ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ 083-792-5426

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามตำแหง บางกะปิ 083-792-5426

วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สืบทุ่งมหาเมฆจับเอเย่นต์ค้ายาไอซ์





สืบสวนทุ่งมหาเมฆจับกุมพ่อค้ายาไอซ์ย่านชุมชนวิทยุการบิน
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 17 ส.ค. พ.ต.ท.ฤตวีร์ สุขเจริญ สว.สส.สน.ทุ่งมหาเมฆ  ร.ต.อ.ฉัตรชัย ถาวรทรัพย์ รองสว.สส. แถลงจับกุมนายสถาพร หรือเต๋า ดวงอาจ อายุ 23 ปี พร้อมของกลางยาไอซ์บรรจุในถุงพลาสติกใสมีฝาปิดเปิดจำนวน 2 ถุง รวม 6 ถุงเล็ก น้ำหนักรวม39.75 กรัม ยาบ้าบรรจุในถุงพลาสติกใสมีฝาปิดเปิด 2 ถุง รวม 6 เม็ด อาวุธปืนปากกา (ไทยประดิษฐ์) จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 24 นัด กระสุนปืนขนาด .45 จำนวน 1 นัด
 
พ.ต.ท.ฤตวีร์ กล่าวว่า สืบเนืองจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสน.ทุ่งมหาเมฆได้สืบหาข้อมูลผู้ค้าและผู้เสพยาเสพติดภายในชุมชนหน้าสมาคมธรรมศาสตร์ (วิทยุการบิน) จนสืบทราบว่าที่บ้านเลขที่ 104/26 ชุมชนหน้าสมาคมธรรมศาสตร์ (วิทยุการบิน) ซอยงามดูพลี แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กทม. ซึ่งเป็นบ้านของผู้ต้องหาคนดังกล่าวมีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายยาเสพติด จึงวางแผนเจับกุมไว้ได้พร้อมของกลางดังกล่าว
 
ด้านนายสถาพร ผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพว่า ยาบ้าและยาไอซ์ เป็นของตน โดยมีนายแอ๊ก (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง) อายุประมาณ 30 ปี นำมาฝากไว้และจะได้ค่าตอบแทนครั้งล่ะ 1000 บาท เมื่อมีลูกค้ามาติดต่อขอซื้อยาเสพติด เบื้องต้นแจ้งข้อหามียาเสพติดประเภทที่ 1 (ยาไอซ์และยาบ้า) ไว้ในความรอบครอบเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต นำตัวไปสอบสวนขยายผลดำเนินคดีต่อไป.

ตร.บุกยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด"เจ๊พร"


เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 17 ส.ค. พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รอง ผบช.น. นายชวัต ชูเทศะ ผอ.ส่วนบังคับใช้กฎหมาย ป.ป.ส. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก บก.สส.บช.น. และกก.สส.บก.น.2 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 60/56 ถนนทวีวัฒนา ซอยทวีวัฒนา 9 แขวงและเขตทวีวัฒนา หลังสืบทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นของนางสมพร ศรีวัฒนกุลพร หรือเจ๊พร อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่
เมื่อไปถึงพบว่าเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น มีรั้วรอบขอบชิด ปลูกอยู่ในเนื้อที่ประมาณ 90 ตารางวา ไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ บริเวณโรงรถพบรถเบนซ์  สีขาว รุ่นอี 350 ทะเบียน สส 6116 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ นอกจากนี้ กลอนประตูบ้านก็ถูกล็อกไว้ เจ้าหน้าจึงเข้าไปตรวจสอบ ภายในบ้านพบเฟอร์นิเจอร์หรูราคาแพงหลายชิ้น และเอกสารหลายฉบับ จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน โดยเจ้าหน้าที่พบว่าผู้ต้องหารายนี้เกิดไหวตัวทัน ขนทรัพย์สินหลบหนีไปได้ก่อน ซึ่งจากการตรวจสอบพบเอกสารหลักฐาน เกี่ยวกับการซื้อขายทองคำรูปพรรณจำนวนมาก ซึ่งทางตำรวจจะต้องติดตามยึดทรัพย์เข้ามาเป็นของกลางให้ได้

