ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ 083-792-5426

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามตำแหง บางกะปิ 083-792-5426

วันพุธที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556

โสมแดงกร้าวขู่ชิงถล่มสหรัฐด้วยนิวเคลียร์ก่อน


สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานเมื่อวันที่ 7 มีนาคมว่า เกาหลีเหนือขู่ชิงใช้อาวุธนิวเคลียร์โจมตีสหรัฐ หรือผู้รุกรานอื่น ๆ ก่อน เมื่อวันพฤหัสบดี ขณะที่ คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ เตรียมลงมติรับรองมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อเกาหลีเหนือ โฆษกกระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือคนหนึ่งเตือนด้วยว่า สงครามเกาหลีรอบ 2 “ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้” กับทั้งสหรัฐและเกาหลีใต้ ซึ่งปฏิเสธข้อเรียกร้องของเปียงยางที่ให้ยกเลิกการซ้อมรบร่วมขนานใหญ่ในสัปดาห์หน้า

ด้านสำนักข่าวกลางเกาหลี หรือเคซีเอ็นเอ รายงานอ้างแถลงการณ์ของโฆษกคนดังกล่าว ที่ระบุว่า ขณะนี้ สหรัฐเริ่มจุดกระแสสงครามนิวเคลียร์ กองทัพเกาหลีเหนือจะซ้อมรบเพื่อเตรียมความพร้อมในการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ก่อน เพื่อทำลายฐานที่มั่นของผู้รุกราน

ในอดีตที่ผ่านมา เกาหลีเหนือเคยขู่โจมตีกองทัพสหรัฐในเกาหลีใต้ และอ้างด้วยว่า มีขีปนาวุธพิสัยไกลที่สามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ยิงถล่มได้ถึงดินแดนของสหรัฐ โดยคำขู่ล่าสุดมีขึ้นเมื่อ 2 วันก่อน หลังจากกองทัพเกาหลีเหนือ ประกาศจะฉีกข้อตกลงสงบศึกปี 2496 ที่ทำร่วมกับเกาหลีใต้เพื่อยุติสงครามบนคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งในทางทฤษฎีแล้ว ถือเป็นการเคลื่อนไหวอย่างหนึ่งที่จะปูทางไปสู่การกลับมาเป็นปรปักษ์กันอีกครั้ง

อุณหภูมิความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี ขยายวงกว้างอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ก่อนที่คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น จะลงมติคว่ำบาตรโสมแดง และการซ้อมรบร่วมประจำปีระหว่างกองทัพสหรัฐและเกาหลีใต้ ซึ่งมีกำหนดจะเริ่มขึ้นในวันจันทร์นี้

ตะลึงพบซากหมู1,200ตัวลอยตามแม่น้ำในเซี่ยงไฮ้




ชาวนครเซี่ยงไฮ้ ของจีน ต่างตกอยู่ในอาการหวาดระแวงและวิตกกังวลอย่างหนัก หลังมีการพบซากสุกรกว่า 1,200 ตัว ลอยมาตามแม่น้ำสายสำคัญของเมือง
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากนครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ว่า ทางการจีนพบซากสุกรกว่า 1,200 ตัว ลอยอยู่ในแม่น้ำสายหลักของนครเซี่ยงไฮ้ สร้างความหวาดกลัวให้แก่ประชาชนในพื้นที่ทันทีว่า น้ำดื่มที่กำลังใช้อุปโภคและบริโภคอาจเจือปนไปด้วยเชื้อโรค หรือสารพิษร้ายแรง
หนังสือพิมพ์ “ไชน่า เดลี่” รายงานโดยอ้างข้อมูลจากสำนักงานเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ ว่าเจ้าหน้าที่เขต ซ่งเจียง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของนครเซี่ยงไฮ้ สามารถกู้ซากสุกรได้แล้วกว่า 1,200 ตัว ซึ่งถูกกระแสน้ำซัดลอยมาขึ้นอืดรวมกันอยู่บริเวณปากแม่น้ำ หวงผู่ แม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านกลางเมือง ทั้งนี้ ซากของสุกรที่พบนั้นมีทั้งลูกสุกรและสุกรโตเต็มวัยปะปนกันไป
แม้จะยังไม่มีรายงานใดสามารถระบุได้แน่ชัดว่า ซากสุกรจำนวนมากเหล่านี้ลอยตามน้ำมาจากสถานที่แห่งใด เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่พบป้ายร้อยที่ใบหู หรือรหัสตามตัวของสุกรที่พอจะเป็นหลักฐาน ช่วยให้เจ้าหน้าที่สืบแกะรอยหาเจ้าของสุกรได้ แต่เบื้องต้นมีการสันนิษฐานว่า สุกรเหล่านี้อาจลอยตามน้ำมาจากมณฑลเจ้อเจียง ซึ่งมีข่าวว่า เกษตรกรในพื้นที่พากันนำซากสุกรเหล่านี้ ซึ่งเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัส เซอร์โค ( พีซีวีดี ) มาโยนทิ้ง บวกกับมีรายงานการพบซากสุกรจำนวนหนึ่งที่มณฑลเจ้อเจียง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความวิตกกังวลและหวาดระแวงให้แก่ชาวนครเซี่ยงไฮ้ทันที ซึ่งพากันออกมาเรียกร้องให้ทางการออกมารับผิดชอบ ด้วยการตรวจสอบคุณภาพน้ำโดยด่วน ขณะที่ผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำโดยหน่วยงานด้านสาธารณสุขของนครเซี่ยงไฮ้ระบุว่า คุณภาพน้ำในพื้นที่ยังเป็น “ปกติ”

