ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ 083-792-5426

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามตำแหง บางกะปิ 083-792-5426

วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

“จงเบ ปาร์ค” นับเวลาถอยหลังตบเท้าเข้ากรมฯ “เค-โอทิค” คือความทรงจำที่ดีที่สุด - หนุ่มฮอต หนุ่มฮิพ





ไม่ได้มีการเตรียมใจมาก่อนเลย เมื่อถึงวาระเวลาที่ทั้ง 5 หนุ่มนักร้องขวัญใจวัยรุ่นต่างต้องแยกย้าย พร้อมปิดฉากการเป็นศิลปินหนุ่มบอยแบนด์นาม “เค-โอทิค” อย่างถาวร ซึ่งสาเหตุหลักอันดับต้น ๆ นี้ เป็นเหตุมาจาก “จงเบ ปาร์ค” นักร้องหนุ่มสัญชาติเกาหลี ถึงเวลานับถอยหลังต้องเตรียมตัวตบเท้าเข้ากรมฯ เป็นทหารใหม่รับใช้แผ่นดินเกิดในช่วงเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ พร้อมกับความทรงจำที่ดีที่สุด จากโอกาสการเป็นศิลปิน “เค-โอทิค” ที่ “จงเบ” จะหอบหิ้วติดกลับไปให้คิดถึงและเป็นกำลังใจต่อไป และในวันนี้ “จงเบ” จะมาเปิดใจถึงความรู้สึกที่ผูกพันของหนุ่มชาวเกาหลีหัวใจไทยคนนี้

“เมืองไทย”

จำบรรยากาศที่มาเมืองไทยครั้งแรกได้ไหม?

“ครั้งแรกที่มาตอนนั้นผมอายุประมาณ 15-16 ปีได้ครับ ตอนนั้นมาถึงกรุงเทพฯ ก็ดึก ๆ แล้ว เวลาประมาณ 5 ทุ่มได้ มาครั้งแรกค่อนข้างตื่นเต้น นั่งอยู่บนรถ คนขับรถก็เปิดวิทยุอยู่ ผมเองก็งงเพราะฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องเลย ก็ไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรกัน สลับกับมองออกไปข้างนอกรถ บรรยากาศโดยรอบมืดไปหมด แต่มีแสงไฟเยอะแยะเลย ก็รู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ เพราะเป็นการเดินทางไกลห่างจากบ้านเกิดที่ประเทศเกาหลีเป็นครั้งแรก ด้วยสาเหตุที่ผมเลือกมาเรียนโรงเรียนนานาชาติเมืองไทย เพราะที่นี่มีสถาบันการศึกษาค่อนข้างเยอะ คุณพ่อคุณแม่ผมเองก็อยากให้มาเรียนที่นี่ เพราะเขาก็ดูข้อมูลให้ และระยะทางไม่ห่างจากเกาหลีมากนัก เดินทางแค่ 5 ชั่วโมงเอง”

ก่อนมามองภาพหรือคาดหวังกับเมืองไทยไว้อย่างไร?

“ด้วยความไม่เคยเห็นเมืองไทยมาก่อน ผมเองก็ค่อนข้างที่จะตื่นเต้นมาก ๆ ครับ เคยได้ยินใคร ๆ พูดมานานแล้วว่า...ทะเลที่เมืองไทยมีอยู่เยอะมาก ๆ และแต่ละที่ก็สวยงามมีเสน่ห์ที่แตกต่างกันด้วย จำได้ว่าแรก ๆ ที่มาเมืองไทย ผมแอบไปเที่ยวทะเลเป็นที่แรก ๆ เลย ไปใกล้ ๆ พัทยา ตื่นเต้นมากเดินทางแค่ชั่วโมงก็เห็นทะเลแล้ว ค่อนข้างประทับใจ และผมก็ค่อย ๆ ศึกษาและเรียนรู้ ปรับตัวกับวัฒนธรรมไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ค่อนข้างประทับใจและคิดว่าไม่ผิดหวังที่เดินทางมาที่นี่จริง ๆ ครับ เพราะผมได้อะไรหลาย ๆ อย่าง และเติบโตมาจากที่นี่จริง ๆ”

ตั้งใจมาเรียนหนังสือที่เมืองไทยเป็นอันดับแรก แล้วเริ่มต้นมาเป็นศิลปินได้อย่างไร?

“ผมมาเรียนหนังสือที่เมืองไทย เวลาว่างหลังเลิกเรียน ผมก็มาพักผ่อนเที่ยวเล่นกับเพื่อน ๆ ตามปกติครับ ก็มาเดินเล่นที่สยาม จู่ ๆ ก็มีคนมาแนะนำตัวกับผมและกลุ่มเพื่อน ๆ ว่า...ทำงานฝ่ายแคสติ้ง มาชวนให้ผมไปออดิชั่น ทดสอบการเป็นนักร้องดู ซึ่งตั้งแต่แรกเริ่มเลยผมไม่ได้คิดจริงจังกับการเป็นศิลปินร้องเพลงในทางนี้เลย แต่โดย
พื้นฐานครอบครัวของผม ทางคุณพ่อคุณแม่ก็คอยสนับสนุน และผมก็เป็นคนที่ชอบร้องเพลงอยู่แล้ว และเล่นดนตรีเปียโนเป็นตั้งแต่ 5 ขวบ

ซึ่งผมเองก็เคยไปลองออดิชั่นค่ายเพลงเกาหลี เอ็นเอ็มทาวน์ ที่เขามาเปิดออดิชั่นที่เมืองไทยมาก่อน ซึ่งตอนนั้นติดในรอบ 7 คนสุดท้าย จากคนสมัครกว่าพันคน ซึ่งตอนนั้นผมเองก็ภูมิใจมาก ๆ แล้วที่ทดสอบตัวเองจนมาได้ถึงขนาดนี้ และก็ไม่คิดเหมือนกันหลังผ่านเหตุการณ์นั้นมาแค่ 1 สัปดาห์ ก็ได้รับข่าวดี ในการผ่านการออดิชั่นกับค่ายกามิกาเซ่ จนกลายมาเป็น 1 ใน 5 สมาชิกของวงเค-โอทิค ในที่สุดครับ”

“เค-โอทิค”

ความรู้สึกจากการเป็น “เค-โอทิค” ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา?

“ผมเริ่มต้นมาเป็นศิลปินฝึกหัดกับค่ายกามิกาเซ่ได้ประมาณ 1 ปีกว่า ๆ กว่าทุกอย่างจะลงตัวและมาเป็นศิลปิน “เค-โอทิค” ในที่สุดผ่านการเรียนและฝึกซ้อมเรื่องการเต้นและการร้องเพลงมาอย่างหนัก ผ่านความสนุกสนาน-ท้าทาย-ท้อถอย ฯลฯ มาก็เยอะ แต่หลายๆ ครั้งผมเองก็รู้สึกภูมิใจที่ผมได้มาเป็นนักร้อง มีแฟนเพลงมาให้กำลังใจผมและเพื่อน ๆ ไม่ว่างานไหน ๆ งานเล็ก หรืองานใหญ่ ทุก ๆ เวที ทุกงานต่างมีความสำคัญสำหรับผม ที่สำคัญผมเป็นนักร้องชาวเกาหลีที่ทำงานร้องเพลงในประเทศไทย ผมรู้สึกว่าผมโชคดีมาก ๆ เพราะเท่าที่รู้มาไม่เคยมีชาวเกาหลีคนไหนได้โอกาสดี ๆ อย่างนี้มาก่อน ที่เมืองไทยผมรู้สึกซาบซึ้งในความรักและน้ำใจที่ดี ๆ จากแฟนเพลงทุกคน เพราะผมเองก็ไม่คิดมาก่อนว่า...ผมจะได้รับกำลังใจและการตอบรับที่ดีจากแฟนเพลงคนไทยที่ต่างเชื้อชาติจากผมดีขนาดนี้ เพราะที่ประเทศเกาหลีค่อนข้างอนุรักษนิยม คนเกาหลีจะคอยรักและสนับสนุนศิลปินคนเกาหลีของเขามากกว่าชาวต่างประเทศที่ไปทำงานที่ประเทศของเขา ด้วยเหตุผลหลาย ๆ อย่าง รวมไปถึงเรื่องของภาษาที่สื่อสารไม่เข้าใจ ผมถึงได้บอกไงครับ ว่า...ผมโชคดีจริง ๆ (อมยิ้ม)”

“เค-โอทิค” กำลังเดินทางไปได้ด้วยดีเพราะแฟนเพลงให้การสนับสนุน แต่กลับมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในภารกิจการเกณฑ์ทหาร?

“แม้การเป็นทหารไม่ได้เป็นความฝันของผม แต่มันก็เป็นหน้าที่สำคัญในชีวิตของลูกผู้ชายทุกคนครับ ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้เป็นชาวเกาหลี แต่เป็นคนเชื้อชาติไทย สัญชาติไทยจริง ๆ ผมเป็นผู้ชายก็ต้องได้รับภารกิจนี้ ที่เป็นสิ่งที่เราควรรับผิดชอบอยู่แล้ว โดยการเป็นทหารของผู้ชายเกาหลีจะต้องถูกเรียกหมายเกณฑ์ตั้งแต่อายุประมาณ 19-20 ปีครับ แต่ผมติดภารกิจเรื่องเรียนก็ได้มีการผัดผ่อนมาเรื่อย ๆ ตอนนี้ผมเองก็เรียนจบในระดับปริญญาตรีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็อยากจะทำหน้าที่ที่ค้างคานี้ให้เต็มที่”

“กลับบ้าน”

ความรู้สึกในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างที่กำลังจะกลับประเทศเกาหลีไปรับใช้ชาติแล้ว?

“มันมีหลาย ๆ ความรู้สึกครับ ทั้งตื่นเต้น และทั้งเป็นกังวล เพราะผมเองก็ห่างจากประเทศเกาหลีไปนาน ยังไม่รู้ว่า...จะต้องเจออะไร จะต้องฝึกอะไร ก็คงต้องไปหาข้อมูลเพิ่มเติมจากเพื่อน ๆ ชาวเกาหลีที่เขาเคยเข้ารับเกณฑ์ทหารไปก่อนหน้านี้ แต่เท่าที่คิดไว้ก็คงสนุกดีครับ เพราะการไปทำหน้าที่ทหารในครั้งนี้ ผมมีจุดมุ่งหมาย นอกจากจะไปทำหน้าที่ลูกผู้ชายชาวเกาหลีที่ควรจะทำแล้ว ผมอยากจะไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ อยากจะไปฝึกฝนตัวของผมเองด้วย อยากจะฝึกทำให้ตัวเองมีวินัยมากขึ้น มีจิตใจที่เข้มแข็งพร้อมที่จะเป็นผู้ใหญ่ให้มากขึ้นด้วย โดยผมก็คาดหวังต่อไปถึงการไปฝึกการวิ่งได้ออกกำลังกาย จะได้กลับไปมีกล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้นอีกครั้ง เพราะผมอยากเป็นผู้ชายตัวใหญ่ ๆ ครับ (หัวเราะ) ตอนนี้พยายามทำอยู่”

21 เดือนในการเข้ากรมทหารที่ประเทศเกาหลี สำหรับ “จงเบ” คิดว่านานไปไหม?

“(หัวเราะ) ถามอย่างนี้เลยนะ ก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ ว่า...นานไปหรือเปล่า??? แต่คงจะนาน
แหละ เพราะในความรู้สึกผมเองก็ไม่เคยเป็นทหารมาก่อนคงเป็นบรรยากาศที่ไม่คุ้นเคย และต้องมีการเรียนรู้และปรับตัวอยู่แล้ว เพราะที่ผ่านมาผมเองก็ไม่ได้ถูกฝึกให้เป็นทหารมาก่อน แต่ถ้าให้เปรียบเทียบ 21 เดือน กับการเป็นศิลปิน เค-โอทิค สำหรับผม คงจะเป็นการตอบที่ง่ายกว่านะ เพราะผมรู้สึกว่า...วัน-เวลาสำหรับการได้เป็นศิลปิน เค-โอทิค มันเร็วมาก ๆ เพราะผมเองก็ได้โอกาสได้ทำหลาย ๆ อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน เป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากที่ไหน ผมอยู่เมืองไทยมาตั้งแต่อายุ 15 ตอนนี้อายุ 23 แล้ว รู้สึกวันเวลาผ่านไปเร็วมาก ๆ ด้วยความสุข ความรู้สึกดี ๆ ครับ”

“รับใช้ชาติ”

นับเวลาถอยหลัง ก่อนที่จะเดินทางไปเป็นทหาร “จงเบ”  มีแผนการอะไรบ้าง?

“ผมเองก็อยากใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุดครับ อย่างคอนเสิร์ต “เค-โอทิค เดอะ เมมโมรี่ คอนเสิร์ต” ผมกับเพื่อน ๆ เค-โอทิค ก็พยายามใช้เวลาอยู่ร่วมกันให้มากที่สุดครับ ในคอนเสิร์ตและการทำหน้าที่ศิลปินครั้งสุดท้ายของพวกเราแล้ว ฝึกซ้อมร้องเพลง-ซ้อมเต้น เข้ายิมเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงที่สุด ผมพยายามใช้เวลาในการเป็นศิลปินที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่าที่สุดครับ เพราะอยากให้แฟนเพลงประทับใจและมีความสุขที่สุดกับคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของพวกเรา ถือเป็นคอนเสิร์ตใหญ่สำคัญของพวกเราที่อยากให้เกิดขึ้นและไม่อยากให้เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งใจหาย แต่ก็เป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันที่ผมและเพื่อน ๆ อยากทำให้เต็มที่มากที่สุดครับ”

“แฟนคลับ”

บอกได้ไหมว่า...ประทับใจแฟนเพลงคนไทยมาก-น้อยขนาดไหน?

“มาก ๆ ครับ พวกเขาเป็นกำลังใจที่สำคัญ และให้กับผมมาตลอด คอยเอาใจใส่และรักผม ตั้งแต่ผมยังไม่ได้เป็นศิลปินด้วยซ้ำ ถึงผมกลับไปเกาหลีจริง ๆ ผมไม่มีทางลืมทุกคนที่นี่ได้แน่ ๆ และคงคิดถึงทุก ๆ คนที่นี่นี่แหละ เพราะผมประทับใจประเทศไทยและคนไทยหลาย ๆ อย่าง คนไทยน่ารัก นิสัยดี อัธยาศัยดี เพื่อน ๆ แฟน ๆ เพลงที่นี่ ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น และเป็นคนพิเศษคนหนึ่งของที่นี่ ต้องขอขอบคุณมาก ๆ ครับ หวังว่า...ทุกคนจะไม่ลืมผมนะ (หัวเราะ) เพราะไม่นานหรอก ผมจะต้องกลับมา”
 
หลังจากจบภารกิจการเข้าประจำการเกณฑ์ทหาร คาดหวังหรือมีแผนการไว้อย่างไร?

“ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ ว่า...เสร็จจากการเป็นทหารแล้วผมจะเลือกทำอะไร เพราะเวลาอีกตั้งนาน อีก 21 เดือนเชียว ผมอาจจะเลือกไปเรียนต่อที่ประเทศแถบยุโรปเกี่ยวกับการโรงแรมเลยหรือเปล่า??? เพราะตอนนี้ผมก็เรียนจบแล้ว ตอนฝึกงานโรงแรมเอง ผมก็ได้โอกาสเรียนรู้และทำให้ผมรู้ว่า ผมสนุกและชอบงานด้านนี้มาก ๆ หรืออีกแผนอาจจะกลับมาทำงานในวงการบันเทิง ซึ่งถึงตอนนั้นผมอาจจะไม่ได้กลับมาเป็นนักร้องแล้วก็ได้ เพราะลึก ๆ ความชอบและความฝันของผม ผมสนใจในเรื่องของการเป็นนักแสดงด้วย ก็อยากที่จะตั้งใจลองทำดูสักครั้ง รวมถึงความฝันสำคัญในชีวิต กับการทำธุรกิจโรงแรมริมทะเล ในบรรยากาศธรรมชาติที่สวยงาม ใช้ชีวิตอยู่บนเกาะ อยู่กับน้ำทะเล บรรยากาศดี ๆ ถึงเวลานั้นจริง ๆ เมื่อความฝันของผมเป็นไปได้ ผมก็คงมีความสุขน่าดู (หัวเราะ) แต่ตอนนี้ขอได้แต่ฝันไปก่อนครับ เพราะผมยังมีหน้าที่ ยังต้องรวบรวมเก็บเงินสะสมไว้อีกเยอะครับ กว่าที่ความฝันจะเป็นรูปเป็นร่างได้”

ทิ้งท้ายฝากถึงคอนเสิร์ตครั้งสุดท้าย “เค-โอทิค เดอะ เมมโมรี่ คอนเสิร์ต” อีกครั้ง

“ผมอยากจะเป็นตัวแทนเพื่อน ๆ “เค-โอทิค” ฝากถึงคอนเสิร์ต “เค-โอทิค เดอะ เมมโมรี่ คอนเสิร์ต” ครับ คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งนี้ จะเป็นคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายที่พวกเราเค-โอทิคและแฟนเพลงจะได้ใกล้ชิดกันมากที่สุดกว่าที่เคยมีมา เป็นคอนเสิร์ตพิเศษที่จะรวบรวมทุก ๆ บทเพลงของเค-โอทิค ที่พวกเราจะชวนทุก ๆ คน ในวันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคมนี้ ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ไปร่วมร้องเพลงด้วยกัน ให้เป็นอีกหนึ่งความทรงจำดี ๆ ที่จะทำให้พวกเราได้คิดถึงกันไปอีกนาน ๆ ขอบคุณนะครับ ที่ทุก ๆ คนรักและมีน้ำใจกับพวกเราเสมอมา ไปเจอกันให้ได้นะครับ”

แหม...เรียกว่าใจหายกันมากทีเดียวสำหรับการจากลาของหนุ่มคนนี้ แต่คนเราเกิดมาทุกคนย่อมต้องมีหน้าที่และความรับผิดชอบ และในวันนี้ “จงเบ” ทำหน้าที่เหล่านั้นได้ดีที่สุดแล้ว.

กาญจนา สิทธิเม่ง รายงาน

หนุ่มหล่อแต่งตัวหลากสไตล์ - สตาร์เทรนดี้





นั่งดูแบบเสื้อผ้าสาว ๆ กันมาก็เยอะจน “ก้อยโกะ” เอียนตาลายแล้ว วีคนี้เลยขอไปส่องเสื้อคุณผู้ชายกันบ้าง แหม!ทำให้ชีวิตดูมีสีสันกระชุ่มกระชวยขึ้นเยอะ งานนี้ขอบอกว่าไม่ธรรมดา หนุ่มหล่อหลายคน แต่งตัวหลายสไตล์มาให้ได้ชมกัน เอ้า!ไปดูกันเลยดีกว่าว่าแต่ละหนุ่มแต่งตัวแซบแค่ไหน            

กัน-นภัทร อินทร์ใจเอื้อ              
 
“กันมาในชุดกึ่งทางการ เสื้อด้านในเป็นเสื้อสีดำเรียบ ๆ แต่ด้านนอกเป็นสูทสีเทา-ดำ มีสีเหลืองคาดช่วยเพิ่มความสดใส คาดเข็มขัดหลุยส์วิตตอง ใส่กางเกงยีนเข้ารูปช่วยให้ดูทะมัดทะแมง สวมรองเท้าสีน้ำตาล ดูรวม ๆ แล้วโอเค”

ดัง-พันกร บุณยะจินดา            

“ดังมาในมาดเก๋ ๆ ด้านในใส่เสื้อสีดำธรรมดา สวมแจ๊กเกตหนังสีดำลวด ลายเก๋ สวมกางเกงยีนรัดรูปเน้นให้เห็นรูปร่าง ถือกระเป๋าแอร์เมสสีแดงแรงฤทธิ์ ใส่รองเท้าหนังสีน้ำตาล”

ตูมตาม-ยุทธนา เบื้องกลาง              

“ด้านตูมตามแต่งตัวเรียบร้อยเป็นทางการมากกว่าใครเพื่อน ด้านในสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว ใส่สูทสีดำทับผูกโบไท สวมกางเกงสีน้ำตาลคาดเข็มขัดหลุยส์วิตตอง เสริมให้ชุดดูหรูหราไม่แพ้ใคร สวมรองเท้าสีน้ำตาลเข้ากับโทนสีกางเกงเป๊ะ ๆ”

ปูไข่-พงศ์สิรี บรรลือวงศ์              

“ปูไข่ใส่เสื้อเชิ้ตสีดำ สวมแจ๊กเกตหนังสีน้ำตาล ดูเท่ไม่แพ้ใคร ใส่กางเกงยีนสีน้ำเงิน คาดเข็มขัดสีน้ำตาลเข้ากับแจ๊กเกตหนังเป็นอย่างดี ใส่รองเท้าสีน้ำตาลเข้ม โดยรวมแล้วแมตช์กับเจ้าตัวเป็นอย่างดี”

พีช-พชร จิราธิวัฒน์              

“เห็นหนุ่มคนนี้แล้วหล่อบาดใจจริง ๆ พีชสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวด้านใน ทับด้วยสูทสีครีมดูเนี้ยบสุด ๆ สวมกางเกงสีดำ สวมรองเท้าหนังสีดำ หวีผมเก็บเรียบร้อย”            

ฮั่น-อิสริยะ ภัทรมานพ              

“ฮั่นมาแนวหล่อสดใส ด้านในใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว สวมแจ๊กเกตสีน้ำเงินอมฟ้าสดใส ติดโบไทโทนสีเดียวกับแจ๊กเกตเป๊ะ ๆ ใส่กางเกงสีดำ รองเท้าสีน้ำเงินอมฟ้าเข้ากับ
แจ๊กเกตเป็นอย่างดี”

แอมป์-สิริพงศ์ ชูศักดิ์สกุลวิบูล              

“แอมป์ใส่เสื้อเชิ้ตขาวด้านในสวมเสื้อยืดสีแดงทับและใส่แจ๊กเกตลายทางยาวสีน้ำเงิน-แดงทับอีกที สวมกางเกงยีนสีน้ำเงิน รองเท้าบู๊ตสีขาว ชุดนี้ลงตัวดูดีไม่แพ้คนอื่น”.

