ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ 083-792-5426

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามตำแหง บางกะปิ 083-792-5426

วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เครือข่าย"ปชช.ทนไม่ไหว"ฮือประท้วงสถานทูตมะกันให้วีซ่า"แม้ว"







กลุ่มภาคีเครือข่ายประชาชนทนไม่ไหว กว่า 150 คน ชุมนุมโจมตีสถานทูตอเมริกา กรณีออกให้วีซ่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าประเทศได้
เมื่อวันที่ 17 ส.ค. กลุ่มภาคีเครือข่ายประชาชนทนไม่ไหว นำโดยนายสมบูรณ์ ทองบุราณ อดีตสมาชิกวุฒิสภา พร้อมสมาชิกภาคีจำนวน 150 คน เดินทางมาชุมนุมบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน เพื่อโจมตีกรณีที่ประเทศสหรัฐอเมริกาออกวีซ่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าประเทศได้ โดย พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐ์ผล ผกก.สน.ลุมพินี นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สายตรวจ จราจร สน.ลุมพินี และเจ้าหน้าที่ ปจ.บก.น.5 เข้าไปดูแลความปลอดภัย
นายสมบูรณ์ ได้ขึ้นปราศรัยกล่าวโจมตีนางคริสตี้ เคนนี่ย์ เอกอัครราชฑูตสหรัฐอเมริกา ถึงการที่ไม่ตอบคำถามกรณีที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและไทยมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนทวิภาคี เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ที่ถูกตัดสินว่าเป็นนักโทษหนีคดี จึงไม่ควรได้รับวีซ่าท่องเที่ยวให้เข้าสู่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ จึงเห็นชัดว่าประเทศสหรัฐอเมริกาไม่มีความเคารพและละเมิดกฎหมายและพันธะกรณีระหว่าง 2 ประเทศที่ปล่อยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าประเทศได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นได้มีหญิงใช้นามแฝงชื่อ กาแฟดำ ขึ้นอ่านเอกสารที่เตรียมนำมายื่นให้สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งขอเข้าไปยื่นเอกสารภายในสถานทูต โดยมีช่างภาพเข้าไปด้วย แต่ทางสถานทูตได้แจ้งว่า อนุญาตให้นำช่างภาพเข้าไปได้แค่ 2 คน ทางกลุ่มผู้ชุมนุมจึงเปลี่ยนข้อเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสถานทูตออกมารับหนังสือแทน ซึ่งทางสถานทูตก็ตอบรับข้อตกลง แต่ทางกลุ่มผู้ชุมนุมก็ไม่ได้ยื่นหนังสื่อแต่อย่างใด ก่อนจะสลับสับเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัย เปิดเพลงให้กลุ่มผู้ชุมนุมฟังเป็นระยะ จนกระทั่งทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้ประกาศว่า จะเดินทางไปชุมนุมที่สำนักงานองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น)ในวันที่ 21 ส.ค. ในเวลา 19.00 น.อีกครั้ง ก่อนจะแยกย้ายกันกลับไป.

ตร.ห้วยขวางรวบอาชีวะพกปืน.22 คาป้ายรถเมล์






ตำรวจจับนักเรียนอาชีวะสถาบันดัง พกปืน .22 คาป้ายรถเมล์ย่านห้วยขวาง อ้างไว้ใช้ป้องกันตัวจากนักเรียนคู่อริต่างสถาบัน
เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 17 ส.ค. ร.ต.ท.บุญญฤทธิ์ สุขบรรเทิง รอง สวป.สน.ห้วยขวาง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.ห้วยขวาง ร่วมกันจับกุมนายสิริภพ สถิตย์พงษ์วัฒนะ อายุ 20 ปี นักศึกษาอาชีวะของสถาบันชื่อดังแห่งหนึ่ง ย่านพหลโยธิน พร้อมของกลาง อาวุธปืนปากกา ขนาด .22 พร้อมเครื่องกระสุนปืน จำนวน 1 นัด ได้ที่บริเวณป้ายรถโดยสารประจำทาง หน้าโรงแรม เลอ คอง คอร์ด ถนนรัชดาภิเษก แขวงและเขตห้วยขวาง กทม.

โดย ร.ต.ท.บุญญฤทธิ์ กล่าวว่า ขณะกำลังปฎิบัติหน้าที่ตรวจความเรียบร้อยในพื้นที่ จนมาถึงบริเวณป้ายหยุดรถประจำทาง หน้าโรงแรม เลอ คอง คอร์ด พบกลุ่มนักเรียนอาชีวะเดินลงจากรถโดยสารประจำทาง สาย 136 ซึ่งวิ่งระหว่าง หมอชิตใหม่-คลองเตย มีพฤติกรรมน่าสงสัย จึงเรียกตรวจค้น ปรากฎว่า พบอาวุธปืนปากกา แบบไทยประดิษฐ์ ขนาด .22 พร้อมเครื่องกระสุนบรรจุอยู่ในรังเพลิง จำนวน 1 นัด อยู่ในกระเป๋าสะพายสีดำของนายสิริภพ จึงนำตัวมาสอบสวน

จากการสอยสวน นายสิริภพ ยอมรับว่า อาวุธปืนปากกาเป็นของตนพกเอาไว้เพื่อป้องกันตัว เนื่องจากที่พักอาศัยนั้นค่อนข้างจะอยู่ไกลจากสถาบัน เบื้องต้น ทางตำรวจได้แจ้งข้อหา ”พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร”ก่อนนำตัวส่งพนักงายสอบสวนดำเนินดคีต่อไป.