จำคุกอดีตรัฐมนตรีพลังงานอังกฤษ


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ว่า นายคริส ฮูน วัย 58 ปี อดีตรัฐมนตรีพลังงานอังกฤษ ให้การรับสารภาพต่อศาลเมื่อเดือนที่แล้วว่า กระทำผิดจริงข้อหากระทำการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม ด้วยการให้นางวิคกี้ ไพรซ์ วัย 60 ปี อดีตภรรยา ซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์ ถูกลงโทษด้วยการตัดแต้มความประพฤติในการขับขี่รถยนต์ เพราะขับรถยนต์เร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เหตุเกิดเมื่อปี 2546  ทั้งนี้ก็เพื่อที่ตัวเขาจะได้ไม่ถูกลงโทษห้ามขับขี่รถยนต์
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ นายคริส ฮูน ได้ปฏิเสธมาโดยตลอดในเรื่องนี้ จนกระทั่งตัดสินลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเสรีประชาธิปไตย ในวันเดียวกับที่เขารับสารภาพผิด ขณะที่อดีตภรรยาของเขาอ้างว่า ถูกบังคับให้ทำเช่นนั้น แต่เธอก็รับสารภาพผิด ซึ่งศาลก็ได้ตัดสินจำคุกทั้งคู่เป็นเวลา 8 เดือน
นายคริส ฮูน เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน เมื่อเดือนพ.ค. 2553- ก.พ.2555 สมัยรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน แต่เขากับภรรยาได้แยกทางกัน หลังจากแต่งงานอยู่กินกันมา 25 ปี เพราะนายคริส ฮูน แอบไปมีความสัมพันธ์กับที่ปรึกษาฝ่ายประชาสัมพันธ์ของเขา แต่คดีนี้ ก็ถือว่าสั่นคลอนอนาคตทางการเมืองของเขาเอง

