ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ 083-792-5426

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามตำแหง บางกะปิ 083-792-5426

วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

พสกนิกรจับจองพื้นที่รอเฝ้ารับเสด็จฯ





พสกนิกรจากทั่วสารทิศเฝ้ารับเสด็จฯตลอดแนวริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา รอชื่นชมพระบารมี"ในหลวง" เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารค
วันนี้(7 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่โรงพยาบาลศิริราช พสกนิกรจากทั่วสารทิศทยอยเดินทางจับจองที่นั่งไปเฝ้ารอรับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตั้งแต่ช่วงเช้า โดยตลอดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาประชาชนที่มีบ้านเรือนติดริมฝั่งน้ำในเส้นทางเสด็จฯ ต่างจัดที่ทางเพื่อเฝ้ารอรับเสด็จฯ  ขณะที่ประชาชนที่เดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศ ต่างพากันหาจับจองพื้นที่สาธารณะริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อเฝ้ารอชื่นชมพระบารมีด้วยเช่นกัน.

ด้านกรมเจ้าท่า ได้กำหนดเขตควบคุมการเดินเรือจากด้านเหนือ ตั้งแต่บริเวณสะพานพระราม 4 ถึงด้านใต้บริเวณสะพานพระพุทธยอดฟ้า ตั้งแต่เวลา 13.00-21.30 น. โดยห้ามเรือเดินทะเล เรือลากจูง เรือลำเลียงสินค้า เรือบรรทุกสินค้าอันตราย เรือท่องเที่ยวและภัตตาคาร และแพไม้เดินผ่านพื้นที่ควบคุมการเดินเรือ สำหรับเรืออื่นให้เดินเรือช้าและเบา ขณะขบวนเสด็จฯ ผ่าน ให้ลอยลำชิดฝั่ง ห้ามใช้แตรสัญญาณและเครื่องขยายเสียง ให้เปิดเฉพาะไฟเดินเรือ และตั้งแต่เวลา 18.00-21.30 น. ห้ามเดินเรือทุกชนิดผ่านพื้นที่ควบคุมการเดินเรือ ระหว่างท่าเกียกกายถึงสะพานกรุงธน

นอกจากนี้ กรมเจ้าท่า ได้ออกประกาศให้ระมัดระวังการเดินเรือบริเวณหน้ากรมชลประทาน เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร และให้เดินเรือห่างจากฝั่งประมาณ 50 เมตร ระยะความยาวประมาณ 120 เมตร โดยให้เดินเรือชิดฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา (ฝั่งธนบุรี) เนื่องจากกองทัพเรือมีการวางทุ่นเครื่องหมายจอดเรืออังสนา จำนวน 2 ทุ่น ตั้งแต่วันที่ 5–8 ก.ค.55 ทั้งนี้ ให้ผู้ควบคุมเรือทุกลำ ปฏิบัติตามประกาศนี้โดยเคร่งครัด พร้อมทั้งให้ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า ตำรวจน้ำ และกองทัพเรือ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเรือรักษาการณ์และประจำท่าเทียบเรืออย่างเคร่งครัด

"ในหลวง"เสด็จฯทางชลมารคทรงเปิด5โครงการชลประทาน





พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคทรงประกอบพิธีเปิด5 โครงการชลประทานท่ามกลางพสกนิกรเฝ้ารับเสด็จฯ
เมื่อเวลา 16.26 น.วันนี้ ( 7 ก.ค.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินโดยรถเข็นพระที่นั่งลงจากที่ประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคไปทรงเปิด 5 โครงการชลประทาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ

ในการนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ รศ.นพ.ประดิษฐ์ ปัญจวีณิน ผอ.โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ เป็นผู้ถวายการเข็นรถพระที่นั่ง  และ ศ.คลีนิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล พร้อมด้วยคณะแพทย์และพยาบาลตามเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์ทหารเรือเครื่องแบบปกติขาวคอพับแขนสั้น เสด็จฯ ยังท่าเทียบเรือสมาคมศิษย์เก่าแพทย์ศิริราช ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อประทับเรือพระที่นั่งอังสนา ซึ่งทางกองทัพเรือจัดถวาย พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อยู่ในฉลองพระองค์ชุดสีน้ำเงินเข้ม สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมีพสกนิกรที่พร้อมใจกันสวมเสื้อสีชมพู และชูพระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมโบกธงพระปรมาภิไธย และธงชาติไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จฯ และเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” ดังกึกก้องตลอดเส้นทางเสด็จฯ

จากนั้น พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่มเริงรมย์ ผบ.ทร. กราบบังคมทูลรายงาน ก่อนเสด็จพระราชดำเนินไปประทับบนเรือพระที่นั่งอังสนา  พล.ร.อ.เถกิงศักดิ์ วังแก้ว เสนาธิการทหารเรือ กราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ออกเรือ และทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตรเส้นทางการเดินเรือ ต่อจากนั้นเรือพระที่นั่งอังสนา ออกจากบริเวณท่าเทียบเรือสมาคมศิษย์เก่าแพทย์ศิริราช ไปยังบริเวณเกาะเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยเรือพระที่นั่งจะผ่านสถานที่สำคัญต่าง ๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา อาทิ สะพานพระปิ่นเกล้า , สะพานพระราม 8 , สะพานกรุงธนบุรี  ,กรมชลประทาน ไปยังสะพานพระราม 7 ผ่านหน้าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย  ,สะพานพระราม 5 ,ท่าน้ำนนทบุรี , สะพานพระนั่งเกล้า  , วัดเชิงเลน วัดกลางเกร็ด , วัดฉิมพลี  แล้ววนซ้ายรอบเกาะเกร็ด ซึ่งมีเจดีย์กลางน้ำเป็นสัญลักษณ์  กลับมายังบริเวณหน้ากรมชลประทาน สามเสน

ต่อมาเวลา18.45 น.เรือพระที่นั่งอังสนาถึงบริเวณหน้ากรมชลประทาน สามเสน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลรายงาน และเบิกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และอธิบดีกรมชลประทาน กราบบังคมทูลรายงาน

ถัดมาเวลา 19.05 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ประทับบนเรือพระที่นั่งอังสนา ทอดพระเนตรการแสดงสื่อผสม “น้ำสร้างชีวิต” โดยใช้เทคนิคแสงสีเสียงที่ทันสมัย ถ่ายทอดเรื่องราวในลักษณะไตรวิชั่นฉายไปบนจอวีดิทัศน์ขนาดใหญ่กว้าง 45 เมตร สูง 12 เมตร ที่ติดตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
เมื่อการแสดงเสร็จสิ้น นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลเบิกผู้ว่าราชการจังหวัด 5 จังหวัดประกอบด้วย จ.นครนายก นครศรีธรรมราช นครพนม พิษณุโลก และกาฬสินธุ์ เปิดกรวยกระทงดอกไม้ ธูปเทียนแพ และกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพิธีเปิด 5 โครงการชลประทาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ  ได้แก่ เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก ประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ์ จ.นครศรีธรรมราช ประตูระบายน้ำธรณิศนฤมิต จ.นครพนม และอุโมงค์ผันน้ำลำพะยังภูมิพัฒน์ จ.กาฬสินธุ์

จากนั้นเวลา 19.50 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงวางพระหัตถ์บนแท่นตราสัญลักษณ์โครงการ พร้อมทอดพระเนตรวีดิทัศน์บรรยากาศสดจาก 5 จังหวัด ที่ร่วมกันแปรอักษรเป็นคำว่า “ทรงพระเจริญ” เมื่อเสร็จพิธี เรือพระที่นั่งอังสนาแล่นออกจากบริเวณที่ท่าเทียบเรือหน้ากรมชลประทานสามเสน กลับไปยังท่าเทียบเรือสมาคมศิษย์เก่าแพทย์ศิริราช โรงพยาบาลศิริราช ในเวลา 20.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ กลับยังที่ประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช

ส่วนบรรยากาศใน 5 จังหวัดซึ่งเป็นที่ตั้งโครงการชลประทานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเต็มไปด้วยความคึกคักพสกนิกรต่างเดินทางมาร่วมพิธีเปิดโครงการชลประทานกันอย่างเนื่องแน่น สำหรับแนวพระราชดำริที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานให้กรมชลประทานดำเนินงานพัฒนาแหล่งน้ำทั่วทุกภูมิภาคของประเทศมาตลอดระยะเวลาอันยาวนานกว่า 2,500 โครงการ และในระหว่างพุทธศักราช 2539 ถึงปัจจุบัน กรมชลประทานได้ดำเนินการก่อสร้างโครงการชลประทานอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่สำคัญแล้วเสร็จ พร้อมทั้งได้รับพระราชทานนาม จำนวน 5 โครงการ อันได้แก่ โครงการที่ 1 โครงการอุโมงค์ผันน้ำลำพะยังภูมิพัฒน์  จ.กาฬสินธุ์ โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาลุ่มน้ำลำพะยังตอนบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  และได้ก่อสร้างอุโมงค์ผันน้ำเมื่อพุทธศักราช 2548 แล้วเสร็จในพุทธศักราช 2550 สามารถผันน้ำมาช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรด้านท้ายอ่างเก็บน้ำลำพะยังตอนบน 12,000 ไร่

โครงการที่ 2 ประตูระบายน้ำธรณิศนฤมิต จ.นครพนม เป็นประตูระบายน้ำที่สำคัญที่สุดในประตูระบายน้ำทั้ง 7 แห่งของโครงการพัฒนาลุ่มน้ำก่ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กรมชลประทานได้ดำเนินการก่อสร้างจากภาพร่างลายพระหัตถ์ ที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ได้พระราชทานแก่ กรมชลประทาน โดยก่อสร้างเมื่อพุทธศักราช 2550 แล้วเสร็จในพุทธศักราช 2552 สามารถสนับสนุนพื้นที่การเกษตรใน จ.สกลนครและ จ.นครพนม 165,000 ไร่ และช่วยบรรเทาอุทกภัยในฤดูน้ำหลา

โครงการที่ 3 ประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ จ.นครศรีธรรมราช  โครงการนี้เป็นหัวใจสำคัญของโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  ก่อสร้างแล้วเสร็จในพุทธศักราช 2542 ทำหน้าที่แยกน้ำเค็มและน้ำจืดออกจากกัน สามารถเก็บกักน้ำจืดเพื่อให้ราษฎรสามารถทำการเกษตรในฤดูฝน 480,000 ไร่ และในฤดูแล้งสามารถทำนาปรังเพิ่มขึ้นจากเดิม 52,000 ไร่  เป็น 200,000 ไร่  รวมทั้งช่วยบรรเทาอุทกภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โครงการที่ 4  เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก เป็นโครงการเขื่อนเก็บกักน้ำที่ก่อสร้างขึ้นในแม่น้ำแควน้อย ดำเนินการเมื่อพุทธศักราช 2548 แล้วเสร็จในพุทธศักราช 2552 เก็บกักน้ำได้ 939 ล้านลูกบาศก์เมตร  สามารถส่งน้ำไปยังพื้นที่เพาะปลูก จำนวน 155,100 ไร่ ได้อย่างสมบูรณ์ตลอดทั้งปี รวมทั้งช่วยบรรเทาอุทกภัยในเขตลุ่มน้ำแควน้อยตอนล่าง และพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาบางส่วน

โครงการที่ 5 เขื่อนขุนด่านปราการชล  จ.นครนายก โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาลุ่มน้ำนครนายก ก่อสร้างเมื่อพุทธศักราช 2542 แล้วเสร็จในพุทธศักราช 2547 เก็บกักน้ำได้ 225 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถส่งน้ำให้แก่ราษฎรที่อาศัยอยู่บริเวณตอนล่างของลุ่มน้ำนครนายกเพื่อใช้ทำการเกษตร 185,000 ไร่ ตลอดจนมีน้ำใช้เพื่อการอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรม และเพื่อการแก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว รวมทั้งช่วยบรรเทาอุทกภัยที่มักจะเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีในเขต จ.นครนายก.

