงถล่มใส่ รพ.ปิดท้ายอีกรอบ ก่อนเผ่นหนี ตำรวจเร่งเก็บหลักฐานก่อนส่งสายสืบลากคอมาดำเนินคดี
วันนี้ ( 1 ธ.ค)  ร.ต.ต สมภพ รอดสุด พงส(สบ1) สน.ท่าข้าม รับแจ้งมีวัยรุ่นจำนวนหลาย 10 คน ใช้อาวุธปืนยิงใส่โรงพยาบาลพระราม 2 ถนนพระราม 2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. จึงรายผู้บังคับบัญชา รีบไปตรงสอบที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงพบ รถกระบะอีซูซุรุ่นดีแม๊ก สีขาวทะเบียน ตย 5521 กทม. ทราบชื่อเจ้าของคือ นายจารุทัศน์  กมลมหารูมิ อายุ 24 ปี มีรอยกระสูนปืน ขนาด.38 ยิงเข้าบริเวณท้ายรถด้านซ้ายจำนวน 1 นัด บริเวณป้ายทะเบียนหน้ารถอีก 1 นัด นอกจากนี้ยังพบว่า กระสูนได้ไปถูก กระจกของตัวโรงบาลส่งผลทำให้กระจกแตกจำนวน 3 บาน และร้าวอีก 2 บาน นอกจากนี้รอยกระสุนยังถูกรถที่จอดอยู่ด้านหน้าโรงพยาบาลอีก 2 คัน จำนวน 2 นัด  ขณะเดียวกันพบหัวกระสุน 9 นัด อยู่ภายในโรงพยาล โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือ ถูกลูกหลงแต่อย่างใด
จากการสอบสวน นายจารุทัศน์ เจ้าหน้าที่กู้ภัยของหน่วยกู้ภัยจราจรทางหลวงบางแค ให้การว่า ได้จอดพักรถอยู่บริเวณแยกถนนกาญจณาภิเษก ตัดถนนเอกชัย บางบอน จนกระทั่งเวลาประมาณ 03.00 น. ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุจยย.พลิกคว่ำที่บริเวณ ปากซอยเอกชัย 66/3 จึงไปตรวจสอบพร้อมพวก 7 คนโดยมีผู้ชายนั่งหลังกระบะ 3 คน ผู้หญิงอีก 3 คน พร้อมตนเองนั่งอยู่ภายในรถ
เมื่อมาถึงบริเวณฝั่งตรงข้ามปากซอยเอกชัย 66/3 พบกลุ่มวันรุ่นพร้อมจยย.หลาย10คันกำลังก่อเหตุทะเลาะวิวาท และมีเสียงปืนดังขึ้น 4 นัด ซึ่งถูกยิงมากจากกลุ่มรถจยย. ยามาฮ่า มีโอ สีน้ำเงินคาดขาว หลังจากนั้นพบว่า น้องกู้ภัยที่นั่งมาด้วย คือ นางสาว สุมิตรา อธิธนบูรน์ อายุ 17 ปี ถูกลูกกระสูนปืนยิงเข้าที่บริเวณลำคอบาดเจ็บสาหัส จึงได้นำตัวส่งที่โรงพยาบาลบางประกอก 8 และ ส่งต่อมายังโรงพยาบาลพระราม 2 หลังจากส่งตัวนางสาว สุมิตราเสร็จก็ได้มีกลุ่มวัยรุ่นจำนวนหลาย 10 คัน ขี่ จยย.มาถล่มยิงโรงพยาบาล โดยตนไม่คิดว่ากลุ่มวัยรุ่นหมายจะเอาชีวิต เพราะหากจะยิงตนก็คงยิงไปที่รถของตนซึ่งตนนั่งอยู่ภายในรถ อย่างไรก็ตามตนไม่เคยมีปัญหากับกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้และยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เบื้องตนเจ้าหน้าที่ได้เก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ พร้อมปลอกกระสุนไปตรวจสอบ นอกจากนี้ยังประสานกับสน.บางขุนเทียน พื้นที่เกิดเหตุบริเวณปากซอยเอกชัย 66/3 ให้สืบหาตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีต่อไป