ร้องปวีณาเด็กอนุบาลถูกรุ่นพี่รุมทำร้ายปางตาย







ญาติร้องปวีณา เด็กอนุบาลเมืองสุพรรณฯ ถูกนักเรียนหัวโจก ม.1 ล็อกคอให้เด็กป.1 ต่อยแขนหักช้ำในปางตาย
วันนี้ (12 มี.ค.) นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เดินทางเข้าเยี่ยมอาการของ ด.ช.นนท์ (นามสมมุติ) อายุ 5 ปี นักเรียนชั้นอนุบาล 1 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ที่พักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู กุมารเวชกรรม รพ.จุฬาฯ หลังจากเมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา ผู้เป็นย่าของน้องนนท์ ได้เข้าร้องเรียนกับมูลนิธิปวีณาฯ ว่าหลานชายถูกเด็กนักเรียนรุ่นพี่ที่โรงเรียนเดียวกันรุมทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส แขนหัก บอบช้ำภายใน จนติดเชื้อในกระแสเลือด ต้องเข้ารักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู ของรพ.เจ้าพระยายมราช อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี แต่อาการโคม่ายังไม่ดีขึ้นญาติจึงนำตัวส่งมารักษาต่อที่ รพ.จุฬาฯ โดยมี น.ส.นิด (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี ผู้เป็นแม่ เฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด
ย่าของน้องนนท์ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่น้องนนท์เดินทางกลับจากโรงเรียน ก็เดินมาบอกว่ารู้สึกปวดแขนมาก สงสัยแขนจะหัก แต่ญาติๆคิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไรมาก คงจะเป็นเรื่องซุกซนของเด็กมากกว่า แต่พอน้องนนท์เข้านอนในช่วงค่ำ กลับมีอาการตัวร้อน มีไข้สูง และที่แขนซ้ายเกิดมีอาการบวมเป็นอย่างมาก นอนทุรนทุราย ในช่วงเช้าจึงรีบนำตัวส่งอนามัยโพธิพยา แพทย์สันนิษฐานว่า แขนน่าจะหักจึงแนะนำให้นำตัวส่งไปรักษาต่อที่รพ.เจ้าพระยายมราช ซึ่งแพทย์เอกซเรย์พบว่ากระดูกแขนซ้ายแตก จึงทำการเข้าเฝือกและให้ยากลับมาทานที่บ้าน
ผู้เป็นย่า กล่าวต่อว่า กระทั่งวันที่ 9 มี.ค. ขณะที่น้องนนท์นอนหลับพักผ่อนอยู่ก็เกิดมีไข้สูง นอนหวาดผวาจนเพ้อออกมาว่า “อย่าทำหนู หนูกลัวแล้ว” และมีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก จึงรีบนำตัวส่งรพ.เจ้าพระยายมราชอีกครั้ง เมื่อแพทย์ได้ทำการตรวจอย่างละเอียดก็พบว่า มีอาการช้ำใน ต้องทำการเจาะช่องท้องเพื่อเอาเลือดและหนองออก และต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ในห้องไอซียู จนล่าสุดพบว่าติดเชื้อในกระแสเลือดลามไปถึงลิ้นหัวใจอีกด้วย
ย่าน้องนนท์ กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นทางญาติได้ไปสอบถามที่โรงเรียนของน้องนนท์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันที่ 1 มี.ค. ก็พอจะจับใจความได้ว่า ช่วงพักเที่ยงของวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่เด็กๆกำลังเล่นกันอยู่ที่สนามเด็กเล่นของศูนย์เด็กเล็ก ข้างเสาธง ได้มีเด็กนักเรียนชั้นป.1คนหนึ่งเดินมาตบศีรษะน้องนนท์จนเกิดการโต้เถียงกันขึ้น จากนั้นก็มีเด็กนักเรียนชั้น ม.1 คนหนึ่งซึ่งเป็นหัวโจกในโรงเรียนและมีศักดิ์เป็นอาของนักเรียนชั้น ป.1 เข้ามาตบหัวน้องนนท์ ก็เข้ามายุเพิ่มเติมว่า จะตบหัวทำไม ต่อยเลยดีกว่า หลังจากนั้นเด็กนักเรียนชั้นม. 1 คนดังกล่าวก็เข้ามาล็อกคอน้องนนท์ แล้วให้เด็กป.1 ต่อยแบบไม่ยั้งจนน้องนนท์ล้มลงสู้ไม่ไหวจึงยอมแยกออกไป
ด้าน น.ส.นิด (นามสมมุติ) ผู้เป็นแม่ กล่าวว่า หลังเกิดเรื่องทางญาติจึงสอบถามไปยังโรงเรียนเพื่อขอให้ช่วยทำความจริงให้ปรากฏด้วย เพราะไม่ทราบว่าทำไมเด็กตัวเล็กแค่นี้ถึงมีเรื่องมีราวจนบาดเจ็บปางตาย ซึ่งภายหลังทางโรงเรียนได้เรียกเด็กนักเรียนชั้น ป.1  กับเด็กนักเรียนชั้น ม.1 ที่ร่วมทำร้ายลูกตนมาสอบถามข้อเท็จจริง ซึ่งปรากฏว่า เด็กทั้งสองคนก็ได้ยอมรับว่าลงมือทำจริง แต่ทางโรงเรียนกลับไม่มีการจัดการอะไรเลย พอไปแจ้งความที่สภ.เมืองสุพรรณบุรี ตอนแรกทางตำรวจก็ไม่รับแจ้งความ บอกให้ไปเคลียร์กันก่อน ผู้เป็นย่าของน้องนนท์ จึงเดินทางเข้าร้องเรียนกับนางปวีณา เพื่อช่วยเหลือให้ความเป็นธรรม พร้อมทั้งประสานให้พาน้องนนท์ย้ายมารักษาตัวต่อที่รพ.จุฬาฯดังกล่าว
ขณะที่ นางปวีณา กล่าวว่า หลังรับเรื่องก็รีบประสานไปยังผกก.สภ.เมืองสุพรรณบุรี เพื่อดำเนินการรับแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ทันที โดยหลังจากนี้จะประสานไปยังกระทรวงศึกษาธิการให้เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นภายในโรงเรียน เพราะว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ทางโรงเรียนน่าจะรีบแจ้งให้ทางผู้ปกครองทราบ ไม่ใช่ปล่อยเลยตามเลยแบบนี้ ส่วนน้องนนท์นั้นมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือด ถือว่าอาการหนักมาก จึงประสานให้นำตัวส่งมารักษาต่อที่รพ.จุฬาฯ