นศ.หนุ่มม.ดังตกตึกเรียนสาหัสเพื่อนช็อกเห็นเหตุการณ์สุดระทึก




เมื่อวันที่ 17 ส.ค. เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูได้รับแจ้งเหตุนักศึกษา มหาวิยาลัยกรุงเทพ รังสิต ตกจากอาคารได้รับบาดเจ็บ ภายในมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ตึก 8 คณะศิลปกรรม ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยแพทย์โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ ศูนย์รังสิต     
     
ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ช่วยกันปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บเบื้องต้น ทราบชื่อ นายพีรสัณย์ พิทักษ์สัตยกุล อายุ 22 ปี นักศึกษาคณะศิลปกรรม สาขาทัศนศิลป์ อยู่บ้านเลขที่ 9/144 แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กทม. สภาพนอนหงายจมกองเลือดอยู่บนพื้น ภายหลังตกลงมาจากอาคารช็อป 8 ของคณะฯ ที่ความสูงประมาณ 10 เมตร  เจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ ศูนย์รังสิต 
         
สอบสวนเพื่อนของผู้บาดเจ็บรายหนึ่ง ให้การว่า ขณะที่เพื่อนๆ กำลังถ่ายภาพเพื่อทำงานส่งอาจารย์กันอยู่ที่ด้านล่างของอาคารเรียน นายพีรสัณย์ขอตัว บอกเพื่อนๆ ว่าเดี๋ยวมา จนกระทั่งพบว่าร่างนายพีรสัณย์ลอยตกมาจากด้านบนของตัวอาคารได้รับบาดเจ็บต่อหน้าต่อตาเพื่อนๆ ท่ามกลางความช็อกของทุกคนที่เห็นเหตุการณ์        

เบื้องต้นสันนิษฐานว่า ผู้บาดเจ็บน่าจะขึ้นไปหาถ่ายภาพมุมสูงบนตัวอาคาร จนกระทั่งเกิดพลัดตกลงมาได้รับบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะได้เร่งหาสาเหตุที่แน่ชัดอีกครั้ง

“ธาริต”รับเคลียร์ผู้นำกองทัพวุ่นเหตุดีเอสไอเผยข้อมูลคดี91ศพ


เมื่อวันที่ 17 ส.ค. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงคดีการเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐจากเหตุรุนแรงทางการเมืองเมื่อปี 2553 จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 91 ศพ ว่า หลังจากมีการท้วงติงจากผู้ใหญ่ในกองทัพบกเรื่องการให้ข่าวของดีเอสไอ  ตนจึงได้พูดคุยทำความเข้าใจกับผู้ใหญ่ของกองทัพแล้ว และได้กำชับพนักงานสอบสวน รวมทั้งพ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีดังกล่าวว่า จากนี้ตนจะเป็นผู้แถลงข่าวเพียงคนเดียว 
ส่วนการดำเนินคดีนั้นพนักงานสอบสวนยังทำงานได้เป็นปกติ  แค่จะไม่มีการให้ข่าวรายวันและแถลงเมื่อคดีมีข้อมูลคืบหน้าชัดเจนเท่านั้น  ทั้งนี้คดีดังกล่าวดีเอสไอไม่ได้ทำคดีเพียงลำพัง มีพนักงานอัยการ และพนักงานสอบสวนฝีมือดีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กว่า 50 นาย ร่วมเป็นคณะพนักงานสอบสวน    
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2553 เป็นภาวะไม่ปกติและถือเป็นภาวะคับขันของบ้านเมือง ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนใช้อาวุธทำร้ายประชาชนโดยพลการ แต่เจ้าหน้าที่มีความจำเป็นในการใช้กำลัง ซึ่งใครจะมีความผิดอย่างไรเป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ ดีเอสไอพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายเพื่อพิสูจน์ความจริงต่อไป” นายธาริต  กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องบางคดี นายธาริต กล่าวว่า การที่มีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องในบางคดี แต่ไม่ได้หมายความว่าคนที่เกี่ยวข้องจะมีความผิดเสมอไป และอาจจะไม่ต้องรับผิดในการกระทำ เพราะอาจจะกระทำไปในภาวะจำเป็น หรือปฏิบัติตามคำสั่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย จึงไม่ต้องรับผิดทั้งในทางแพ่งและทางอาญา

เมื่อถามว่า คดีดังกล่าวดีเอสไอมุ่งเอาผิดกลุ่มนักการเมืองหรือไม่ นายธาริต กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นเรื่องใหญ่ ดีเอสไอไม่ได้ทำคดีตามลำพัง  ทุกฝ่ายให้ความสนใจ การสอบสวน ไม่ได้เจาะจงเอาผิดเฉพาะนักการเมือง แต่เป็นการพิจารณาตามข้อเท็จจริงที่ปรากฎในสำนวน สำหรับข่าวที่ปรากฎขึ้นอาจจะเป็นความคลาดเคลื่อน เพราะการนำเสนอบางครั้งด้วยข้อจำกัดในเรื่องเวลาหรือเนื่้อที่ อาจรวบรัดไปบ้างแต่ไม่ได้โทษใคร
 
 ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้ดีเอสไอออกมาระบุว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง เมื่อกองทัพออกมาท้วงติงจะส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนไปหรือไม่ นายธาริต กล่าวว่า คงไม่มีใครพูดหรือเปลี่ยนแปลงในข้อเท็จจริงในสำนวนได้  เพียงแต่วิธีการนำเสนอข่าวต่อสาธารณชนจะต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น  อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวรู้สึกเห็นใจทุกฝ่าย ทั้งผู้สูญเสีย ทหาร และผู้บาดเจ็บ.

"ทวี"ขู่19นปช.ก่อการร้ายไม่มาศาลตามนัดถูกถอนประกันแน่


เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 17 ส.ค. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายทวี ประจวบลาภ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม และเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ เพื่อกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัย ในวันที่ 22 ส.ค. ที่ศาลนัดสอบถามนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก ผู้ช่วยเลขานุการรมช.มหาดไทย กับพวกแกนนำและแนวร่วมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จำเลยในคดีร่วมกันก่อการร้าย รวม 19 คน ว่า ในวันดังกล่าว ศาลจะสอบถามนายยศวริศ ต่อจากเมื่อวันที่ 9 ส.ค. ส่วนในเวลา 15.00 น. จะเป็นการนัดฟังคำสั่งเพิกถอนประกันแกนนำ 19 คน จะไม่มีเหตุอะไรให้เลื่อนคงจะจบในวันนั้น ศาลอาญาจึงขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล กองปราบปราม และกรมราชทัณฑ์ ซึ่งผลสรุปแล้วคือศูนย์ปฏิบัติการร่วมรักษาความปลอดภัย ศปก.เห็นว่าจะกำหนดมาตรการเหมือนวันที่ 9 ส.ค. ทั้งการวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ จัดสถานที่สื่อมวลชน และผู้สนับสนุนในพื้นที่เดิม การที่จำเลยหรือผู้ติดตามจะเข้าห้องพิจารณาคดีก็ต้องแลกบัตรจำแนกสี รวมถึงการอำนวยความสะดวกให้คู่ความและประชาชนด้วย