"พ่อคูณ"ไข้ลดแต่แพทย์ดูแลใกล้ชิด





หลวงพ่อคูณไข้ลดลง แต่แพทย์ยังไม่สบายใจ ยอมรับอาการหนัก ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ รอดูอาการอย่างใกล้ชิดอีก 48 ชั่วโมง และประเมินทุกๆ 4 ชั่วโมง
กรณีพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เกจิชื่อดังเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา อาพาธด้วยอาการหลอดลมอักเสบ สะอึก และมีเสมหะในลำคอ เข้ารักษาตัวที่ห้องพักผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.มหาราชนครราชสีมา ตั้งแต่คืนวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ผ่านไป 7 วัน โดยเมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา หลวงพ่อคูณอาการทรุดลง มีไข้ขึ้นสูงเกือบ 40 องศา เนื่องจากปอดติดเชื้อ อักเสบ บวม แพทย์ต้องให้ยาปฏิชีวนะโดยการฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำแทนการฉันยาตามปกติ อาการโดยรวมค่อนข้างน่าเป็นห่วง ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้ว

ความคืบหน้าวันที่ 9 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงกลางดึกจนถึงช่วงเช้า หลวงพ่อคูณไข้เริ่มลดลงเรื่อย ๆ จาก 38.6 องศาเซลเซียส ล่าสุด 36.6 องศาเซลเซียส อาการเริ่มดีขึ้น พูดคุยตอบโต้กับแพทย์และลูกศิษย์ได้ดี แต่ร่างกายอ่อนเพลียและซึมอยู่บ้าง แพทย์ยังคงให้ใช้เวลาส่วนใหญ่กับการนอนพักผ่อนอยู่บนเตียงคนไข้

ขณะเดียวกัน พยาบาลตรวจร่างกายหลวงพ่อคูณ พบว่ามีอุณหภูมิร่างกาย 36.6 องศา ความดัน 105/42 มิลลิเมตรปรอท ชีพจร 60 ครั้งต่อนาที การหายใจ 20 ครั้งต่อนาที และระดับน้ำตาลในเลือด 205 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ก่อนทำการฉีดยาปฏิชีวนะเข้าทางหลอดเลือดดำบริเวณหลังมือข้างซ้าย และให้อาหาร ยารักษาโรคประจำตัวผ่านทางสายยางเข้าทางช่องท้อง โดยหลวงพ่อคูณสามารถรับอาหารได้ตามปกติมื้อละ 500 มิลลิกรัม

ต่อมาเวลา 11.00 น.วันเดียวกัน นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ พร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางรวม 6 คน เข้าตรวจร่างกายหลวงพ่อคูณ โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนถ่ายภาพและสังเกตการณ์แต่อย่างใด ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก่อนออกมาประชุมหารือถึงแนวทางการรักษาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดพอสมควร

นพ.พินิศจัย เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้อาการหลวงพ่อคูณดีขึ้น ไข้ลดลง หลังให้ยาฆ่าเชื้อแบบเข้มข้น   โดยเรื่องของปอดอักเสบถือเป็นอาการแทรกซ้อนใหม่ที่เกิดขึ้นกับหลวงพ่อ เพราะก่อนจะเข้า รพ.หลวงพ่ออาพาธด้วยโรคหลอดลมอักเสบและมีเสมหะมาก ก่อนลุกลามรุนแรงลงมายังปอด ทำให้ปอดบวมอักเสบ ถือว่าค่อนข้างหนักและรุนแรงพอสมควร เพราะหลวงพ่อสามารถติดเชื้อได้ง่าย ภูมิต้านทานโรคต่ำ ตอนมา รพ.แรก ๆ อาการยังดีอยู่ พอผ่านไป 2 วัน ก็มีอาการทรุดลง เป็นสถานการณ์ความพลิกผันของอาการที่แพทย์ต้องเจออยู่เรื่อย ๆ