ทายาทไก่ย่างไม้มะดันชื่อดังของศรีสะเกษซิ่งรถคว่ำดับ









ที่นั่งคนขับพบศพนายเชิดพงศ์ หรือเสี่ยเอ๋ พรคนึง อายุ 35 ปี รองประธานสภาเทศบาลตำบลห้วยทับทัน ทายาทกิจการร้านไก่ย่างไม้มะดันชื่อดังแห่ง อ.ห้วยทับทัน “น้องเอ๋ไก่ย่าง” อยู่บ้านเลขที่ 82 หมู่ 8 บ้านห้วยทับทัน ต.ห้วยทับทัน อ.ห้วยทับทัน จ.ศรีสะเกษ ถูกอัดก๊อบปี้ร่างกายแหลกเหลว เสียชีวิตหลังพวงมาลัย เจ้าหน้าที่ต้องใช้ขวานจามทำลายประตู นานกว่าครึ่งชั่วโมง จึงนำศพออกมาได้

จากการตรวจสถานที่เกิดเหตุอย่างละเอียด พบขวดวิสกี้ต่างประเทศยี่ห้อดัง และขวดโซดาตกอยู่ห่างจากซากรถประมาณ 3 เมตร มีรอยรถตกถนนเป็นทางยาวหลายร้อยเมตร เบื้องต้นสันนิษฐานว่า ผู้ตายมาเพียงลำพัง มุ่งหน้าเข้าสู่ อ.อุทุมพรพิสัย เมื่อถึงที่เกิดเหตุอาจเกิดจากยางรถระเบิด หรือไม่ก็รถเสียหลักเนื่องจากฝนตกถนนลื่น ทำให้พุ่งลงข้างทางชนกับคันดิน จนรถตีลังกาพลิกคว่ำไปฟาดเอาเสารั้ว หลังคาจึงยุบอัดก๊อบปี้คนขับเสียชีวิตคาพวงมาลัย
นายสุรเดช กล่าวว่า ตนขับรถมาประสบเหตุพอดี ผู้ตายเป็นทายาทร้านไก่ย่างไม้มะดันชื่อดังของ อ.ห้วยทับทัน มีกิจการขยายหลายสาขา เป็นนักการเมืองท้องถิ่น หนุ่มรุ่นใหม่อนาคตไกลไฟแรง มีตำแหน่งเป็นรองประธานสภา และมีบทบาทสำคัญในกิจกรรมต่างๆ ของเทศบาล ต.ห้วยทับทัน เพิ่งเข้ารับพระราชทานปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อวันที่ 4 มี.ค. อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นสร้างความเศร้าสลดเสียใจ ให้กับชาวอำเภอห้วยทับทันเป็นอย่างมาก ที่สูญเสียบุคคลสำคัญทางการเมืองท้องถิ่น
อย่างไรก็ดี ตำรวจได้มอบหมายให้อาสาสมัครกู้ภัย นำศพส่งตรวจชันสูตรอย่างละเอียดที่ รพ.อุทุมพรพิสัย เพื่อหาสาเหตุการตายที่แน่ชัดอีกครั้ง ก่อนที่จะมอบศพให้ญาติ นำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีทางศาสนาต่อไป.