นายทวี กล่าวว่า ในครั้งนี้ ได้เตรียมการในกรณีที่องค์คณะผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนอาจมีคำสั่งเพิกถอนประกัน ซึ่งกรณีนี้ตนยังไม่ทราบผลว่าจะออกมาอย่างไร เพราะองค์คณะเจ้าของสำนวนกำลังพิจารณาอยู่ ซึ่งแผนการที่เจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการบังคับตามคำสั่งศาล ทางราชทัณฑ์จะต้องดำเนินการอย่างไร เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องช่วยสนับสนุนอย่างไร จะต้องมองสถานการณ์ในทุกมิติให้รอบคอบโดยอาศัยบทเรียนในวันที่ 9 ส.ค. มาทบทวนและเพิ่มเติมในส่วนที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์กับการดำเนินการ ภาวนาว่าในวันนั้นฝ่ายผู้สนับสนุนคงจะมาไม่เยอะ ถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องเดินทางมา ดูทีวีจะดีกว่า แต่ถ้าเดินทางมาเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะดูแลรักษาความปลอดภัยสถานที่ที่ผู้สนับสนุนยืนรอนอกศาล ทางเราเตรียมการที่จะรับมือทุกรูปแบบโดยมีการสมมติสถานการณ์เบาที่สุดเป็นอย่างไร หนักที่สุดเป็นอย่างไร ส่วนเหตุการณ์เฉพาะหน้าจะมีการประเมิน ทุก 2 ชั่วโมง
 
นายทวี กล่าวอีกว่า ศาลยังมีการประกาศใช้ข้อกำหนดห้ามกระทำพฤติการณ์ใดที่ที่เป็นการรบกวนการพิจารณาคดีที่จะเป็นการละเมิดอำนาจศาลอยู่ ยังไม่ได้ยกเลิก หลังเสร็จสิ้นการพิจารณาจึงมีการยกเลิก ต้องขอร้องให้เห็นใจด้วย ศาลต้องการรักษาความสงบให้มากที่สุดหากศาลทำไม่ได้ ก็คงไม่มีที่ไหนในประเทศไทยทำได้ เพราะว่าเรามีทั้งอำนาจตามกฎหมาย มีอำนาจเจ้าหน้าที่บ้านเมืองสนับสนุน คงจะทำเท่าที่คู่ความ ผู้สนับสนุน หรือประชาชนภายนอกเดือดร้อนน้อยที่สุด เพื่อให้ไม่มีปัญหา แต่เท่าที่คุยกันก็คงใช้กำลังเจ้าหน้าที่เท่าเดิมแต่ไม่สามารถบอกได้ว่าจะใช้กำลังเท่าใดเป็นหน้าที่ของผู้ปฎิบัติ กลุ่มผู้สนับสนุนที่จะมาศาลก็ไม่ปิดกั้น แต่ไม่มาดีกว่า

เมื่อถามถึงแผนการรับมือหากมีการถอนประกันแกนนำแดงที่อาจมีการปิดถนนหรือล้อมรถราชทัณฑ์ ว่า ทางกรมราชทัณฑ์และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการพูดคุยกันแล้วในภาพกว้างๆ รายละเอียดจะพาไปเรือนจำเส้นทางไหนยังไหน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะประชุมกันในวันที่ 22 สิงหาคม ช่วงเช้าอีกที่ ตนเองก็ยังไม่ทราบ เรื่องบางเรื่องเป็นเรื่องที่ต้องรู้บางคนเท่านั้น เพราะภารกิจการนำตัวจำเลยเข้าสู่เรือนจำ
ถามว่าในวันที่ 22 ส.ค. หากมีจำเลยคนใดคนหนึ่งไม่มาหรือจะขอเลื่อนฟังคำสั่ง นายทวี กล่าวว่า โดยผลของกฎหมายแล้วจำเลยทุกคนต้องมา ถ้าไม่มาถือว่าผิดสัญญาประกัน ศาลสามารถถอนประกันได้เลยโดยไม่ต้องเรียกมาสอบถามใดๆ  เพราะถือว่า ผิดสัญญาประกันโดยปริยาย จึงขอเตือนจำเลยทั้ง 19 คน ล่วงหน้า ว่า อย่าเล่นเกมเด็ดขาด ถ้าจะใช้ไม้ไหนยังไงศาลก็คงจะมีมาตรการรับมืออยู่แล้ว แต่คงบอกไม่ได้ คนที่ไม่มาอาจถูกถอนประกันก่อนคนที่มาก็ได้ซึ่งจะเป็นเรื่องร้ายแรงกว่า ดังนั้นจำเลยทุกคนควรจะมา ตอนนี้ตนยังไม่รู้ผลจะออกมาอย่างไรอยู่ระหว่างองค์คณะกำลังปรึกษาหารือเขียนคำสั่งอยู่ในส่วนของจำเลย 18 คนที่สอบถามเสร็จสิ้นแล้ว ส่วนนายยศวริศ คงต้องรอข้อมูลในวันที่ 22 ส.ค. ช่วงเช้าอีกส่วนหนึ่งนำไปประกอบกับการเขียนคำสั่งแต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีฝ่ายผู้ร้องหรือฝ่ายนายยศวริศ ยื่นเอกสารพยานหลักฐานมาเพิ่มเติม แต่ยังมีเวลายื่นอีกหลายวัน