“การรักษาในภาพรวมแล้วแม้หลวงพ่อจะไข้ลดลง แต่ทีมแพทย์ก็ยังไม่สบายใจขึ้น ยังกังวลในเรื่องการติดเชื้อแทรกซ้อนใหม่ การติดเชื้อซ้ำซ้อน หรือแทรกซ้อนในระบบหัวใจ ระบบประสาท จึงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ต้องเข้มงวดมาตรการงดเยี่ยมโดยเด็ดขาด ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ เพราะห่วงเรื่องการติดเชื้อ ที่สำคัญต้องประเมินอาการติดตามดูอาการทุก ๆ 4 ชั่วโมง และต้องขอรอดูอาการป่วยอีก 48 ชั่วโมง หากไม่มีอะไรแย่กว่านี้ ก็น่าจะสบายใจมากขึ้น...” นพ.พินิศจัย ระบุ

“แทน”รับทราบข้อหาบุกรุกป่าเขาแพง





“แทน” รับทราบข้อหาบุกรุกป่าเขาแพงกับดีเอสไอ เผยเพิ่งรู้เป็นเขตป่าไม้ไม่ใช่ป่าสงวน พร้อมกลับไปรวบรวมข้อมูลก่อนแจงที่มาเอกสารสิทธิ์
วันนี้(9ก.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายแทน  เทือกสุบรรณ  บุตรชาย นายสุเทพ  เทือกสุบรรณ  อดีตรองนายกรัฐมนตรี พร้อมทนาย เข้าพบพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาคดีบุกรุกที่เขาแพง  ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี  มีพ.ต.อ.ประเวศน์  มูลประมุข  รอง อธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนเป็นผู้แจ้งข้อกล่าวหาโดยมีพนักงานอัยการร่วมด้วย

โดยนายธาริต  เพ็งดิษฐ์  อธิบดีดีเอสไอ  กล่าวว่า เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหากระทำความผิดก่นสร้าง แผ้วถางป่า หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองและผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ก่นสร้าง หรือเผาป่าในที่ดินของรัฐโดยมิได้มีสิทธิครอบครองหรือไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ 2484   โดยลักษณะกระทำความผิดพบมีการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบต่อเนื่องกันตั้งแต่การนำส.ค. 1 มาออกเป็นน.ส. 3 ก. และการนำน.ส. 3 ก. มาออกเป็นโฉนด  ซึ่งตำแหน่งและเนื้อที่มีความคลาดเคลื่อน รวมเป็นเนื้อที่ขยายเพิ่มขึ้นกว่า 31 ไร่  ซึ่งนายแทนเป็นผู้ดำเนินการขอออกโฉนด จากน.ส.3 ก. เดิม 3 แปลง มารวมเป็นโฉนด 1 แปลง  ทั้งนี้  นอกจากการดำเนินคดีเรื่องการบุกรุกป่าแล้วดีเอสไอจะดำเนินคดีกรณีที่มีการสร้างอ่างเก็บน้ำลุกล้ำที่สาธารณะเพิ่มเติมด้วย

ด้านพ.ต.ท.ประวุธ  วงศ์สีนิล  ผบ.สำนักคดีผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม  กล่าวว่า  เบื้องต้นนายแทน มอบเอกสารชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร  ขณะที่ดีเอสไอ ได้ทำความเข้าใจกรณีที่นายแทนระบุว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่น่าจะมีความผิดเพราะไม่ได้อยู่ในพื้นที่ป่าสงวน  โดยดีเอสไอชี้แจงว่าแม้จะไม่ได้อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแต่พื้นที่ดังกล่าวมีความลาดชันเกิน 35 องศาตามพ.ร.บ. ป่าไม้ 2484  ห้ามไม่ให้ออกเอกสารสิทธิ์หรือเข้าไปทำประโยชน์  ส่วนกรณีการสร้างอ่างเก็บน้ำทับลำรางสาธารณะและการสร้างถนนตัดเข้าพื้นที่นั้นนายแทนยอมรับว่ามีการสร้างถนนและอ่างเก็บน้ำจริงแต่ได้รับอนุญาตจากเทศบาลในการก่อสร้างแล้ว