โผล่อีกชายแต่งหน้าทาปากสีชมพูคล้ายพระเผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก


วันนี้ (13 มี.ค.) นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า  ตนได้รับแจ้งมาว่ามีภาพชายที่แต่งกายลักษณะคล้ายพระสงฆ์หรือสามเณร สวมหมวกไหมพรม แต่งหน้าทาปากสีชมพู เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก โดยมีเพื่อนชื่อ พระมหาอดุลย์ ญาณธัช วุฑฒิโก เข้ามาโพสต์ข้อความว่า “สวยมากครับ และเพื่อนอีกคนโพสต์ว่า “เริ่ดค่า ” โดยชายที่แต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ที่เป็นเจ้าของภาพได้โพสต์ข้อความตอบกลับไปว่า “เป็นไงสวยมั้ย” เพื่อนตอบกลับมาว่า “สวยมากกกค่า” สุดท้ายพระสงฆ์ที่เป็นเจ้าของภาพได้โพสต์ข้อความตอบกลับว่า “ขอบคุณค่ะ” โดยภาพและบทสนทนาดังกล่าวได้โพสต์ต่อๆกันมาเป็นจำนวนมาก
นายนพรัตน์ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นต้องขอตรวจสอบภาพดังกล่าวก่อนว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริงหรือไม่ และตัวบุคคลที่ปรากฏเป็นใคร เป็นฆราวาส หรือเป็นพระสงฆ์ หากเป็นพระสงฆ์เป็นผู้โพสต์รูปและข้อความจริงอย่างนี้ถือว่ามีความผิด ทาง พศ. มีอำนาจสั่งการตรวจสอบได้โดยเริ่มจากเว็บไซต์ต่างๆ หรือประสานไปยังเจ้าคณะผู้ปกครองทั่วประเทศให้ตรวจสอบอีกทาง
ผอ.พศ. กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ พศ.ได้สรุปเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับพระภิกษุสามเณรที่มีอาจารไม่สมควรแก่สมณวิสัย ในรอบปีงบประมาณ 2555 ตั้งแต่เดือนตุลาคม –กันยายน 2555 พบว่า บิณฑบาตขาดความสำรวม มีร้องเรียนเข้ามา 227 รูป,เข้าร่วมงานโดยไม่ได้รับนิมนต์ เร่ร่อนไม่สังกัด 7 รูป,ปักกลดตามย่านชุมชน พักค้างแรมตามบ้าน ดื่มสุรา 19 รูป,เรี่ยไรโดยไม่ได้รับอนุญาต 51 รูป,ปลอมบวช 18 รูป ซึ่งรวมสถิติพระสงฆ์สามเณรที่มีอาจารไม่สมควรแก่สมณวิสัย 322 รูป
“สำหรับมาตรการการแก้ไขปัญหาพระภิกษุสามเณรที่มีอาจาร (อา-จา-ระ) ไม่สมควร นั้น  พศ.และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด(พศจ.) ได้ถวายคำแนะนำ 86 รูป,เจ้าคณะผู้ปกครองภาคทัณฑ์และสั่งให้กลับสังกัด 112 รูป,เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ให้ลาสิกขา 106 รูป,ส่งตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย กรณีปลอมบวชและเข้าเมืองผิดกฎหมาย 18 รูป สำหรับสังกัดพระภิกษุสามเณรที่มีอาจารไม่สมควร พบว่า ในเขตกรุงเทพมหานคร 74 รูป สังกัดวัดในส่วนภูมิภาค 230 รูป สังกัดวัดในต่างประเทศ 18 รูป อย่างไรก็ตาม กำลังผลักดันร่างพ.ร.บ.อุปถัมภ์คุ้มครองพระพุทธศาสนา ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา เพื่อขับเคลื่อนการดูแลคุ้มครองพระพุทธศาสนาให้เข้มข้นยิ่งขึ้น และจะมีโทษทางอาญากับพระภิกษุ สามเณร ที่กระทำความผิดเพิ่มขึ้นด้วย ก็จะทำให้เกิดระบบการดูแลพระพุทธศาสนาเพิ่มมากยิ่งขึ้นกว่านี้” ผอ.พศ.กล่าว.