“อยากให้ฝ่ายจำเลยมาศาลกันให้ครบ หากไม่มาศาลก็ถอนประกันเหมือนคดีอาญาทั่วไป แต่ศาลไม่อยากให้ยืดเยื้อ เพราะประชาชนจะเดือดร้อน อยากให้มันจบไปในวันนั้น เพราะถ้าเป็นการอ่านคำสั่งในคดีอาญาจะต้องอ่านพร้อมกันทีเดียว บางคนแย้งว่าจำเลยกลุ่ม ส.ส. 5 คน ไม่อยู่ แต่ส่วนใหญ่ 19 คนอยู่แต่คิดว่าในวันนั้นจะมีทิศทางที่ดี ยังไงวันที่ 22 ส.ค.นี้จะไม่มีการเลื่อนฟังคำสั่ง ยกเว้นมีเหตุการณ์ร้ายแรงอะไรเกิดขึ้น ซึ่งผมคิดว่าไม่มี และหากศาลเลื่อนก็จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์และการคาดเดาผลไปต่างๆ แต่ศาลบริสุทธิ์ใจตัดสินไปตามกฎหมาย ไม่มีอคติหรือการแฝงเร้น ซึ่งองค์คณะเจ้าของสำนวนวางตัวได้อย่างเหมาะสมเป็นแบบอย่าง เชื่อว่าสถานการณ์ต่างๆจะคลี่คลายในช่วงเย็น” อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากล่าวตอนท้าย.

"สุรพงษ์"เยือนชิลีเร่งคลอดเอฟทีเอ


เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายเสข วรรณเมธี รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ในระหว่างวันที่ 17-20 ส.ค.นี้ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ มีกำหนดการเยือนสาธารณรัฐชิลีและสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิลอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของนายอัลเฟรโด โมเรโน่ ชาร์คเม รมว.ต่างประเทศชิลี และนายอันโตนิโด เด อะกีอาร์ ปาตริตา รมว.ต่างประเทศของบราซิล

ในการเยือนชิลีครั้งนี้ นายสุรพงษ์ ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายเซบัสเตียน ปีเญร่า เอเชนีค ประธานาธิบดีชิลี และหารือทวิภาคีกับนายอัลเฟรโด โมเรโน่ ชาร์คเม รมว.ต่างประเทศชิลี รวมทั้งส่งมอบหนังสือและศิลปวัตถุแก่สถาบันการทูตของชิลี และการปลูกต้นราชพฤกษ์ที่สวนสาธารณะ Plaza Tailandia กรุงซานติอาโก ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จฯไปทรงเปิดสวนสาธารณะดังกล่าว เมื่อครั้งเสด็จเยือนชิลีอย่างเป็นทางการในปี 2553 และขณะนี้สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงซานติอาโก กำลังก่อสร้างศาลาทรงไทยที่สวนสาธารณะดังกล่าวให้เสร็จในปีนี้ เพื่อเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ด้วย ทั้งนี้นายสุรพงษ์ จะผลักดันให้การเจรจาจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรี ชิลี-ไทย ให้ลุล่วงและคาดว่าจะเจรจาเสร็จสิ้นภายในปีนี้
 
นายเสข กล่าวอีกว่า ส่วนภารกิจการเดินทางเยือนบราซิลของนายสุรพงษ์ ที่กรุงบราซิเลีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคลาตินอเมริกาสูง และมีบทบาทนำในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ  นายสุรพงษ์จะได้หารือทวิภาคีกับนายอันโตนิโอ เด อะกีอาร์ ปาตรีออตา รมว.ต่างประเทศบราซิล และจะร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจ 2 ฉบับ คือบันทึกความเข้าใจ(เอ็มโอยู)ว่าด้วยการจัดตั้งกลไกการหารือทางการเมือง และเอ็มโอยูว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการไตรภาคี.

สภาฯผ่านม.11ก.เกษตรฯ7.2 หมื่นล.จี้“เต้น”ไขก๊อกแก้ราคายางเหลว


เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ผู้สือข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจาณณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ในวาระที่ 2 ได้พิจารณามาตรา 11 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน 72,882,914,000 บาท โดยประธานการประชุม เปิดโอกาสให้สมาชิกได้อภิปรายอย่างกว้างขวาง นานกว่า 2 ชั่วโมง ซึ่งส.ส.ฝ่ายค้านส่วนใหญ่ ได้ตั้งข้อสังเกตถึงการจัดสรรงบประมาณว่า เป็นการจัดงบลงพื้นที่ของส.ส.ซีกรัฐบาล โดยเรียกร้องให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณในแต่ละพื้นที่อย่างเป็นธรรม และเท่าเทียม รวมถึงบัตรเครดิตเกษตรกรที่มีแต่ก่อหนี้สินให้แก่เกษตรกรมากขึ้น และการบริหารจัดการราคาพืชผลทางการเกษตรที่ตกต่ำอย่างหนัก โดยเฉพาะราคายางพารา
น.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในเมื่อนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ไม่สามารถแก้ปัญหายางพาราตกต่ำได้ ถึงขอเงินไปแทรกแซงแล้วแต่ราคาก็ยังตกต่ำอยู่ ขอให้แสดงความรับผิดชอบโดยการลาออกจากตำแหน่ง แต่ในที่สุดที่ประชุมเสียงส่วนใหญ่ให้ความเห็นชอบ  
ทั้งนี้ หลังอภิปรายนานกว่า 2 ชั่วโมง ท้ายที่สุมติเห็นด้วยกับกรรมาธิการเสียงข้างมากด้วยคะแนน 282 เสียงไม่เห็นด้วยกับกรรมาธิการ 113 เสียง งดออกเสียง 0 เสียง ไม่ลงคะแนน 3 เสียง.