ก้อยโกะ

'เนย' ขอควง 'ป๊อปปี้' ปั้น 'เค้ก ป๊อป' - ฟรีไทม์




ช่วงนี้ฝนตกบ่อยเหลือเกิน วันนี้เราเลยชวน 2 สาว เนย ซินญอริต้า หรือ ลลิตา สิงโตทอง  และสาว ป๊อปปี้-ชัชชญา ส่งเจริญ จากวง ทรี ทู วัน ไปนั่งทำ “เค้ก ป๊อป” ขนมเค้กสไตล์ใหม่ที่ผสมผสานกับอมยิ้ม กันแบบเบา ๆ ณ สตูดิโอของร้าน “ป๊อป มี อัพ” ต้องบอกว่าสองสาวดูตื่นเต้นกับการทำครั้งนี้มาก เพราะเค้กที่ทำเสร็จแล้วนั้นน่ารักและน่ากินสุด ๆ โดยวันนี้ทั้งคู่จะทำเป็นรูปกล่องของขวัญและลูกบอลแฟนซีกัน

ก่อนอื่นขอแนะนำส่วนผสมสักหน่อย ซึ่งก็เป็นของน่ารักกระจุ๊กกระจิ๊กทั้งนั้น ได้แก่ เค้กรสชาติที่เราชื่นชอบ สีผสมอาหารที่นำมาผสมกับช็อกโกแลต ท๊อปปิ้งตกแต่งรูปต่าง ๆ น้ำตาลปั้น น้ำตาลผสมสี ไม้เสียบ และอุปกรณ์ปั้นน้ำตาล

เริ่มที่การทำกล่องของขวัญ ขั้นตอนแรกทั้งสองสาวต้องปั้นเนื้อเค้กให้เป็นรูปเหลี่ยมก่อน ซึ่งต้องบอกว่าปั้นยากพอสมควรเหมือนกัน เนื่องจากเนื้อเค้กร่วนออกมาตลอด แต่ทั้งเนยและป๊อปปี้ก็ไม่ย่อท้อ ตั้งใจปั้นจนได้เป็นรูปทรงที่พอใจ หลังจากนั้นก็ถึงขั้นตอนชุบลงในช็อกโกแลตสี ซึ่งถ้าขั้นตอนแรกยากแล้ว ขั้นตอนนี้คงยากยิ่งกว่า เพราะต้องอาศัยความรวดเร็วในการชุบ มิฉะนั้นช็อกโกแลตก็จะแห้งแข็งกลายเป็นก้อน ซึ่งรอบแรกสาวเนยไม่รู้ถึงเทคนิคนี้ เลยได้กล่องของขวัญที่ค่อนข้างจะเละไปสักหน่อย แต่เจ้าตัวก็ไม่ท้อ ลองใหม่อีกครั้ง ซึ่งคราวนี้ก็ได้กล่องที่สวยถูกใจ ด้านฝ่ายสาวป๊อปปี้ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะเหมือนมีพรสวรรค์ด้านนี้โดยเฉพาะ เจ้าตัวเลยชุบสีออกมาได้เรียบเนียนจริง ๆ เสร็จแล้วนำไม้มาเสียบแล้วพักไว้ก่อน

หลังจากนั้นก็ถึงขั้นตอนการทำโบติดกล่องของขวัญ งานนี้ต้องใช้น้ำตาลปั้นมารีดให้เป็นแผ่นบาง ๆ จากนั้นก็ต้องค่อย ๆ ตัดออกมาให้เป็นเส้นคล้ายริบบิ้น ทั้งสองสาวก็ขะมักเขม้นในการตัดมาก ๆ เพราะต้องระวังไม่ให้ขาด จากนั้นก็นำโบที่ได้มาพันรอบกล่องของขวัญที่ทำไว้ โดยใช้ช็อกโกแลตขาวเป็นเสมือนกาว ซึ่งก็ผ่านฉลุยทั้งสองคน ได้ของขวัญที่สวยงาม น่ากินอย่างที่ตั้งใจ

แต่งานนี้ดูเหมือนทั้งเนยและป๊อปปี้จะติดลมบนซะแล้ว เพราะทั้งคู่ขอลองทำอีกอันนึง ซึ่งคราวนี้เลือกทำเป็นลูกบอลแฟนซี ที่ดูแล้วน่าจะง่ายกว่าอันแรก เพราะแค่ปั้นเค้กเป็นก้อนกลม ชุบสี แต่คราวนี้ความสนุกจะอยู่ตรงที่การตกแต่งลูกบอลให้สวยงามตามจินตนาการ ซึ่งทั้งสองสาวก็ทำอย่างคล่องแคล่วกันมากขึ้น ดังนั้นทั้งเนยและป๊อปปี้เลยใช้เวลาไม่นานก็ได้ “เค้ก ป๊อป” ออกมาอีกคนละหนึ่งอัน

สาวเนย เปิดใจให้ฟังว่า “วันนี้สนุกมากเลยค่ะ เราเคยเห็นแต่ยังไม่เคยทำ พอมาทำก็รู้สึกว่าของจริงยากมาก ต้องใช้ความประณีตและใจเย็นมากค่ะ ถามว่าขั้นตอนไหนยากที่สุดสำหรับเนย เนยว่าเป็นตอนที่เอาช็อกโกแลตมาชุบเค้ก เพราะหนูก็พังไปอันนึงแล้ว (หัวเราะ) เลยรู้ว่าขั้นตอนนี้ต้องเร็วมากค่ะ คือตอนแรกอยากทำรูปไมค์นะ แต่พอเริ่มปั้นก็รู้ว่าทำไม่ได้แน่ค่ะ เลยพักไว้ก่อน ซึ่งงานนี้ก็ถือว่าเป็นความแปลกใหม่และสามารถสร้างไอเดียที่ดีค่ะ”
 
ด้าน ป๊อปปี้ เสริมว่า “ตื่นเต้นมากค่ะ เพราะปั้นดินน้ำมันเล่นที่บ้านยังปั้นเป็นรูปไม่ได้เลย (ยิ้ม) พอมาปั้นเป็นของกินน่ารักก็เลยยิ่งยากค่ะ ซึ่งป๊อปปี้ว่ามันยากทุกขั้นตอนเลยนะ เพราะมันต้องใช้สมาธิมากเลย ก็ถือว่าเป็นการฝึกสมาธิของเราด้วยค่ะ”.

อ้อมเอลฟ์

"ณเดชน์" ปัดควง "ญาญ่า" ผูกดวงโต้ฟันค่าตัวโฆษณาปีนี้ 80 ล้าน





แฟนคลับยังไม่เลิกลุ้นตั้งแต่จับคู่กันดังในละคร สำหรับพระเอกหนุ่ม ณเดชน์ คูกิมิยะ กับนางเอกสาว ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์  ยิ่งตอนนี้ละคร “ธรณีนี่นี้ใครครอง” ออนแอร์แล้วเคมียังโดนใจคนดูยิ่งเชียร์ให้เป็นแฟนกัน ไหนจะมีคนตาดีเห็นหนุ่มณเดชน์ควง ญาญ่า ไปผูกดวงคู่รักที่วัดท่าไม้ จ.สมุทรสาคร ล่าสุดเจอตัวหนุ่มณเดชน์ในงานแถลงข่าว “ทรูมูฟ เอช ชวนคนไทยทั้งประเทศเปลี่ยนเป็น 3 จีพลัส โทรฯชัด เน็ตแรงทั่วไทย” ที่เซ็นทรัลเวิลด์ เลยต้องถามถึงเรื่องนี้ พร้อมเรื่องข่าวว่าปีนี้ฟันค่าโฆษณาไปถึง 80 ล้านบาท เจ้าตัวเลยชี้แจงทุกเรื่องให้ฟัง