รอง ผบช.น.กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาสามารถตามยึดทรัพย์ผู้ต้องหาเครือข่ายนี้ได้แล้วประมาณ 20 ล้านบาท สามารถออกหมายจับผู้ต้องหาได้ 5 คน ติดตามจับกุมได้แล้ว 2 ราย คือ นายอดิศร หรืออบ ศรีสุข และนางศิริพร ทับจันทร์ ซึ่งเป็นลูกสะใภ้ของนางสมพร เหลือผู้ต้องหาที่ยังจะต้องติดตามคือ นางสมพร นายปัญญา ศรีวัฒนกุลพร อายุ 54 ปี สามีนางสมพร และนายปัญจพรรณ ศรีวัฒนกุลพร ลูกชาย ซึ่งทางฝ่ายสืบสวนทราบแล้วว่า ขณะนี้ทั้ง 3 รายได้หลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้านแล้ว จากนี้จะได้ทำการประสานไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีต่อไป.

ปปง.เดินหน้ายึดทรัพย์-ปราบฟอกเงิน





ปปง.เดินหน้ายึดทรัพย์ ปราบปรามการฟอกเงิน คาดออกกฎหมาย 2ฉบับทันปลายปีพ้นบัญชี FAFT
วันที่ 17 ส.ค.ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง.เป็นประธานจัดงานวันคล้ายวันสถาปนาครบรอบ 13 ปี สำนักงาน ปปง. และแถลงข่าวการประชาสัมพันธ์แนะนำเว็บไซต์เกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลของบุคคลซึ่งถูกอายัดทรัพย์สินตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ผ่านระบบสารสนเทศของสำนักงาน ปปง.ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ทางเว๊ปไซค์ www.amlo.go.th จะเป็นประโยชน์ สะดวกและง่ายในการเช็คข้อมูล
พ.ต.อ.ดร.สีหนาท  กล่าวว่าตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.นี้ จะมีการบังคับใช้กฎกระทรวงที่กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า พ.ศ.2555 ของสถาบันการเงิน ตามมาตรา 16 (1) และ (9) ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 กฎหมายนี้จะทำให้สถาบันการเงินมีหน้าที่ตรวจสอบให้มากขึ้นและหากพบการทำธุรกรรมที่ผิดปกติหรือผู้ที่เปิดบัญชีโดยไม่ใช่วัตถุประสงค์ของตนเอง จะต้องตรวจสอบแล้วปิดบัญชีทันที ถ้าตรวจสอบพบว่าสถาบันการเงินใดไม่ปฏิบัติตามจะต้องถูกปรับครั้งละ 5 แสนบาทและวันละ 5 พันบาทจนกว่าจะมีการแก้ไข เพื่อเป็นการสกัดกั้นเครือข่ายฟอกเงินที่มีการรับจ้างเปิดบัญชีไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์
              
สำหรับกฎหมาย 2 ฉบับร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย ได้มีการออกกฎหมายให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและจะเข้าสู่สภาในวาระ และ 3 ในปลายเดือนส.ค.นี้และน่าจะผ่านวุฒิสภาออกเป็นกฎหมายบังคับใช้ในปลายปีนี้และจะมีผลให้คณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงิน หรือ FATF มีความเชื่อมั่นด้วย
              
ทั้งนี้ในการพิจารณาของสภาจะต้องกำหนดบทนิยามคำว่า “ ความผิดมูลฐาน” 12 มูลฐาน ได้แก่ การเป็นสมาชิกอั๊งยี่หรือมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรม ฉ้อโกง ยักยอกทรัพย์อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ ร่ำรวยมาจากการกระทำผิด รวมทั้งการกระทำผิดอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ตามกฎหมาย เพื่อลงลึกในรายละเอียดอาจจะเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมตามความเหมาะสมต่อไป.