 สำหรับนายแทน ดีเอสไอจะดำเนินคดีกรณีที่พบว่ามีการออกโฉนดที่ดินมีเนื้อที่เกินกว่าน.ส.3ก.  ส่วนผู้ถูกกล่าวหาอีก 2 ราย ที่เป็นหุ้นส่วน หจก.เรืองปัญญา คอนสตรัคชั่น ดีเอสไอจะพิจารณากรณีที่มีการนำส.ค.1 มาออกเป็นน.ส.3ก.ว่าดำเนินการถูกต้องตั้งแต่ต้นทางหรือไม่

นายแทน  กล่าวภายหลังเข้ารับทราบข้อกล่าวหาว่า  รับทราบข้อกล่าวหาคดีบุกรุกที่เขาแพงแล้ว พร้อมมอบเอกสารชี้แจงรายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษร โดยวันนี้(9 ก.ค.) ได้รับการชี้แจงและทำความเข้าใจจากดีเอสไอว่าเอกสารสิทธิ์ดังกล่าวไม่ใช่พื้นที่ป่าสงวนตามที่ตนเข้าใจก่อนหน้านี้  แต่เป็นพื้นที่ป่าตามพ.ร.บ.ป่าไม้ 2484  ซึ่งกำหนดห้ามไม่ให้มีการออกเอกสารสิทธิ์ในพื้นที่มีความลาดชันเกิน 35 องศา โดยหลายประเด็นที่ดีเอสไอสอบถามตนจะชี้แจงเพิ่มเติมภายหลังโดยเฉพาะประเด็นการออกเอกสารสิทธิ์  ซึ่งเชื่อว่าไม่น่าจะมีเรื่องของของเอกสารบิน และบวม  ไม่เชื่อว่าจะมีกรณีส.ค. บิน และบวม  กรณีเนื้อที่ไม่ตรงกับโฉนดอาจมาจากการทำงานของกรมที่ดิน ในขั้นตอนรังวัดแต่ละครั้งมีหลักเกณฑ์ต่างกันมาก อาจเกิดความคลาดเคลื่อนได้  เพราะแม้เนื้อที่บางแปลงจะเพิ่มขึ้นแต่บางแปลงกลับลดลง

 “วันนี้เพิ่งจะได้ยินชัดเจนว่าเป็นเรื่องการบุกรุกป่า อาจไม่เกี่ยวกับป่าสงวน  ซึ่งขณะนี้จะได้เข้าใจได้ตรงกัน เบื้องต้น ตนยื่นคำให้การเป็นหนังสือและตอบคำถามเท่าที่ชี้แจงได้  และบางส่วนอาจต้องกลับไปตรวจสอบข้อมูลโดยเฉพาะเรื่องเอกสารสิทธิตนยินดีให้มีการตรวจสอบ”  นายแทน กล่าว

นายแทน  ยังกล่าวถึง กรณีการสร้างถนนเข้าพื้นที่ว่าเป็นการเทคอนกรีตตามแนวถนนเดิม ไม่ใช่การสร้างแนวถนนใหม่    ส่วนอ่างเก็บน้ำที่สร้างทับลำรางสาธารณะไม่ใช่อ่างน้ำของตนแต่เป็นของพื้นที่ข้างเคียง

  อย่างไรก็ตาม ในวันเดียวกันนี้นายพงษ์ชัย  ฟ้าทวีพรและนายสามารถ  เรืองศรี   หุ้นส่วนของหจก.เรืองปัญญา คอนสตรัคชั่น ได้เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหากรณีเดียวกันด้วย