ณเดชน์ เผยว่า “จริง ๆ ผมเคยไปวัดท่าไม้กับน้องญาญ่า แต่ไม่ได้นัดกันไปเพื่อผูกดวง ตอนนั้นที่ไปก็มีพี่ป๋อพี่เอ๋ไป เราก็นัดกันไปนมัสการพระอาจารย์ครับ ผมเองก็ทำงานหนักพอว่างก็ไปกับคุณแม่ และไปกับญาญ่าและคุณแม่ของญาญ่าด้วยครับ ไม่ได้ไปทำพิธีผูกดวงครับ” มีความเชื่อเรื่องการผูกดวงหรือเปล่า? “ไม่ค่อยนะครับ ไม่ค่อยเชื่อเรื่องพรหมลิขิตเท่าไหร่” ตอนไปไปด้วยกันหรือว่าแยกกันไป? “จริง ๆ แล้วเราไม่ได้ทำอะไรเสียหาย เราเป็นเพื่อนกันไปด้วยกันก็ไม่เสียหายครับ มีผู้ใหญ่ไปด้วย และเราก็ไม่ได้ไปทำอะไรเสียหายที่วัดครับ เราไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไปเข้าวัดทำบุญครับ” รู้สึกยังไงบ้างที่มีคนเชียร์อยากให้ผูกดวงกัน? “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ตอนนี้ก็เป็นพี่น้องกันครับ ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องอนาคตอะไร ผมว่าบางคนก็รู้สึกอิน บางคนก็เฉย ๆ บางคนก็บอกว่าเล่นกันน่ารักดี เข้ากันได้ดี ตรงนี้ผมว่าแล้วแต่ความคิดของแต่ละคนมากกว่าครับ” มีคนเชียร์เยอะ ๆ แบบนี้มีเผลอใจบ้างมั้ย? “น้องเขาก็น่ารักดี แต่คงไม่จีบหรอก ผมถือว่าเป็นน้องที่น่ารักคนหนึ่งครับ” แต่ก็มีข่าวว่าตอนนี้กำลังคุยกับสาวนอกวงการอยู่? “ไม่มีครับ มีแต่เพื่อน ๆ กันคุยกันครับ แต่ไม่ได้จีบ และที่มีข่าวว่ามีสาว ๆ มาขอเบอร์ผม ไม่มีใครกล้าเข้ามาหาผม (หัวเราะ) เขาก็คงเกร็งและผมก็คงเกร็งไม่รู้จะทำตัวอย่างไร ตอนนี้โสดครับ ขอเรียนจบก่อนครับ อีก 2 ปี ตอนนี้ปี 3 แล้วครับ” กลัวเรตติ้งตกหรือเปล่า? “ไม่เกี่ยวครับ มันอยู่ที่หลาย ๆ อย่างด้วย เรื่องของเวลาและคนอื่นที่มองเราด้วย รออีกสักพักพร้อมเมื่อไหร่จะบอกครับ ที่ไม่มีแฟนพี่เอ-ศุภชัย ไม่ได้สั่งห้ามครับ พี่เอบอกว่าเราทำงานมาเหนื่อยแล้วความรักแบบเพื่อนหรือแฟนบางทีมันก็จำเป็น มันเป็นการช่วยพูดให้กำลังใจกัน แต่ตอนนี้ถามว่าจะคบใครแบบจริงจัง คงยังครับ ผมเป็นคนค่อนข้างสันโดษเหมือนกันครับ ในบางครั้งเราทำงานเสร็จแล้วก็อยากอยู่คนเดียวบ้าง อีก 2 ปีเรียนจบค่อยว่ากันใหม่ ส่วนกับญาญ่าจะมีพัฒนาหรือเปล่าไม่รู้เหมือนกันเรื่องของเวลาครับ”

ดูเหมือนปีนี้งานโฆษณาเยอะอีกแล้ว? “ก็ไม่ค่อยเยอะนะครับ เป็นสินค้าเดิม ๆ ที่ต่อสัญญาครับ” โดนจัดอันดับให้เป็นนักแสดงชายที่มีรายได้สูงสุด 70-80 ล้านบาท? “โห ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ไม่ถึงจำนวนนี้แน่นอนครับ ถามสรรพากรได้เลย ผมรู้สึกเฉย ๆ กับข่าวนี้นะครับ ก็อยากได้ขนาดนั้นครับ (หัวเราะ) จะเห็นว่าผมทำงานหนัก แต่รายได้ไม่เยอะขนาดนั้นครับ ถือเป็นโชคดีของผมเป็นโอกาสที่ดีมาก ๆ ที่ยังทำงานได้อยู่ ต้องขอบคุณลูกค้าและเอเจนซี่ทุกคนที่ให้โอกาสเราครับ”.

ผบ.ตร.ตรวจความพร้อมศปก.น.




พล.ต.อ.เพรียงพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.ตรวจเยี่ยมความพร้อม ศูนย์ปฏิบัติการ บช.น. เผยยังไม่ทราบเรื่องว่า นายกรัฐมนตรี จะเสนอชื่อใครเป็น ผบ.ตร.คนใหม่
เมื่อเวลา 13.30 น.  ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. พร้อมด้วยพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผบ.ตร. เดินทางมาตรวจเยี่ยมความพร้อมของศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศปก.น.) โดยมี พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รองผบช.น.ในฐานะหัวหน้าศปก.น. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม


พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวก่อนเข้าประชุมว่า ขณะนี้ได้จัดกำลังดูแลความสงบเรียบร้อยทุกจุดที่มีการชุมนุม ทั้งบริเวณโดยรอบศาลรัฐธรรมนูญและลานพระบรมรูปทรงม้า ไม่น่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงอะไรเกิดขึ้น ส่วนมือที่สามก็ไม่น่าจะมีเช่นกัน แต่จะต้องรอดูสถานการณ์หลังจากที่ตุลาการอ่านคำวินิจฉัยเสร็จสิ้นแล้ว ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะมีการเรียกร้องอะไรหรือไม่ ซึ่งพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ได้จัดเตรียมกำลังเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยไว้หมดแล้ว โดยเฉพาะคณะตุลาการก็ดูแลความปลอดภัยเต็มที่ ทั้งนี้ไม่ได้สั่งการอะไรกับผบช.น.เป็นพิเศษเพราะปกติก็คุยโทรศัพท์ประสานงานกันตลอดอยู่แล้ว


เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าในวันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม เวลา 14.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ได้นัดประชุม ก.ต.ช.เพื่อพิจารณาในเรื่องการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวว่า การพิจารณาเรื่องการแต่งตั้งเป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ที่จะหยิบยกขึ้นมาว่าจะเสนอใคร ตนยังไม่ทราบเรื่องนี้เพราะยังไม่ได้คุยกับท่านนายกฯเลย โดยเมื่อวานนี้ (12 ก.ค.) ท่านนายกรัฐมนตรีได้สั่งให้ เลขาก.ต.ช.เตรียมเอกสารประวัติของแต่ละบุคคล ซึ่งตามระเบียบแล้วจะต้องมีการพิจารณาเรียงตามลำดับอาวุโสว่าแต่ละคนมีข้อดีข้อเสียอย่างไร การเสนอพิจารณาตัว ผบ.ตร.คนต่อไปนั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของท่านนายก ซึ่งจะเป็นใครนั้นคาดว่าก็คงรู้กันอยู่ ส่วนใหญ่ก็คงได้เห็นกันจากการนำเสนอข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์แล้ว


ขณะที่ พล.ต.ต.พชร บุญญสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล1 (ผบก.น.1) กล่าวถึงการดูแลความเรียบร้อยพื้นที่ลานพระบรมรูปทรงม้าว่า  เบื้องต้นใช้กำลัง 1 กองร้อยในการดูแล ขณะนี้ยังไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด เหตุการณ์ทั่วไปเรียบร้อยดี แต่อย่างไรก็ตามได้สั่งการให้ตำรวจดูแลและรักษาความปลอดภัยกลุ่มผู้ชุมนุม โดยขณะนี้มีประมาณ 50 คน พร้อมให้ฝ่ายสืบสวนบันทึกเทปและคำปราศรัยว่ามีสิ่งใดผิดกฎหมายหรือไม่ เพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินคดี  ส่วนการชุมนุมจะยืดเยื้อหรือไม่ต้องรอฟังผลการตัดสินของคณะตุลาการ...