นายกฯปูนัดประชุมก.ต.ช.31 ส.ค.เปิดตำแหน่งผู้ช่วยผบ.ตร.


เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. ได้ลงนามเห็นชอบตามที่มีหนังสือบันทึกข้อความส่วนราชการ สง.ก.ต.ช. ที่ 0004.2 / 0133 เรื่องการประชุมคณะกรรมารนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ครั้งที่ 4/2555 โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พิจารณาให้ความเห็นชอบ กำหนดให้การประชุมดังกล่าว วันที่ 31 ส.ค. เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล หรือตามแต่จะเห็นสมควรต่อไป
ส่วนวาระสำคัญ 2 เรื่อง ได้แก่ วาระที่ 3 การดำเนินการตามมติที่ประชุม ก.ต.ช. ครั้งที่ 3 / 2555 เมื่อวันที่ 16 ก.ค. เกี่ยวกับการพัฒนาระบบงานสอบสวนและการปรับปรุงการปฏิบัติงานของสถานีตำรวจ (ผลการจัดการสัมมนาเพื่อรับฟังความคิดเห็นในการพิจารณาปรับปรุงกฎหมายกรณีเฉี่ยวชนกันให้สามารถยอมความกันได้) รวมถึงวาระที่ 4 เรื่องเพื่อพิจารณา คือ เรื่อง การพิจารณาให้ความเห็นชอบกำหนดตำแหน่งผู้ช่วยผบ.ตร. ทำหน้าที่บริหารยุทธศาสตร์ด้านงานป้องกันปราบปรามยาเสพติด และต่อต้านการก่อการร้าย.

สยองสิบล้อบรรทุกเครื่องเล่นสวนสนุกเสยเสาไฟดับ2ศพสาหัส2










เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกสิบล้อขนเครื่องเล่นสวนสนุกเคลื่อนที่พุ่งเสยเสาไฟบนเกาะกลางถนนทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บอีก 2 คน คาดคนขับเกิดหลับใน
เมื่อเวลา 03.30 น. วันที่ 17 ส.ค. พ.ต.ท.ชนาธิป ภาโนมัย พนักงานสอบสวน สภ.พระอินทร์ราชา อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งอุบัติเหตุรถบรรทุกสิบล้อขนเครื่องเล่นสวนสนุกเคลื่อนที่ชนเสาไฟฟ้า ทำให้มีเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย ที่บริเวณถนนต่างระดับบางปะอิน ถนนพหลโยธิน ช่วงกม. ที่ 1  ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา จึงรีบนำกำลังพร้อมประสานหน่วยกู้ภัยไปตรวจสอบและให้การช่วยเหลือ

ที่เกิดเหตุพบ รถบรรทุกสิบล้อ ยี่ห้อ ฮีโน สีขาว ทะเบียน 81 – 0135 ร้อยเอ็ด สภาพด้านหน้าชนอัดกับเสาไฟฟ้าส่องสว่างขนาดใหญ่บริเวณเกาะกลางถนนจนหักโค่นลงมาล้มขวางถนน ตรวจสอบภายในรถมีผู้ติดอยู่จำนวน 4 ราย เป็นชาย 3 ราย หญิง 1 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 2 ราย ทราบเพียงชื่อเล่นว่านายทัย และนายต้น ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 2 ราย ทราบชื่อ นายกฤษดา วิบูลย์กุล อายุ 18 ปี และน.ส.รัฐฏาพร แดงเทโพธิ์ อายุ 17 ปี เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้เครื่องตัดถ่างนำร่างผู้บาดเจ็บออกมาเร่งนำส่งโรงพยาบาลวังน้อย

จาการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่ารถคันบรรทุกคันนี้มีนายต้น หนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นคนขับ ก่อนเกิดเหตุกำลังขนเครื่องเล่นสวนสนุกเคลื่อนที่เพื่อที่จะไปเปิดบริการที่สถานที่จัดงานแห่งหนึ่งใน จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุคาดว่านายต้นเกิดหลับใน ทำให้รถเสียหลักพุ่งไปชนเสาไฟฟ้ากลางถนน ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว.