วิสามัญ "ต๋อย เขาพระ" เอเย่นต์ยาบ้ายิงตำรวจดับ1เจ็บ2




ตำรวจบุกตรวจค้นบ้านเป้าหมายยาเสพติด "ต๋อย เขาพระ" เอเย่นต์ยาบ้า เจอคนร้ายใช้ปืนยิงสวนเสียชีวิต 1 ศพ เจ็บ 2 ราย สุดท้ายคนร้ายเจอวิสามัญดับคาไร่มันสำปะหลัง
วันนี้( 9 ก.ค.) พ.ต.ท.ปรีชา ดำคำทา พงส.(สบ 3) สภ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี รับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกคนร้ายยิงได้รับบาดเจ็บที่บ้านไม่มีเลขที่ ในบ้านเขาพระ หมู่ 5 ต.อู่ทอง จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ชัชชรินทร์ สว่งวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.สุรกฤษฎ์ มาลีสี ผกก.พ.ต.ท.วิรัตน์ เพชรทอง รอง ผกก.สส. กำลังฝ่ายสืบสวนจำนวนหนึ่ง  รุดไปที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บาดเจ็บได้รับการนำส่ง รพ.ศูนย์เจ้าพระยายมราช ไปก่อนหน้า ขณะที่คนร้ายทราบว่าถูกวิสามัญเสียชีวิต ในไร่มันสัมปะหลัง ใกล้เคียงที่เกิดเหตุ จึงเข้าไปตรวจสอบ พบนายสมพงษ์ หรือต๋อย พระมหาโยธิน อายุ 44 ปี สภาพนอนคว่ำหน้าจมกองเลือด มือขวากำอาวุธปืนพกสั้นแบบกล็อกขนาด 9 มม.ไว้แน่น ในรังเพลิงไม่เหลือกระสุน เนื่องจากถูกยิงจนหมด นอกจากนี้พบปลอกกระสุนขนาดเดียวกันตกอยู่ 3 ปลอก และเมื่อเข้าไปตรวจสอบบ้านของผู้ตาย ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียว ที่หน้าบ้านพบรอยเลือดหยดเป็นทาง และมีปลอกกระสุนขนาด 9 มม. กระจายเกลื่อนกว่า 10 ปลอก ค้นภายในบ้านพบยาบ้าอีกกว่า 200 เม็ด ซ่อนอยู่ในกระเป๋าสะพายแขวนไว้หัวนอน จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน


พ.ต.อ.ชัชชรินทร์ กล่าวว่า .เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.อู่ทอง ประกอบด้วย ร.ต.ต.วิเศษ วิจิโน รอง สว.สส. ด.ต.ไพศาล ริอุบล และ ด.ต.ชรินทร์ คงสวรรค์ ผบ.หมู่ สส. นำกำลังออกตรวจพื้นที่ มาถึงจุดเกิดเหตุเป็นบ้านไม่มีเลขที่ ซึ่งเป็นบ้านเป้าหมายยาเสพติด พบชายวัยรุ่นนั่งอยู่ที่โต๊ะหน้าบ้าน จึงทำการตรวจค้นและอีก 2 คน เดินไปเคาะประตูบ้านพบว่าประตูถูกล็อกจากด้านใน ทันใดนั้นคนร้ายที่อยู่ในบ้านได้ใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงออกมา ทำให้กระสุนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 คน โดย 2 ใน 3 คน ได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงวิทยุงานผู้บังคับบัญชาเพื่อขอกำลังเสริม โดยมือปืนได้หนีไปซ่อนตัวอยู่ในไร่มัน เจ้าหน้าที่จึงวางกำลังล้อมไว้และพยายามตะโกนให้คนร้ายมอบตัว แต่คนร้ายไม่ยอมใช้อาวุธปืนกระบอกดังกล่าว ยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่เป็นระยะ เจ้าหน้าที่จึงยิงตอบโต้ กระทั่งคนร้ายถูกกระสุนปืนเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต

จากการตรวจสอบประวัติพบว่านายสมพงษ์ เคยถูกจับคดีอาวุธสงคราม เพิ่งพ้นโทษได้ไม่นานและเป็นเอเย่นต์ยาบ้าในพื้นที่ เมื่อรู้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นจึงใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้เพื่อเบิกทางหนีเข้าไปซ่อนตัวในไร่มันสัมปะหลังห่างจากบ้านประมาณ 200 เมตร สุดท้ายไม่รอดถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญเสียชีวิตดังกล่าว


สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกยิงนั้นประกอบด้วย ด.ต.ไพศาล ถูกยิงเข้าที่แขนซ้าย 1 นัด ร.ต.ต.วิเศษ ถูกยิงที่หน้าอก หน้าท้อง และขา อาการโคม่า  แพทย์ รพ.อู่ทอง พยายามผ่าตัดช่วยชีวิต แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีิวิตในเวลาต่อมา ส่วนด.ต.ชรินทร์ ถูกยิงที่ใต้รักแร้ซ้าย และหน้าท้อง อาการสาหัส.




สลด!พ่อพิมพ์เครียดผูกคอลาโลก





พ่อพิมพ์ ผูกคอดับคาระเบียงโรงเรียน เพื่อนเผยเครียด โทรศัพท์บอกให้เตรียมจัดงานศพ ก่อนมาพบเป็นศพ คาดปัญหาโรคกระดูกทับเส้นประสาท
เมื่อเวลา 05.30 น. วันนี้(9 ก.ค.) พ.ต.ท. กิตติ โพธิ์สุข พงส.(สบ3) สน.ประชาชื่น ได้รับแจ้งเหตุมีคนผู้คอตายในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในเขตจตุจักร กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ) และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารโรงอาหารของโรงเรียนดังกล่าวสูง 2 ชั้น โดยชั้นล่างเป็นโรงอาหารส่วนชั้นที่สองเป็นห้องประชุม เจ้าหน้าที่ตำรวจพบศพชายผูกคอตนเองอยู่บริเวณริมระบียงด้านหน้าของชั้นสอง สภาพศพใส่เสื้อยืด สวมกางเกงสแลคสีดำ มีเชือกไนล่อนยาวประประมาณหนึ่งเมตรผูกคอ ร่างห้อยออกมานอกระเบียง ต่อมาทราบชื่อ นายประจวบ ใจด้วง อายุ 49 ปี เป็นครูสอนวิชาสังคมศาสตร์ และเป็นครูหัวหน้าสายชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ของโรงเรียนดังกล่าว อย่างไรก็ดีจากจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พฐ ระบุว่าผู้ตายเสียชีวิตโดยการผูกคอตนเอง ไม่มีร่องรอยของการต่อสู้หรือถูกทำร้าย

สอบถามเพื่อนครูโรงเรียนเดียวกันให้การว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้เข้าเวรประจำดูแลโรงเรียน ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายได้โทรศัพท์ติดต่อกับเพื่อนสนิทซึ่งเป็นครูโรงเรียนเดียวกัน โดยกล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า เตรียมทำศพด้วย อีกทั้งยังติดต่อทางโทรศัพท์กับพระรูปหนึ่งที่คุ้นเคยโดยได้พูดคุยและบอกลา

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิฐานว่าผู้ตายนั้นมีโรคประจำประตัวคือโรคกระดูกทับเส้นประสาท อาจเป็นเหตุทำให้ผู้ตายเกิดอาการเครียด แล้วทำให้เกิดคิดสั้นจนเกิดเหตุดังกล่าว จึงติดต่อญาติผู้ตายให้มารับศพไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีทางศาสนาต่อไป

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More

 
Design Downloaded from Free Blogger Templates Download | free website templates downloads | Vector Graphics | Web Design Resources Download.