คุก15ปีพี่เลี้ยงสาวเรียกค่าไถ่ 1 ล้านนร.4ขวบ





ศาลสั่งจำคุก 15 ปี พี่เลี้ยงสาว พาเด็กวัย 4 ขวบเศษ เรียกค่าไถ่ 1 ล้าน หลังตำรวจตามสัญญาณฮัลโหลจับกุมได้ แต่สารภาพเหลือ 7 ปีครึ่ง
วันนี้(13ก.ค.)ที่ห้องพิจารณา 611  ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีเรียกค่าไถ่ ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้องน.ส.บุรีรักษ์ หรือเหมียว โชคชวการ อายุ 36 ปี ชาว จ.ศรีสะเกษ  เป็นจำเลย ในความผิดฐานเอาตัวเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ โดยปราศจากเหตุอันสมควร,พรากเด็กอายุ ไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา  ฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 54  ระบุความผิดจำเลยสรุปว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 54 เวลากลางวัน  จำเลยซึ่งมีอาชีพเป็นพี่เลี้ยงเด็กได้ไปรับตัว ด.ญ.จินนี่ (นามสมมุติ) วัย 4 ขวบเศษจากโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว แล้วพาไปเปิดห้องพักเลขที่ 2/5 อาคารเอส อาร์ ปาร์ค  ถนนเกษตรนวมินทร์ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม

จากนั้นส่งข้อความไปยังผู้ปกครอง ให้โอนเงิน 1 ล้านบาท เพื่อเป็นการแลกตัว ด.ญ.จินนี่    มารดาจึงเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.โคกคราม ติดตามสัญญาณโทรศัพท์ และสืบสวนสอบสวนหาข่าวจากรายชื่อผู้เข้าพักตามอพาร์ตเม้นต์ต่าง ๆ จนทราบความจริง จึงเข้าตรวจค้นพบ จำเลย และด.ญ.จินนี่ ภายในห้องพักดังกล่าว จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลพิเคราะห์ข้อเท็จจริงจากคำเบิกความของพยานโจทก์ ซึ่งเบิกความตามลำดับ เหตุการณ์สอดคล้อง เชื่อมโยง สมเหตุสมผล ประกอบคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวน และชั้นพิจารณาของศาลแล้ว จึงมีน้ำหนักให้รับฟังโดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313 วรรคแรก ,มาตรา 317 วรรคแรก อันเป็นความผิดกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานเรียกค่าไถ่เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี  ซึ่งมีโทษหนักสุดจำคุก 15 ปี คำรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ 7 ปี 6 เดือน ริบโทรศัพท์ของกลาง..

แถลงการณ์สำนักพระราชวัง ฉบับที่ 52





แถลงพระอาการประชวรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระหทัยเต้นเร็ว พระโลหิตซึมใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นนอกเล็กน้อย คณะแพทย์ฯขอพระราชทานให้ทรงงดพระราชกิจ ขณะรมว.เกษตรฯเผยสำนักพระราชวัง ประสานให้เลื่อนการรับเสด็จ ติดตามงาน เขาชะงุ่ม ราชบุรี ก่อน
วันนี้(13ก.ค.) มีแถลงการณ์สำนักพระราชวัง เรื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ มาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ฉบับที่ 52 ว่า “วันนี้ คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานว่า เมื่อเย็นวานนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระอาการกระตุกที่พระหัตถ์ข้างขวา พระหทัยเต้นเร็ว กว่าปกติเล็กน้อย คณะแพทย์ฯได้ถวายตรวจพระสมองด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ พบว่า บริเวณใต้เยื่อหุ้มพระสมองชั้นนอกด้านซ้ายมีพระโลหิตซึมเล็กน้อย จึงได้ถวายพระโอสถทางหลอดพระโลหิต หลังจากนั้นพระอาการกระตุกของพระหัตถ์ข้างขวาหาย

เช้าวันนี้คณะแพทย์ฯ ได้รายงานว่า พระหัตถ์ข้างขวาเคลื่อนไหวได้เป็นปกติ ไม่มีพระอาการกระตุก การเต้นของพระหทัยและความดันพระโลหิตเป็นปกติคณะแพทย์ได้ขอพระราชทานให้ทรงงดพระราชกิจสักระยะเวลาหนึ่ง จึงประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน สำนักพระราชวัง ลงวันที่ 13 กรกฎาคม พุทธศักราช 2555

ขณะเดียวกัน นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าได้รับการประสานจากนายดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการสำนักพระราชวัง ว่าให้เลื่อนการรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการทรงเสด็จพระราชดำเนินติดตามงาน โครงการศูนย์ศึกษาวิธีการฟื้นฟูที่ดินเสื่อมโทรมเขาชะงุ้ม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.เขาชะงุ้ม อ.โพธราราม จ.ราชบุรี และสหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในวันที่ 15 ก.ค.ออกไปก่อนจนกว่าจะมีการประสานจากสำนักพระราชวังอีกครั้ง..

ศาลรธน.ยกคำร้องล้มล้างการปกครอง





ศาลรธน.ยกคำร้องล้มล้างการปกครอง ชี้ชัด แก้รัฐธรรมนูญ ต้องทำประชามติก่อน เหตุประชาชนเป็นผู้สถาปนารธน.
      เมื่อเวลา 14.44 น.วันนี้(13ก.ค.) องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีความเห็นให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 291 ไม่เข้าข่ายเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามมาตรา 68 โดยศาลรัฐธรรมนูญได้แบ่งประเด็นในการวินิจฉัย 4 ประเด็นดังนี้

                1.ผู้ฟ้องมีอำนาจในการฟ้องคดีตามมาตรา 68 หรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่ารัฐธรรมนูญมาตรา 68 การให้สิทธิแก่ผู้ทราบการกระทำที่ฝ่าฝืนมาตรา 68 สองประการ คือ 1.สามารถให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงและยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ และ 2.ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยกเลิกการกระทำดังกล่าว ศาลเห็นว่าการแปลความดังกล่าวนี้จะเป็นไปตามรัฐธรรมนูญและสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 69

                2.การแก้ไขมาตรา 291 ที่เป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับสามารถทำได้หรือไม่ ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า การตรารัฐธรรมนูญ 2550 เป็นกระบวนการผ่านการประชามติ ประชาชนจึงเป็นผู้สถาปนารัฐธรรมนูญฉบับนี้ ดังนั้น การแก้ไขจะเป็นอำนาจของรัฐสภาแต่การยกร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับยังไม่สอดคล้องเจตนารมณ์ 291 เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ได้มาจากการลงประชามติ จึงควรให้ประชาชนลงประชามติก่อนว่าสมควรจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ หรือให้อำนาจรัฐสภาดำเนินการแก้ไข จะเป็นการสอดคล้องเจตนารมณ์มาตรา 291

                3.การแก้ไขมาตรา 291 เป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา กษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ พิจารณาแล้วเห็นว่าการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 291 เป็นไปเพื่อให้มีวิธีการแก้ไขเป็นรายมาตราและปรับปรุงโครงสร้างการเมืองใหม่ให้มีประสิทธิภาพและแก้ไขปัญหาบกพร่องในตัวรัฐธรรมนูญเอง หากพิจารณาจากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ได้มาจากการแก้ไขมาตรา 291 เพื่อให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.)มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ดังที่ผ่านวาระ 2 และเตรียมลงมติในวาระ 3ของรัฐสภา จะเห็นได้ว่ากระบวนการดังกล่าวไม่มีข้อเท็จจริงที่จะล้มล้างการปกครอง อีกทั้งยังไม่มีรูปธรรมเป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าของผู้ร้อง

                หากพิจารณาจากรัฐธรรมนูญมาตรา 291 (1)วรรค 2บัญญัติว่าญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐจะกระทำมิได้ และร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291/11 วรรค 5 ก็ยังได้บัญญัติคุ้มกันไม่ให้กระทบสาระสำคัญของรัฐอีกชั้น