บุกจับลูกส.อบต.เปิดบ้านค้ายา










ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านเอเย่นต์ยาเสพติด รวบผู้ต้องหา 5 คน พร้อมของกลางจำนวนมาก พบเป็นลูกชาย ลูกสะใภ้ และญาติ สมาชิก อบต. เจ้าของบ้าน สารภาพติดยาเสพติด จนพ่อตัดขาด เพราะเตือนเท่าไรก็ไม่ฟัง เลยทิ้งให้อยู่กันตามลำพัง
วันนี้ (13 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติด สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอหาดใหญ่ นำหมายค้นเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 163/99 ย่านชุมชนตลาดสด เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งเป็นบ้านของ นายมุหันหมัด  มันโหด สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลคลองอู่ตะเภา อ.หาดใหญ่ หลังจากสืบทราบว่า เป็นหนึ่งในแหล่งค้ายาเสพติดรายใหญ่กลางเมืองหาดใหญ่

โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งหญิงและชายได้ทั้งหมด 5 คน ในจำนวนนี้มี นายวันมูสา มันโหด อายุ 32 ปี และนายดาวูด มันโหด อายุ 30 ปี สองพี่น้อง ซึ่งเป็นลูกชายของ นายมุหันหมัด ส่วนที่เหลือเป็นลูกสะใภ้ และญาติ พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 1,000 เม็ด ยาไอซ์ และกัญชา พร้อมอุปกรณ์การเสพครบชุด รวมทั้งอาวุธปืน 9 มม. 1 กระบอก และ เครื่องกระสุน วิทยุสื่อสาร ซึ่งเปิดคลื่นช่องสัญญาณความถี่ 700 ของ สภ.หาดใหญ่ เพื่อดักฟังความเคลื่อนไหวของตำรวจ จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางไปสอบสวนขยายผลที่ สภ.หาดใหญ่

สอบสวน นายวันมูสา ให้การว่า แม้บ้านหลังดังกล่าวจะเป็นของนายมุหันหมัด ซึ่งเป็นพ่อ มีตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลคลองอู่ตะเภา แต่ก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด โดยได้แยกตัวออกไปอยู่ที่อื่น เนื่องจากที่ผ่านมาได้พยายามเตือน และทำทุกวิถีทางให้พวกตนเลิกยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แต่พวกตนไม่สามารถเลิกได้ จึงถูกตัดขาด ให้อยู่กันตามลำพัง กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่จับกุมในที่สุด

สำหรับบ้านหลังดังกล่าวเป็นหนึ่งใน 6 พื้นที่เป้าหมายใน อ.หาดใหญ่ ที่ตำรวจและฝ่ายปกครองได้เข้าตรวจค้น เพื่อจับกุมยาเสพติด อาชญากรรม และป้องกันเหตุเกี่ยวกับความมั่นคง.