สภาผ่านมาตรา12งบกท.คมนาคมฉลุย


เมื่อวันที่ 17 ส.ค. เวลา16.20น. ที่ประชุมเริ่มพิจารณา มาตรา 12 กระทรวงคมนาคม จำนวน  75,948,723,100 บาท โดยการอภิปรายเป็นไปอย่างกว้างขวาง เน้นไปที่การบริหารงานในสนามบินสุวรรณภูมิที่ผิดพลาด  อาทิ ปัญหารันเวย์ร้าว รวมไปถึงความล้มเหลวจากนโยบายรถยนต์คันแรก ที่จะยิ่งสร้างปัญหาด้านการจราจร รวมถึงการการนำเงินภาษีไปจ่ายให้หลายหมื่นล้านก็ไม่คุ้มค่า และปัญหาการสร้างทางด่วนไม่ได้มาตรฐาน เป็นเหตุให้รถตกทางด่วนหลายครั้ง เป็นต้น ในที่สุดที่ประชุมมีมติเห็นด้วยกับคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากด้วยคะแนน 282 ต่อ 104 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง ไม่ลงคะแนน 4 เสียง
 

บัวแก้วขอคืนทรัพย์สิน92คนไทยแต่ต้องยึดกฎหมายพม่า


เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายเสข วรรณเมธี รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่มีญาติของคนไทย 92 คนที่ถูกทางการพม่าดำเนินคดีลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายบุกรุกป่าและบางส่วนพัวพันยาเสพติดและครอบครองอาวุธออกมาเรียกร้องให้ทางการไทยเร่งดำเนินการนำทรัพย์สินที่ถูกทางการพม่ายึดไป กลับคืนมา ว่า ขณะนี้สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ นครย่างกุ้ง ประเทศพม่ากำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรณีทรัพย์สินของคนไทยกลุ่มนี้ ส่วนจะสามารถนำออกมาคืนก่อนได้หรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะต้องเป็นไปตามขั้นตอนและกฎหมายของพม่า

ขณะที่เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา ศาลพม่าได้เบิกตัวผู้ต้องหาไทยในคดีพัวพันยาเสพติดและครอบครองอาวุธขึ้นไต่สวน โดยทนายความชาวพม่าที่ทางกระทรวงฯว่าจ้างให้ช่วยว่าความให้คนไทยกลุ่มนี้ ระบุว่า ศาลพม่ามีแนวโน้มที่จะเบิกตัวเจ้าหน้าที่กลุ่มที่เข้าจับกุมผู้ต้องหาขึ้นไต่สวนด้วย คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์ ศาลจึงจะมีคำตัดสิน.

สภาเร่งสปีดผ่านงบ3มาตรารวด


เมื่อเวลา 18.45 น. วันที่ 17 ส.ค. ที่ประชุมได้พิจารณามาตรา 13 งบประมาณกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยราชการในกำกับ วงเงิน 30,657,787,400 บาท โดยที่ประชุมใช้เวลาพิจารณากันไม่ถึง 1 ชั่วโมง
จากนั้นได้มีมติเห็นกับคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากด้วยคะแนน284 ต่อ 96 เสียง งดออกเสียง 2 ไม่ลงคะแนนเสียง 3 เสียง หลังจากนั้นได้ให้ความเห็นชอบในมาตรา 14 กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร วงเงิน 7,598,809,500 บาททันทีเนื่องจากไม่มีผู้อภิปราย โดยเห็นชอบกับคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากด้วยคะแนน 287 ต่อ 74 เสียงและเห็นชอบในมาตรา 15 กระทรวงพลังงาน วงเงิน 1,956,623,100 บาท โดยไม่มีผู้อภิปราย ซึ่งได้เห็นชอบกับคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากด้วยคะแนน 286 ต่อ 86 เสียง
.

ปชป.อัดกท.พาณิชย์ไร้ประสิทธิภาพ


เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ในการประชุมพิจารณามาตรา 16 กระทรวงพาณิชย์ วงเงิน 7,430,322,600 บาท โดยส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายพงศ์เวช เวชชาชีวะ ส.ส.จันทบุรี อภิปรายติติงการจัดงบประมาณของกระทรวงพาณิชย์ ว่า รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บริหารงบประมาณแบบโม้ โดยในโครงการรับจำนำมันสำปะหลัง สร้างความเจ็บปวดให้กับเกษตรกรมาก เพราะประสบปัญหาการขาดทุน อีกทั้งการจัดสรรงบประมาณในกระทรวงนี้ยังไม่เหมาะสม ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่โปร่งใส แก้ปัญหาปากท้อง ของแพงไม่ได้ มีปัญหาพลังงานราคาแพง ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำทำให้ต้นทุนการครองชีพสูงขึ้น มีปัญหาโครงการจำนำข้าว ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ไม่แก้ปัญหาในเชิงรุก ทำให้ประชาชนเดือดร้อน โดยเฉพาะโครงการร้านถูกใจ ที่มีปัญหามากมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมาธิการฯ ไม่ได้ชี้แจงเกี่ยวกับข้อติติงต่าง ๆ ในที่สุดที่ประชุมได้มีมติเห็นด้วยกับคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากด้วยคะแนน 282 ต่อ 69 เสียง

สภาป่วนกลางดึกส.ส.พท.ประท้วง"วัชระ"วุ่น


เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการพิจารณางบฯ มาตรา 17 ของกระทรวงมหาดไทย มีการอภิปรายเพียง 30 นาที ที่ประชุมได้ลงมติเห็นด้วยกับกรรมาธิการเสียงข้างมากด้วยคะแนน 286 ต่อ 98 เสียง จากนั้นเวลา 21.00 น.ที่ประชุมพิจารณามาตรา 18 กระทรวงยุติธรรม โดยนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายติติงการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณไว้เกือบ 1,140 ล้านบาท แต่ที่ผ่านมาดีเอสไอกลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองทำร้ายฝ่ายตรงข้าม เช่น การออกหนังสือเรียกผู้บริจาคเงินช่วยเหลือน้ำท่วมปี 2553 ให้สำนักนายกรัฐมนตรีผ่านพรรคประชาธิปัตย์มาสอบ ทั้งที่ยังไม่มีการรับเป็นคดีพิเศษ และคดีนี้ดีเอสไอก็ไม่มีอำนาจสอบสวน ไม่ทราบว่าเป็นการรับลูกทางการเมืองมาหรือไม่ และถือว่าไม่ตรงกับพันธกิจในการบังคับใช้กฎหมายด้วยความเป็นธรรม นอกจากนี้รองอธิบดีดีเอสไอ บอกว่าจะเรียกทหารที่ใช้สไนเปอร์มาสอบ แต่ในคดีเกี่ยวกับชายชุดดำในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองกลับไม่มีความคืบหน้า ไม่ทราบว่ากรรมาธิการฯได้สอบถามเรื่องนี้หรือไม่