                อย่างไรก็ตาม หากส.ส.ร.ได้ร่างรัฐธรรมนูญที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองทั้งประธานรัฐสภาและรัฐสภาก็มีอำนาจยับยั้งให้รัฐธรรมนูญตกไปได้ และผู้ทราบการกระทำดังกล่าวนััน สามารถให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการตามมาตรา 68ได้ อีกทั้งคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาและการไต่สวนที่ผ่าน อาทิ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา นายอัชพร จารุจินดา เลขาคณะกรรมการกฤษฎีกา นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา และ นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคชาติไทยพัฒนา ล้วนเบิกความว่าไม่ได้มีเจตนารมณ์ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และผู้ถูกร้องยังแสดงเจตคติตั้งมั่นว่าดำรงไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

                พิจารณาแล้วเห็นว่ายังไม่เพียงพอวินิจฉัยได้ว่าเป็นการกระทำล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ข้ออ้างทั้งหมดของผู้ร้องเป็นการคาดการณ์และความห่วงใยต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และยังห่างไกลจะเกิดเหตุขึ้นตามที่กล่าวอ้าง จึงไม่พอฟังได้ว่าเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้น ฟังไม่ได้มีเจตนาล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้

                ประเด็นที่ 4 เป็นเหตุให้ยุบพรรคตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ พิจารณาแล้วเห็นว่าเมื่อไม่กระทำล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จึงไม่มีเหตุให้ต้องวินิจฉัยในประเด็นนี้ จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้ง 5..

แท็กซี่น้ำใจงามเก็บเงินครึ่งแสนคืนนักธุรกิจอิตาลี




แท็กซี่หนุ่มน้ำใจงาม เก็บเงินสดกว่าครึ่งแสน คืนนักธุรกิจ หินแกรนิตและหินอ่อน ชาวอิตาลี รับเห็นครั้งแรกอยากได้ แต่นึกว่าทำ10บาทหายก็ยังหา เลยคืน ด้านเจ้าของให้สินน้ำใจ 500 ยูโร หรือ เกือบ 2 หมื่นบาท ดีใจเก็บเป็นค่าคลอดลูก
เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้(13ก.ค.) ที่สถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ สวพ.FM 91 นายมานพ โสดา โชเฟอร์แท็กซี่หนุ่ม ชาวจ.ร้อยเอ็ด ขับขี่รถแท็กซี่ สีฟ้า ทะเบียน ทว 9202 กรุงเทพ มหานคร นำกระเป๋าสตางค์ สีน้ำตาล พร้อมธนบัตรสกุลเงิน ยูโร ดอลล่าร์สหรัฐฯ และปอนด์ มูลค่าเกือบ 8 หมื่นบาท มาส่งมอบคืนให้กับนายจีอัน ฟรังโก มักไนนี ( Mr.Gian Franco Mugnaini) อายุ 73 ปีนักธุรกิจชาว อิตาลี ซึ่งมีน.ส.ผ่องใส ศรีวังพล ผู้จัดการสถานีฯ ร่วมเป็นสักขีพยาน

โดยนายมานพ โชเฟอร์แท็กซี่ น้ำใจงาม  เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 12 ก.ค. รับผู้โดยสาร ชาวต่างชาติ ผู้ชาย มีอายุ จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปส่งที่โรงแรม ย่านซอยนานา หรือสุขุมวิทซอย 3 หลังจากขับรถลงทางด่วนเพลินจิต เลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 1 การจราจรภายในซอยติดมาก ผู้โดยสารชายชาวต่างชาติ ขอตัวลงรถบริเวณก่อนเข้าโรงพยาบาล หลังจากนั้น กลับรถขับออกมาปากซอยสุขุมวิท 1 ระหว่างที่รถติดอยู่ปากซอยกว่า 10 นาที หันไปเห็นกระเป๋าสตางค์ สีน้ำตาล หล่นอยู่บริเวณเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลัง ฝั่งซ้าย หยิบขึ้นมาเปิดดูพบว่า ภายในกระเป๋ามี ธนบัตรสกุลเงินต่าง ๆ จำนวนมาก รู้สึกตื่นเต้น มือสั่น คิดอยู่ว่าจะทำอย่างไรถึงจะคืนกระเป๋าให้กับนักท่องเที่ยวได้ ตัดสินใจโทรศัพท์หานางประกาย อัถจักร อายุ 53 ปี “แม่” เพื่อขอคำปรึกษา นางประกาย แนะนำให้ตนนำกระเป๋าเข้ามาฝากกับเจ้าหน้าที่สถานีวิทยุ สวพ.FM.91เพื่อประชาสัมพันธ์ติดตามหาเจ้าของ ครั้งแรกที่เจอเงิน เกิดกิเลส อยากได้ แต่หลังจากได้คุยกับแม่แล้ว จำได้ว่าเราทำเงินหายแค่ 10 บาท ยังพยายามหาว่าเงิน 10 บาท หายไปไหน และเชื่อว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งเดินทางมาประเทศไทย ไม่ใช่บ้านเกิด คงต้องเดือนร้อนกว่าเรา”

ขณะเดียวกัน นายจีอัน ฟรังโก มักไนนี ได้เข้าแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ลุมพีนี เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้กับพนักงานสอบสวน ต่อมาได้รับการประสานจากสถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ สวพ.FM 91 ว่ามีแท็กซี่น้ำใจงามนำของมาติดต่อเพื่อส่งคืนเจ้าของจึงได้นัดส่งมอบกระเป๋าคืน พร้อม กล่าวว่ารู้สึกดีใจ คนไทยมีน้ำใจกับคนต่างชาติมาก ตนทำธุรกิจหินแกรนิตและหินอ่อน ระหว่างประเทศ เข้า-ออกประเทศไทยบ่อยครั้งรักคนไทย รักประเทศไทย ก่อนมอบเงินจำนวน 500 ยูโร หรือคิดเป็นเงินบาทไทย ประมาณ 19,375 บาทให้นายสมพร  ไว้สำหรับใช้จ่ายขณะภรรยาคลอดบุตรต่อไป..

"ตุ๊ก" เปิดใจหลังหย่ากับ "บ๊วย"




"ตุ๊ก" เปิดใจหลังหย่ากับ "บ๊วย" ทำดีที่สุดแล้ว เมื่อมันไม่เป็นไปตามที่ต้องการมันก็ต้องจบ แต่ยังเป็นพ่อเป็นแม่ของลูกอยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานมาในวันนี้ (13 ก.ค.) ว่า หลังจาก “บ๊วย-เชษฐวุฒิ วัชรคุณ” กับ “ตุ๊ก-ชนกวนันท์ รักชีพ” ได้จดทะเบียนหย่ากันไปแล้วเมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา   ตุ๊ก-ชนกวนันท์  ได้เปิดใจหลังปิดฉากชีวิตคู่ว่า สภาพจิตใจจริงๆแล้วเป็นปกติ   แต่โดยรวมต้องยอมรับว่า ก่อนหน้านี้เราอยู่ในช่วงที่อ่อนแอมาระยะนึง แล้วทุกอย่างก็ดำเนินไป ทำทุกอย่างที่เราคิดว่าลูกผู้หญิงคนหนึ่งจะทำให้ถึงที่สุด และพยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่ตัวเราจะทำได้ แล้วเมื่อมันไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราปรารถนา เมื่อมันจบลง ความอ่อนแอเราก็พับเก็บไป   วันนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องของการโล่งใจแล้วก็สบายใจ  ทุกสถานการณ์น่าจะมีทางออกของมันในทางที่ดีที่สุด ของแต่ละสถานการณ์