รวบ“แก๊ง 7 ปีศาจ” ปล้นทรัพย์นิสิตจุฬาฯ






รวบ“แก๊ง 7 ปีศาจ” ปล้นทรัพย์นิสิตจุฬาฯ สารภาพก่อเหตุโชกโชนกว่า 60 ครั้ง
เมื่อเวลา 11.30 น. วันนี้ ( 13 มี.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พร้อมด้วยพล.ต.ต.มานิต วงศ์สมบูรณ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.วัลลภ ประทุมเมือง ผบก.น.6 พ.ต.อ.ฤชากร จรเจวุฒิ รองผบก.น.6 พ.ต.ท.พนม เชื้อทอง รองผกก.สส.สน.ปทุมวัน พ.ต.ท.สัญชัย มาตรคำจันทร์ สว.สส.สน.ปทุมวัน และร.ต.อ.เพิ่มวุฒิ ประทุมราช สว.สส.สน.ยานนาวา ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมตัวนายปฏิพล หรือตี๋ ผดุงกิจโกศล อายุ 18 ปี และนายนัฐพงษ์ หรือต๊ะ นุชัยภูมิ อายุ 18 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุปล้นทรัพย์นิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมของกลางรถจยย.ฮอนด้า เวฟ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน  1 คัน รถจยย.ยามาฮ่า มีโอ สีแดง  ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 คัน และรถจยย.ฮอนด้า เวฟ 110 สีแดงขาว หมายเลขทะเบียน องป 350 กรุงเทพมหานคร และอุปกรณ์ที่ใช้ในการงัดแงะอีกหลายรายการ โดยจับกุมตัวทั้งสองคนได้ที่ซอยเจริญกรุง 107 แขวงบางโคล่ เขตบางคอมแหลม โดยมีรศ.ดร.บัญชา ชลาภิรมย์ ผอ.ศูนย์รักษาความปลอดภัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายกุลชาติ อุทัยวิชากุล อายุ 21 ปี นิสิตชั้นปีที่ 3 คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และนิสิตคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ มาร่วมแถลงข่าวและชี้ตัวผู้ต้องหาด้วย
พล.ต.ต.วัลลภ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 4 มี.ค. ได้เกิดเหตุคนร้ายปล้นทรัพย์และทำร้ายร่างกายนิสิตของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอย่างโหดเหี้ยม จนมีการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กของสถาบันเพื่อเตือนให้นิสิตอื่นๆ และประชาชนระมัดระวังตัว ซึ่งหลังเกิดเหตุฝ่ายสืบสวนบก.น.6 ได้ร่วมกันสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายและประชาสัมพันธ์หมายเลขทะเบียนรถจยย.ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุผ่านทางระบบไลน์ ไปยังพื้นที่บก.น.1-9 เพื่อให้ช่วยแจ้งเบาะแสหากพบรถจยย.คันดังกล่าว กระทั่งฝ่ายสืบสวนสน.วัดพระยาไกร ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายปฏิพล นายนัฐพงษ์ นายมีน(นามสมมุติ) อายุ 16 ปี และนายปาย(นามสมมุติ)อายุ 17 ปี ซึ่งทั้งหมดขี่รถจยย.อยู่ในพื้นที่สน.วัดพระยาไกรด้วยท่าทางพิรุธ เมื่อเรียกตรวจค้นและตรวจสอบทะเบียนรถจยย.พบว่าเป็นรถที่ลักมาจากพื้นที่ จ.นนทบุรีและสน.ยานนาวา จึงนำตัวนายมีน และนายปาย ส่งดำเนินคดีที่สภ.นนทบุรี และนำตัวนายปฏิพลและนายนัฐพงษ์ ส่งดำเนินคดีที่สน.ยานนาวา
พล.ต.ต.วัลลภ กล่าวอีกว่า ฝ่ายสืบสวนสน.ยานนาวาได้สอบสวนผู้ต้องหาและขยายผลจนทราบว่าได้ร่วมกับพวกอีกประมาณ 6-7 คน ก่อเหตุปล้นทรัพย์และลักรถจยย.ในพื้นที่ต่างๆมาแล้วไม่ต่ำกว่า 60 ครั้ง ตั้งแต่เดือนธ.ค. 2555 -มี.ค. 2556 โดยเฉพาะพื้นที่สน.ยานนาวา ทำมาแล้วประมาณ 50 ครั้ง ฝ่ายสืบสวนจึงประสานผู้เสียหายที่ถูกลักรถจยย. มาชี้ตัว นอกจากนี้ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ยังรับสารภาพว่าได้ร่วมกับนายมีนก่อเหตุปล้นทรัพย์นิสิตจุฬาฯ ตามที่เป็นข่าวด้วย ฝ่ายสืบสวนสน.ยานนาวา จึงประสานไปที่สน.ปทุมวัน เพื่อขยายผลต่อ ซึ่งนิสิตจุฬาก็ได้ชี้ตัวยืนยันแล้วว่าผู้ต้องหาเป็นคนที่ก่อเหตุจริง เนื่องจากจำหน้าได้ ส่วนรถจยย.ฮอนด้า เวฟ ทะเบียน งรก  41 นครราชสีมา ที่ใช้ก่อเหตุปล้นนิสิตจุฬา เป็นรถที่ลักมาเช่นกัน และได้นำไปขายแล้ว เพราะสื่อนำเสนอข่าวทำให้ผู้ต้องหากลัวว่าจะถูกจับกุม ทั้งนี้คดีดังกล่าวถือว่าเป็นความใส่ใจของตำรวจ เพราะหากไม่จับกุมในคดีลักรถจยย.พร้อมทั้งตรวจสอบอย่างละเอียด ก็อาจจะไม่สามารถขยายผลไปถึงคดีอื่นๆได้ โดยเฉพาะคดีปล้นทรัพย์นิสิตจุฬาฯ ส่วนคดีลักรถจยย.ในพื้นที่สน.วัดพระยาไกร ทางฝ่ายสืบสวนสน.วัดพระยาไกร อยู่ระหว่างการสืบสวนจับกุมตัวผู้ต้องหาเพิ่มเติมต่อไป