ด้านนายชวลิต วิชยสุทธิ์ กรรมาธิการฯ ชี้แจงว่า ที่ผ่านมาการเมืองอีกฝ่ายหนึ่งก็ไม่สบายใจกับการทำงานดีเอสไอ เมื่อการเมืองเปลี่ยน การเมืองอีกฝ่ายก็ไม่พอใจเช่นกัน ซึ่งรู้สึกเห็นใจข้าราชการ แต่ในการพิจารณาคณะกรรมาธิการฯก็ได้ปรับลดงบประมาณของดีเอสไอไปแล้ว
 
จากนั้นนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการผู้สงวนคำแปรญัตติ ลุกขึ้นอภิปรายโดยอ่านเอกสารที่อ้างว่าเป็นคำชี้แจงของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ต่อคณะกรรมาธิการฯ ที่ระบุว่า ดีเอสไอถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองของฝ่ายรัฐบาล ทำให้บรรดาส.ส.พรรคเพื่อไทย พากันลุกขึ้นประท้วง อาทิ นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ที่ลุกขึ้นโดยนำเอกสารที่อ้างว่าเป็นเอกสารจากคณะกรรมาธิการฯ มาอ่านโดยระบุว่า นายธาริต ได้ชี้แจงว่า ดีเอสไอถูกใช้เป็นเครื่องมือของฝ่ายรัฐบาลในคดีก่อการร้าย ซึ่งคนฟังจะเข้าใจได้ว่าหมายถึงเป็นเครื่องมือทางการเมืองของรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นนายวัชระ เอาเอกสารมาอ่านไม่หมดถือว่าบิดเบือน และเอาเอกสารออกมาได้อย่างไร จึงอยากให้นายวัชระ ส่งมอบเอกสารให้ประธานและให้ประธานในที่ประชุมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย
โดยระหว่างนั้นนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาคนที่ 1 ในฐานะประธานในที่ประชุม ได้พยายามไกล่เกลี่ย ขอให้นายวัชระ อภิปรายให้จบก่อน แล้วให้ส่งเอกสารมาให้ประธานในภายหลัง แต่ส.ส.พรรคเพื่อไทยไม่ยอม พากันลุกขึ้นประท้วงหลายคน ขณะที่ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ก็ลุกขึ้นประท้วงเช่นกัน โดยเสนอให้ประธานตรวจสอบเอกสารของนายประชา ที่นำมาอ่านในที่ประชุมด้วย ซึ่งการประท้วงดังกล่าวเสียเวลาการประชุมไปถึง 25 นาที ในที่สุดนายเจริญ ได้วินิจฉัยให้นายวัชระ อภิปรายต่อ และเมื่ออภิปรายเสร็จแล้วขอให้ทั้งสองฝ่ายส่งเอกสารให้ประธานคณะกรรมาธิการฯไปพิจารณาว่าเอกสารของฝ่ายไหนเป็นของจริง.

“ขุนค้อน”สั่งรัฐบาลส่งเอกสารงบฯให้ฝ่ายค้าน


เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2556 ในวาระ 2  ก่อนจะเริ่มพิจารณาในมาตรา 10  กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จำนวน 10,516 หมื่นล้านบาท
ปรากฎว่านายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน ได้หารือในที่ประชุมพร้อมทั้งทวงถามเอกสารรายละเอียดงบประมาณ ที่ได้ขอไปตั้งแต่การพิจารณางบประมาณวันแรกคือวันที่ 15 ส.ค. ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับ โดยเอกสารที่ขอไปมี 2  ชุด คือ 1.เอกสารแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในปี 55 จำนวน 1.2 แสนล้านบาท ที่นายกรัฐมนตรีมาขอเงินจากสภาเป็นแค่ตัวเลขไม่มีรายละเอียด  ซึ่งเราจะมาตรวจสอบว่านำเงินไปใช้อะไรบ้าง และ 2. งบกลาง ฉุกเฉินจำเป็นเร่งด่วน 6.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งรัฐบาลบอกว่าใช้ไปแล้ว 3 หมื่นล้าน ก็อยากทราบว่าเอาไปใช้อะไรบ้าง

“วันนี้เราได้เอกสารมาแค่ครึ่งเดียวแต่ไม่ได้มีการบอกว่านำเงินไปใช้อะไรบ้าง ไม่มีการลงลึกไปในรายละเอียด หากรัฐบาลไม่สามารถนำมาแสดงได้  ก็ขอตั้งข้อกล่าวหาว่าเรียกหัวคิว 35% เป็นความจริงทำให้รัฐบาลกลัวไม่กล้าแจกเอกสารและมีเจตนาหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ”นายจุรินทร์ กล่าวย้ำ
ด้านนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กรรมาธิการฯพรรคเพื่อไทย ชี้แจงว่า สำนักงบประมาณได้ส่งเอกสารในภาพรวมของงบน้ำท่วมหมดแล้ว จำนวน 612 ชิ้น คิดเป็นร้อยละ 63 จากทั้งหมด 917 ชิ้น ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยอยู่ที่หน่วยงานต่าง ๆ  จะทยอยส่งให้ต่อไป ส่วนรายละเอียดลึกๆ ได้ส่งให้กมธ.งบประมาณหมดแล้ว ซึ่งอยู่ในกล่องงบประมาณของพวกท่าน โดยขณะนี้หน่วยงานต่างๆ ก็จะทยอยส่งเอกสารมาให้ หากได้เอกสารมาถึงมือตนเมื่อไหร่ จะมอบให้ประธานวิปฝ่ายค้านทันที

ขณะที่ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯ ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมได้พยายามไกล่เกลี่ยโดยขอร้องให้นายวรวัจน์รวบรวมเอกสารดังกล่าวและทยอยมอบให้สมาชิกเพื่อให้การประชุมเดินหน้าต่อไป