เมื่อถามว่า   สาเหตุจริงๆของการหย่า มาจากอะไร  ตุ๊ก-ชนกวนันท์ กล่าวว่า ถ้าถามสาเหตุที่แท้จริงตนไม่มี เพราะว่าตนไม่ได้มีความต้องการที่จะจบแบบนี้    แต่ถ้าจะให้พูดชีวิตคู่นั้นจะต้องถูกเห็นชอบด้วยคนสองคน ถ้าแม้เพียงใครคนหนึ่งคิดว่าจะยกเลิกเพราะฉะนั้นอีกคนหนึ่งก็ดำเนินต่อไปไม่ได้แน่ๆ  คือตนพยายามของตน แต่ถ้าตนยังเห็นแก่ตัวกับความต้องการของตัวเอง แต่ว่าเราไม่ได้มือเปล่า ซ้ายก็ลูกคนหนึ่งขวาก็ลูกอีกคนหนึ่ง  คนหนึ่งก็ยังต้องอุ้มคนหนึ่งก็ยังต้องจูง เพราะฉะนั้นมันจะไปไหนไม่ได้  แล้วก็อาจจะล้มกันทั้งหมด  เพราะฉะนั้นทุกอย่างมันก็ถึงจุดที่ต้องเคลียร์”
                           

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ก่อนหน้านี้บรรยากาศในครอบครัวเหมือนจะดีขึ้นเห็นจากภาพวันเกิดลูก เชื่อว่าวันเกิดปีต่อไปภาพก็จะเป็นอย่างนั้น  ก็คืออย่างที่พี่บ๊วยบอกคือเรายังต้องเป็นพ่อเป็นแม่ เพราะฉะนั้นกิจกรรมนั้นยังต้องดำเนินอยู่ ต่อข้อถามว่า ที่บ๊วยบอกว่า พ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน รู้สึกยังไง ตนไม่เชื่อว่าพ่อแม่จะรักลูกไม่เท่ากัน แต่บางครั้งการสัมภาษณ์เหมือนอย่างตอนนี้ด้วย  บางทีคนที่ถูกสัมภาษณ์ก็จะกังวลหลายอย่าง แล้วทุกอย่างมันเร็วและมีความเครียดความกดดัน ตนว่าน่าจะเป็นการพูดเร็วมากกว่า คงจะไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นชัดๆ ก็น่าจะเข้าใจเขา
                           

หลังจากหย่าแล้ว ตกลงเรื่องการดูแลลูกยังไง ตุ๊ก กล่าวว่า ตนเป็นคนดูแลลูกเป็นหลัก แล้วการแบ่งสินสมรสก็ปฏิบัติตามที่เราตกลงกันไว้  เมื่อถามว่ามีข่าวว่า จะหนีไปอยู่ต่างประเทศจริงหรือเปล่า ตุ๊ก กล่าวว่าไปเที่ยวตามปกติกับครอบครัว  ไปประมาณ 6 วัน  ข่าวไม่ใช่น้ำท่วมหนีไม่ได้   ไม่มีที่ไหนในโลกที่หนีได้  จะไปวันอาทิตย์นี้ที่เกาหลี

เมื่อถามว่า ลูกรู้เรื่องบ้างหรือเปล่า แม่ม่ายสาว กล่าวว่า ไม่ทราบอะไรชัดเจน  ก็อาจจะแค่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง  ทุกอย่างมันค่อยๆเกิดขึ้นอยู่แล้ว เขาก็ค่อยๆเข้าใจ บางทีก็มีถามบ้างว่า ทำไมแดดดี้ไม่นอนห้องนี้แล้ว  เขามีถามบ้าง แต่ไม่ได้เข้าใจทั้งหมด เราไม่ได้มีอะไรปิดบัง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ถ้าบ๊วยจะแต่งงานใหม่ จะว่ายังไงมั๊ย แม่ม่ายสาว กล่าวว่า ไม่ได้อยู่ในการตัดสินใจของตนอยู่แล้ว   โอเค.หรือไม่โอเค ไม่อยู่ในสิทธิ์ของตนอยู่แล้ว  ไม่พูดเรื่องคนอื่นดีกว่า..

เพิ่มพื้นที่ในการทำงานใน Word 2010


เวลาพิมพ์รายงาน หลายๆ คนคงรู้จักอึดอัดกับเครื่องมือต่างๆ ที่แสดงบนหน้าจอคอมฯ ของเรา แถมบางคนที่ใช้ notebook ขนาดเล็กยิ่งไปกันใหญ่ เพราะพื้นที่ในการพิมพ์ยิ่งน้อยลงไปอีก อย่างไรก็ตาม ถ้าเราสังเกตดีๆ คงจะมีความเห็นตรงกันว่า สิ่งที่แสดงบนหน้าจอ ที่ทำให้เรามีพื้นที่น้อยลงคือ เมนูริบบอน (Ribbon Menu) ?นั่นเอง

SHow Hide Ribbon Menu
ทิปวันนี้จึงมาขอแนะนำการซ่อนริบบอน ให้หายไปชั่วคราว
  1. เปิดโปรแกรม Word 2010
  2. เอาเม้าส์ไปวางบริเวณเมนู ริบบอนด้านบน
  3. คลิกขวา จะเห็นคำสั่ง Minimize the Ribbon ?ให้คลิกเลือกคำสั่งนี้
  4. เมนูริบบอน ทั้งหมดจะหายไป
  5. ถ้าต้องการเอากลับมา ให้ดูที่บรรทัดเมนู ด้านขวาสุด (ใกล้เครื่องหมายคำถาม) จะมีเครื่องหมายลูกศรชี้ลงมา ให้คลิกที่เครื่องหมายนี้ เมนูริบบอนก็จะแสดงกลับมาตามปกติ

วิธีการใส่ Signature ในโปรแกรม Microsoft Outlook 2010


คำลงท้ายในอีเมลที่ส่งออก

ข้อสังเกต เวลาเราได้รับอีเมลจากคนอื่นๆ ถ้าสังเกตให้ดี จะพบคำลงท้ายของอีเมลในเกือบทุกๆ ครั้ง (ขึ้นกับผู้ส่ง) ซึ่งคำลงท้ายนี้ส่วนใหญ่จะเป็นชื่อผู้ส่ง ตำแหน่ง เบอร์โทรศัพท์ เบอร์แฟ๊กซ์ เป็นต้น ซึ่งคำลงท้ายนี้ เราเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่าา Signature ซึ่งเราสามารถกำหนด Signature ใน Microsoft Outlook 2010 ได้ โดยไม่จำเป็นต้องพิมพ์ใหม่ทุกครั้ง ซึ่งจะช่วยลดการทำงานได้มาก แถมบางบริษัท ยังมีโฆษณาแนบใน Signature ด้วย
ลองสังเกตอีเมลดูกันเอาเองน่ะครับ

วิธีการใส่ Signature ในโปรแกรม Microsoft Outlook 2010

  1. เปิดโปรแกรม Microsoft Outlook 2010
  2. คลิกเมนู File ด้านบนซ้ายมือ
  3. คลิกเลือกหัวข้อเมนู Options
  4. แถบคอลัมภ์ด้านซ้ายมือ คลิกหัวข้อ mail
  5. ในกลุ่มหัวข้อ Compose message เลือกหัวข้อ Signatures

    MS Outlook 2010 Signature
  6. คลิกปุ่ม New เพื่อสร้าง Signature ใหม่
  7. ใส่ชือ่ Signature ตามต้องการ
  8. ที่หน้าต่าง Edit Signature พิมพ์รายละเอียดตามต้องการ เช่น ชื่อ นามสกุล เบอร์โทร ลิงค์เว็บไซต์ของเรา เป็นต้น
  9. ตกแต่ง Signature ตามต้องการ เช่น ใส่ตัวหนา เปลี่ยนสีตัวอักษร เป็นต้น
  10. ด้านซ้ายมือ เราสามารถเลือกว่า จะให้ใช้ Signature ตอนไหน เช่น New message หมายถึง ใส่เมื่อสร้างอีเมลใหม่ เป็นต้น
  11. คลิกปุ่ม OK เพื่อปิด

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More

 
Design Downloaded from Free Blogger Templates Download | free website templates downloads | Vector Graphics | Web Design Resources Download.