ด้านพ.ต.ท.พนม กล่าวว่า แก๊งของผู้ต้องหามีสมาชิกหลักๆ  7 คน ใช้ชื่อแก๊งว่า “แก๊ง 7 ปีศาจ” มีพฤติกรรมโหดเหี้ยม ชิงทรัพย์และทำร้ายเหยื่อ โดยเฉพาะผู้ชาย เนื่องจากนายปฏิพลมีภรรยาที่กำลังตั้งท้อง 6 เดือน จึงไม่เลือกเหยื่อที่เป็นผู้หญิง ทรัพย์สินที่ได้มาก็จะไปขายย่านคลองหลอด นำเงินไปแบ่งกันเที่ยวเตร่ โดยนายนัฐพงษ์ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ที่ร้านอาหารในโรงแรมแห่งหนึ่ง แต่เงินไม่พอใช้ ส่วนนายปฏิพลอ้างว่าเตรียมเงินไว้ซื้อนมให้ลูกกิน นอกจากนี้ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ยังสารภาพด้วยว่าร่วมกันสมาชิกในแก๊งก่อเหตุปล้นทรัพย์ในพื้นที่สน.ปทุมวัน ทั้งหมด 6 คดี เบื้องต้นจึงแจ้งข้อหาปล้นทรัพย์และทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายสาหัส กับนายปฏิพลและนายนัฐพงษ์ สำหรับนายมีน ได้ให้ฝ่ายสืบสวนประสานไปยังสภ.เมืองนนทบุรี อายัดตัวในข้อหาเดียวกันแล้ว และได้ออกหมายจับสมาชิกในแก๊งที่ร่วมกันก่อเหตุในพื้นที่ปทุมวันอีก 2 ราย ทั้งนี้จากแนวทางการสืบสวนพบว่าน่าจะมีผู้ร่วมก่อเหตุมากกว่า 7 ราย โดยแยกกันทำในพื้นที่ต่างๆ ทุกครั้งที่ก่อเหตุไม่ได้ไปด้วยกันทั้งหมด ต่างกรรมต่างวาระกัน ซึ่งฝ่ายสืบสวนจะเร่งติดตามจับกุมตัวให้ได้ทั้งหมดโดยเร็ว หากผู้เสียหายรายใดพบว่าเคยถูกผู้ต้องหากลุ่มนี้ก่อเหตุ ให้มาชี้ตัวเพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติมได้ตลอดเวลา
ขณะที่นายกุลชาติ นิสิตจุฬาฯ เหยื่อที่ถูกก่อเหตุ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้ยืนรอรถเมล์เพื่อกลับบ้าน ระหว่างนั้นได้ถือโทรศัพท์มือถืออยู่ด้วย หลังจากที่เหลือตนยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์เพียงคนเดียว กลุ่มผู้ต้องหา 3 คน ได้ขี่รถจยย.ย้อนศรมาจอดที่หน้าตน และบอกว่า “ เอามือถือมา ” ตนจึงรีบเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง ทำให้คนร้ายทั้ง 3 คน วิ่งเข้ามาล๊อกคอ และรุมทำร้ายร่างกายจนลงไปนอนกองกับพื้น ใช้เวลาประมาณ 2 นาที ตนพยายามตะโกนเรียกรปภ.และคนอื่นๆให้ช่วยเหลือแล้ว แต่คงไม่มีใครได้ยิน ก่อนที่ทั้งหมดจะหลบหนีไป กระทั่งมีอาจารย์จากคณะศิลปกรรมผ่านมาเห็นและพาไปส่งที่รพ.จุฬา อย่างไรก็ตามตนอยากฝากไปถึงนิสิตจุฬาฯทุกคน รวมถึงประชาชน ให้ระมัดระวัง อย่านำทรัพย์สินขึ้นมาถือขณะที่ยืนอยู่คนเดียว และอยากฝากถึงกทม.ให้ช่วยเอาป้ายโฆษณา บริเวณป้ายรถเมล์ออก เนื่องจากบดบังแสงสว่างที่จะส่องมาถึง และบังจุดที่รปภ.รวมถึงนิสิตที่อยู่คณะนิเทศศาสตร์ จะเห็นเหตุการณ์ได้ หากไม่มีป้ายดังกล่าวบังอยู่ วันนั้นอาจจะมีคนมาช่วยทันก็ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รศ.ดร.บัญชา  ผอ.ศูนย์รักษาความปลอดภัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายกุลชาติ อุทัยวิชากุล อายุ 21 ปี นิสิตชั้นปีที่ 3 คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ได้มอบกระเช้าดอกไม้ให้กับพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ผบช.น. เพื่อเป็นการขอบคุณที่เร่งรัดคดี และช่วยกันสืบสวน จนติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้.

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More

 
Design Downloaded from Free Blogger Templates Download | free website templates downloads | Vector Graphics | Web Design Resources Download.