ตร.หาดใหญ่ซิวพยาบาล ข้อหาซุกยาบ้า-ยาไอซ์


วันนี้ 18 ส.ค.พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ผกก.สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลาสืบทราบว่า มีผู้ต้องหาที่หลบหนีหมายจับของศาลจังหวัดสงขลา ในข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์และยาบ้า)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยผิดกฎหมาย หลบหนีไปกบดานย่านถนนแสงศรี อ.หาดใหญ่ จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.ภูวดล อาบทิพย์ สว.สส  ร.ต.ท.วิชิต กำเนิดทอง รอง สว.สส. นำกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหา น.ส.พรรณี เส็นทอง อายุ 29 ปี อาชีพนางพยาบาล อยู่บ้านเลขที่ 99 หมู่ 2 ถนนรวมประชา ต.ปริก อ.สะเดา จ.สงขลา ได้ที่โรงพยาบาลมีชื่อแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ

ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ผู้ต้องหาได้เลิกกับแฟนคนที่ 1 และไปได้แฟนคนใหม่ ต่อมาแฟนคนใหม่ได้ถูกเจ้าหน้าที่ปส.จับกุมในคดียาเสพติดเป็นยาบ้า จำนวน 500 เม็ด ต่อมา ผู้ต้องหาได้นำสิ่งของซึ่งเป็นหมอน ผ้าห่ม ไปฝากไว้ที่หน้าบ้านแฟนเก่า ทางแฟนเก่าจึงได้ทำการแกะหมอนออกมาดูปรากฏว่าภายในซุกซ่อนยาบ้าและยาไอซ์ไว้จำนวนหนึ่ง จึงโทรแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาดู และต่อมา ทาง ตำรวจก็รวบรวมพยานหลักฐานและขอหมายจับจากศาลเพื่อจับกุมตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีต่อไป

บทเรียนโจรใต้!พลาดเองเจอระเบิดฉีกร่างเละสุดสยอง


เมื่อวันที่ 17 ส.ค. พ.ต.อ.มานิตย์ ยิ้มซ้าย ผกก.สภ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุระเบิด บริเวณสวนมะพร้าว บ้านคลอง หมู่ 2 ต.ดอน ตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่เกิดเหตุพบหลุมระเบิดขนาดใหญ่ และพบศพชายไทยไม่ทราบชื่อ สภาพถูกแรงระเบิดจนร่างกายแหลกเหลว ชิ้นส่วนอวัยวะตกกระจัดกระจายเกลื่อนทั่วบริเวณ มีเพียงขาสองข้างและส่วนศีรษะที่ยังพอมองเห็นได้ชัดเจน จากการตรวจสอบพบชิ้นส่วนระเบิด ชิ้นส่วนถังแก๊ส วิทยุสื่อสาร แบตเตอร์รี่ เหล็กเส้น และชิ้นส่วนรถ จยย. ตกกระจัดกระจายไปทั่ว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ต่อมา นายมือลี มะเซ็ง อายุ 60 ปี ได้เดินทางมาที่เกิดเหตุพร้อมนำหลักฐานมาแสดงว่าผู้เสียชีวิตคือนายซะการียา มะเซ็ง อายุ 22 ปี บุตรชาย นักเรียนโรงเรียนปอเนาะ ใน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี  โดยนายมือลี เปิดเผยว่า ลูกชายไปเรียนหนังสือและไม่ค่อยได้กลับบ้าน ล่าสุดกลับมาในช่วงก่อนถือศีลอด แล้วก็หายตัวไป  มาทราบอีกครั้งโดยมีเพื่อนของลูกชาย มาบอกว่าลูกชายเสียชีวิตแล้ว จึงมารับศพดังกล่าว ซึ่งไม่รู้ว่าลูกชายอยู่ในกลุ่มแนวร่วมตั้งแต่เมื่อไหร่
 
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายน่าจะเคลื่อนย้ายระเบิด แต่ระหว่างนั้นอาจเกิดความผิดพลาดขึ้นทำให้ระเบิดทำงาน จนถูกแรงระเบิดฉีกร่างเสียชีวิตสยดสยอง
อีกราย วันเดียวกัน พ.ต.อ.ต่วนเดร์ จุฑานันท์ ผกก.สภ.ยะรัง จ.ปัตตานี รับแจ้งคนร้ายลอบยิงฐานทหาร ในหมู่บ้าน  บ้านบือแนกือบง หมู่ 3 ต.ประจัน จึงนำกำลังไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบว่าคนร้ายได้ยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 เข้าใส่ฐานทหาร เบื้องต้นทราบว่ามีทหารได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ขณะนี้ถูกนำตัวส่งรพ.ปัตตานีแล้ว ส่วนสาเหตุคาดเป็นฝีมือโจรใต้สร้างสถานการณ์ต่อเนื่อง

"พิ้งกี้"รับส่งเอสเอ็มเอสกลับหา"พี่เป๊ก"ฝากคนปล่อยคลิปหยุดขำได้แล้ว







เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่ชั้น 8 ห้างสรรพสินค้าเซน ในเซ็นทรัลเวิล์ด ได้จัดงาน “เซน บอดี้ เซนท์ 2012” โดยมีนางเอกสาว “พิ้งกี้-สาวิกา ไชยเดช” มาร่วมงานด้วย ภายในงาน “พิ้งกี้” ถูกกองทัพสื่อมวลชนรุมล้อมสัมภาษณ์กรณีส่งเอสเอ็มเอส ถึง “เป๊ก-ร.ท.สัญชัย เองตระกูล” สามีดาราสาว “ธัญญ่า-ธัญเรศ เองตระกูล” จนเป็นข่าวครึกโครมอยู่ในช่วงนี้ โดยผู้สื่อข่าวได้ถามคำถามแรกว่า ตอนนี้รู้สึกยังไง “พิ้งกี้” กล่าวว่า วันนี้มาร่วมงาน ไม่ได้มาแถลงข่าว เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นตนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับใคร ขอให้จบได้แล้ว

ทั้งนี้ พิ้งกี้ กล่าวยอมรับว่าเอสเอ็มเอสเป็นของตัวเองจริง แต่เป็นเอสเอ็มเอสปกติ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น เจตนาที่ส่งก็ไม่มีอะไร เพราะพี่เป๊กส่งมาหาตนก่อนในโทรศัพท์เบอร์เก่าที่เลิกใช้เป็นปีแล้ว ตนไปเปิดเครื่องเจอข้อความเข้ามาพอดีจึงตอบกลับไปโดยไม่คิดอะไร ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าตอบกลับไป มันเหมือนเอสเอ็มเอสที่ส่งให้เพื่อนๆ ทุกคน ก็ไม่มีความหมายอะไรเป็นพิเศษ ขอยืนยันว่าไม่มีใครอยู่ในสมองนอกจากพ่อแม่และครอบครัว ทุกอย่างที่เกิดขึ้นคือเรื่องคลิป ตนอยู่ของตนดีๆ ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับคลิป ส่วนคุณแม่ก็ต้องเข้าใจท่าน
 