นายกฯ"ปู"เชิญชาวไทยร่วมงานเฉลิมฉลองพระราชพิธี 5 ธันวาคม


วันนี้ (1 ธ.ค.)  น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวใน”รายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์ฯพบประชาชน”ว่า ในงานมหามงคลพระราชพิธี 5 ธันวาคม นี้ตนขอถือโอกาสนี้เชิญชวนคนไทยมาร่วมงานในเดือนมหามงคล ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงมีพระกรุณาธิคุณโปรดเกล้า เสด็จออกมหาสมาคม ในวันที่ 5 ธันวาคมนี้เวลา 10.00 น.  พระที่นั่งอนันต์สมาคม ณ สิงหบัญชร ลานพระรูปทรงม้า พระราชวังดุสิต ส่วนเวทีท้องสนามหลวงมีการจัดกิจกรรมต่อเนื่องตลอด 6  วันตั้งแต่วันที่ 1-6 ธ.ค.โดยมีการทำบุญตัดบาตรพระสงฆ์จำนวน 286 รูป กิจกรรมเดินวิ่งเฉลิมเฉลิมพระเกียรติ และจุดเทียนชัยถวายชัยมงคลจากเวทีใหญ่สนามหลวง เวลา 19.19 น.พร้อมกับทุกเวทีทั่วประเทศและทั่วโลก จึงขอเชิญพสกนิกรชาวไทยมาร่วมถวายพระพรกันพร้อมเพียงกันทั่วประเทศ

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่าทั้งนี้ในวันที่ 4 ธ.ค.เป็นวันสำคัญอีกวันคือ "วันสิ่งแวดล้อมไทย" มีการจัด อาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ออกช่วยกันรณรงค์ให้ประชาชนได้อยู่อาศัยในชุมชน ในเมืองที่มีบรรยากาศของพื้นที่สีเขียวแม้จะมีความเจริญเข้ามาทุกๆด้าน พร้อมกับเชิญชวน ให้จัดกิจกรรมร่วมกัน  "ร่วมทำเมืองไทยให้เขียวสดใสถวายพ่อหลวง" ซึ่งเป็นนโยบายใหญ่เชิญชวนภาคเอกชน ภาคประชาชนมาร่วมส่งเสริมพื้นที่เศรษฐกิจให้มีสีเขียว อนุรักษ์ความเจริญต่างๆเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดคาร์บอน รัฐบาลตั้งเป้าว่าสังคมประเทศไทยโดยรวมเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ เป็นนโยบายหลักของรัฐบาล จัดกิจกรรมต่างๆที่เมืองทองธานี ทั้งด้านวิชาการและเปิดให้ประชาชนเข้าแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและนำความรู้ไปใช้ได้ด้วยในชีวิตประจำวัน

ชาวบ้านฮือฮาพระพุทธรูปมีหนวด






ชาวบ้านฮือฮาพระพุทธรูปมีหนวด แห่กราบไหว้เป็นผึ้งมาทำรังใต้คางพระจนมองเห็นชัดเหมือนพระมีหนวด เผย พระพุทธรูปสร้างมาแล้ว 5 ปี แต่เมื่อ 7-8 เดือนก่อนมีผึ้งมาททำรังจนอยู่ถาวรแบบนี้
 วันนี้ ( 1 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านบ้านใหม่พัฒนา หมู่ 2 ต.ฮอด อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ว่าพบพระพุทธรูปองค์ใหญ่ลักษณะมีหนวดเคราที่คาง มองเห็นเด่นชัด โดยพระพุทธรูปดังกล่าวเป็นพระพุทธรูปปางเปิดโลก ตั้งอยู่หน้าวัดดอยอูปแก้ว หมู่ 2 ต.ฮอด อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ สร้างความฮือฮาให้กับผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก ต่อมาผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปตรวจสอบก็พบบรรดานักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเดินทางไปเที่ยวชมความสวยงามของวัดดังกล่าวเป็นจำนวนมาก บางรายขอเลขเด็ดด้วย
โดยพระพุทธรูปยืนปางเปิดโลก ดังกล่าวมีองค์เป็นสีชมพูเข้ม สูงประมาณ 5 เมตร ตั้งสูงสง่าท่ามกลางขุนเขา แต่หากสังเกตดูบริเวณคางของพระพุทธรูปคล้ายกับมีเครานูนออกมา
พระสุภชีพ สุภาจาโร อายุ 55 ปี รักษาการเจ้าอาวาส วัดดอยอูปแก้ว เปิดเผยว่าที่บรรดาชาวบ้านแตกตื่นพบพระพุทธรูปมีหนวดเครานั้น เป็นพระพุทธรูปยืนปางเปิดโลก ซึ่งก่อสร้างมาได้ประมาณ 5 ปีแล้ว โดยทางพระครูอานันทร์ อานันโท เจ้าอาวาสวัดดอนจั่น ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ได้ทำการก่อสร้างไว้เพื่อให้ประชาชนได้กราบไหว้บูชา ซึ่งตอนสร้างมาก็ไม่ได้มีอะไรผิดแบบ หรือแปลกแตกต่างจากพระพุทธรูปยืนปางเปิดโลก ที่อื่นๆมากนัก
โดยประมาณ 7-8 เดือนที่ผ่านมา ได้มีฝูงผึ้งจำนวนมากได้บินมาจากไหนก็ไม่ทราบ และได้มาสร้างรังบริเวณใต้คางของพระพุทธรูป จนชาวบ้านได้มองเห็นในลักษณะแปลกกลายเป็นเคราของพระพุทธรูป มองดูน่าเกรงขาม ทำให้ชาวบ้านเชื่อว่าพระองค์นี้ศักดิ์สิทธิ์ ทำให้เกิดความสงบสุข แม้แต่ผึ้งยังมาทำรังอยู่อาศัย จึงไม่มีใครทำร้ายรังผึ้งแต่อย่างไร บ้างคนได้นำไปตีเป็นเลขเด็ด และถูกรางวัลกันหลายคนในหลายงวดที่ผ่านมา จนกระทั่งต้นเดือนที่ผ่านมาฝูงผึ้งก็ทิ้งรัง และบินไปที่อื่นเหลือไว้แต่รังว่างเปล่า
 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับวัดอูปแก้วนั้นสร้างขึ้นในสมัยเจ้าแม่จามเทวี แห่งแคว้นหิริภุญไชย ลำพูน มีอายุนานกว่า 1,300ปี ปัจจุบันพบหลักฐานเจดีย์ 9 ยอด อยู่บนดอยในบริเวณวัด ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือจำนวนมาก

แพทย์ชี้“พ่อคูณ”ยังไม่ดีขึ้น-ประเมินปอดอักเสบนาทีต่อนาที




อาการอาพาธของหลวงพ่อคูณยังน่าเป็นห่วง ปอดอักเสบยังไม่ดีขึ้น มีไข้ต่ำ ๆ แพทย์ยังต้องเฝ้าระวังช่วง 1 สัปดาห์ อาจมีโรคแทรกซ้อนได้ตลอดเวลา และถ้าหากไม่ดีขึ้น อาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
วันนี้( 1 ม.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงาน ความคืบหน้าอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ที่เข้ารับการรักษาอาการปอดอักเสบที่ห้องพักผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.มหาราชนครราชสีมา เป็นวันที่ 3 แล้ว โดยสภาพร่างกายของหลวงพ่อคูณมีสัญญาณชีพจรเต้น 85 ครั้งต่อนาที ความดัน 138/68 มิลลิปรอท หายใจ 24-28 ครั้งต่อนาที และอุณหภูมิร่างกาย 37.9 องศาเซลเซียส มีไข้เล็กน้อย
ขณะที่ นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ และนพ.อนุชิต นิยมปัทมะ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคปอด เข้าตรวจอาการหลวงพ่อคูณ พบว่า อาการโดยรวมยังไม่ดีขึ้น ยังทรงตัวจากเมื่อวาน คือ มีไข้ต่ำ ๆ อ่อนเพลีย ซึม สำลักเป็นพัก ๆ และมีเสมหะในลำคอ
นพ.พินิศจัย กล่าวว่า เรื่องสำคัญก็คือต้องห้ามบุคคลภายนอกเข้าเยี่ยมโดยเด็ดขาด เพราะอาจจะนำเชื้อเข้าไปแพร่สู่หลวงพ่อซ้ำซ้อนอีก ซึ่งถือเป็นเรื่องอัตรายอย่างมากสำหรับหลวงพ่อ ตอนนี้อาการปอดอักเสบค่อนข้างรุนแรงมาก การรักษายังต้องให้ยาปฏิชีวนะชนิดเข้มข้น และต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดในระยะ 1 สัปดาห์ หากผ่านพ้นไปได้อาการก็น่าจะดีขึ้น
ขณะที่ นพ.อนุชิต เปิดเผยว่า ขณะที่สภาพในช่องปอดทั้ง 2 ข้าง ยังมีอาการอักเสบจากการสำลักและติดเชื้อรุนแรง ตอนนี้สามารถดูดเสมหะออกจากปอดได้มากขึ้น อาการหอบเหนื่อยเริ่มลดลง แต่โดยรวมยังถือว่าน่าเป็นห่วง ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดในระยะ 1 สัปดาห์ โดยเฉพาะเป็นห่วงเรื่องภาวะแทรกซ้อนที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ถ้าหากหลวงพ่อมีอาการหอบเหนื่อยมากขึ้น หรือไอไม่ออก สำลัก และมีเสมหะมากขึ้น อาจจะต้องใช้เครื่องใช้หายใจ ซึ่งแพทย์ต้องเฝ้าประเมินอาการแบบนาทีต่อนาที

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More

 
Design Downloaded from Free Blogger Templates Download | free website templates downloads | Vector Graphics | Web Design Resources Download.