อย่างไรก็ตาม ต้องฝากขอโทษด้วย ถ้าเอสเอ็มเอสของพิ้งกี้ทำให้ใครเข้าใจผิด พิ้งกี้ไม่มีเจตนา รวมทั้งขอโทษที่คุณแม่ไม่ดี แต่คุณแม่ไม่มีเจตนา พูดด้วยความจริงใจและบริสุทธิ์ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมที่จะต้องอัดเสียง หวังอะไรต่างๆ นานา
 
เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะหยุดส่งเอสเอ็มเอสหรือไม่ พิ้งกี้ กล่าวว่า ไม่เคยหยุด ไม่เคยส่ง พี่เป๊กส่งมาก่อน พอเปิดเครื่องเจอก็ตอบกลับไปเป็นภาษาแชท ที่คนแชททุกคนตอบกันเป็นปกติ เป็นแค่มารยาท เราเป็นมนุษย์ความเป็นมิตรมันควรจะส่งกันได้ โดยปกติพิ้งกี้ไม่ได้ใช้เบอร์นี้อยู่แล้ว อีกทั้งพิ้งกี้กับแม่ต้องทำงานทั้ง 7 วัน คงไม่มีเวลามานั่งส่งเอสเอ็มเอสถึงใครๆ และยืนยันว่าพิ้งกี้มีแต่พ่อแม่และครอบครัวอยู่ในสมอง เรื่องนี้ขอให้จบได้แล้ว ขอร้องไม่ต้องมาถามอีก ไม่ต้องกังวลรับประกันว่าจะไม่ทำให้พี่ๆ นักข่าว หรือใครๆ เดือดร้อนต้องเครียดอีก แต่ฝากขอร้องถึงคนที่ปล่อยคลิปที่สนุกได้หัวเราะกันแล้วกลับไปทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับสังคมบ้างดีกว่า

เด็กแว้นขาโจ๋เหิมหนักปิดถนนพหลโยธินประลองความเร็ว








เด็กแว้นขาโจ๋เหิมหนักปิดถนนพหลโยธินขาเข้า-ขาออก ประลองความเร็วช่องทางด่วนนานกว่า20นาที
เมื่อเวลา 02.30 น. วันนี้  18 สิงหาคม 2555 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนำเสนอข่าวแก๊งเด็กแว้น ที่รวมตัวประลองความเร็วกันที่หน้าตลาดรังสิตทั้งขาเข้าและขาออก  เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา โดยกลุ่มเด็กแว้นรวมตัวกันกว่า 300 -400 คัน ในพื้นที่ของ สภ.ประตูน้ำจุฬาลวกรณ์ , สภ.ปากคลองรังสิต และสภ.คูคต โดยกลุ่มเด็กแว้น ต่างขับขี่ จยย.ติดแผ่นป้ายบ้างและไม่ติดแผ่นป้ายบ้าง มารวมตัวกันที่หน้าปั๊มน้ำมันเอซโซ่ เขตรับผิดชอบ ของ สภ.ประตูน้ำจุฬาลวกรณ์  ช่วงถนนพหลโยธินขาเข้า กทม. และเขตพื้นที่ของ สภ.คูคต มีรถจยย. กว่า 300 -400 คัน  ทำให้กลุ่มเด็กแว้น เหิมหนักต่างพากันปิดถนนพหลโยธินขาเข้า กทม. เพื่อที่จะประลองความเร็วกัน ในช่องทางด่วนนานกว่า 20นาทีทำให้ชาวบ้านที่ใช้รถใช้ถนนจากรังสิตมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ ต้องหยุดชะงักทันที่ และจอดเหมือนรถติดไฟแดง หลังจากกลุ่มเด็กแว้น นำรถจยย.มาจอดขวางทาง ทั้งสามช่องทาง นอกจากนี้ยังมีกองเชียร์นำรถจยย. มาเป็นช่องทางให้ ในการแข่งความเร็ว และเสียงดังลั่นถนน โดยไม่กลัวเกรงกฎหมายแต่อย่างใด และหลังจากนั้นกลุ่มเด็กแว้น 300 -400 คัน ก็ขับมุ่งหน้าไปยังจุดกลับรถที่หน้าแยกฐานทับอากาศ แล้วกลับมายังพื้นที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ผ่านตลาดรังสิต โดยกลุ่มเด็กแว้น เหล่านี้ ยังขับรถป่วนเมือง มุ่งหน้าเข้าพื้นที่ สภ.ปากคลองรังสิต และสภ.สวนพริกไทย ฝั่งอำเภอเมืองปทุมธานี จากนั้นก็วนกลับไปแข่งขันต่อที่ถนนสายรังสิตนครนายก
 

แหล่งข่าวยังแจ้งมาว่ากลุ่มเด็กแว้นจะมีวิทยุสื่อสารไวคอยดักฟังข่ายตำรวจทุกโรงพัก  นอกจากนี้ยังมีรถกระบะและรถเก๋ง ที่เป็นคันที่สำรวจเส้นทาง และกลุ่มวัยโจ๋ก็จะนำรถจยย.ที่แต่งซิ่ง และดัดแปลงตัวรถ รวบทั้งใส่ล้อเล็กๆมาประลองความเร็วกัน เวลาประมาณ 24.00 น.ไปจนถึง 03.00 น. ของทุกๆคืนวันหยุด ศุกร์,เสาร์ และวันอาทิตย์ โดยในวันนี้จะเป็นรุ่นเล็ก ส่วนในวันพรุ่งนี้จะมีการแข่งขันรุ่นใหญ่ และมีการปิดถนนกันอีก.

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More

 
Design Downloaded from Free Blogger Templates Download | free website templates downloads | Vector Graphics | Web Design Resources Download.