ตร.เร่งพิสูจน์เอกลักษณ์เหยื่อไฟไหม้คลอกสยองผับดัง 4 ศพ









ตร.เร่งพิสูจน์เอกลักษณ์เหยื่อไฟไหม้ คลอกสยองผับดัง 4 ศพ ในซอยบางลาหาดป่าตอง ภูเก็ต
จากกรณีความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ “ไทเกอร์ดิสโก้เธค” ซอยบางลา หาดป่าตอง ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ทำให้ผู้เสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บอีก 11 ราย
เมื่อวันที่ 17 ก.ค. พล.ต.ต.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต กล่าวว่า จากเหตุการณ์เพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก สิ่งที่จะต้องเร่งดำเนินการตรวจสอบ มี 2 เรื่อง คือ การสอบสวนหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ และในเบื้องต้นพบว่าก่อนเกิดเหตุมีหม้อแปลงไฟฟ้าบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุระเบิดทำให้ไฟฟ้าในพื้นที่ป่าตองดับ รวมทั้งจะต้องตรวจสอบในเรื่องของการต่อเติมอาคาร เรื่องของการใช้วัสดุต่าง ๆ และการตรวจสอบอาคารว่า จะสามารถใช้ต่อได้หรือไม่

ส่วนเรื่องที่ 2.จะต้องเร่งดำเนินการคือการตรวจสอบพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลของศพผู้เสียชีวิตทั้ง 4 ราย ว่า เป็นศพของใครบ้าง เนื่องจากขณะนี้ศพของผู้เสียชีวิตถูกไฟไหม้เกรียม ดำเป็นตอตะโกไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นใคร โดยในวันเดียวกันนี้  เจ้าหน้าที่พิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลจากกรุงเทพฯ จะเดินทางลงมายังพื้นที่ เพื่อตรวจสอบพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลโดยเร็วที่สุด

ขณะที่นางสาวกัญญาพร ขันทอง ชาวจังหวัดศรีษะเกษและเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ในครั้งนี้ กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุกำลังไปเที่ยวกับเพื่อนและมีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติอยู่ในร้านจำนวนมาก ระหว่างนั้นมีคนตะโกนบอกว่าเกิดเพลิงไหม้ แต่ไม่มีใครเชื่อ แต่หลังจากนั้นไม่นานมีควันเข้ามาทางบาร์น้ำพร้อมมีประกายไฟเกิดขึ้น จากนั้นมีหลอดไฟตกลงมากับพื้น จึงพยายามวิ่งหลบหนีออกมาด้านนอก แต่มาค้างอยู่ที่ประตูทางออก แต่โชคดีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติพากันหลบหนีออกมาได้ทัน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บนั้นเกิดจากถูกผลักตกบันใด
 
ขณะที่นายธำรงศักดิ์ บุญรักษ์ กรรมการผู้จัดการดูแลเครือไทเกอร์ กล่าวว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นในครั้งนี้คาดว่ามีมูลค่าหลายร้อยล้านบาท ส่วนตัวอาคารจะใช้ได้หรือไม่จะต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง.

จับแม่เล้าอุซเบฯลวงสาวชาติเดียวกันค้ากามในกรุง




ตำรวจปคม.แถลงข่าวจับแม่เล้าอุซเบกิสถาน 3 ราย ลวงเหยื่อหญิงสาวชาติเดียวกันค้ากามย่านซอยนานา แต่ยังปากแข็งให้การปฏิเสธ
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 17 ส.ค. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ ผบก.ปคม.  พ.ต.อ.ชิตภพ โตเหมือน ผกก.1 บก.ปคม. แถลงข่าวจับกุม นางโนติร่า นาโกดเจอีว่า อายุ 28 ปี นางโกเลีย หรือกูลโนรา บูตาอีว่า อายุ 50 ปี และ นางอาซีซ่า หรือโรบิย่า เกอโบโนว่า อายุ 52 ปี ทั้งหมดสัญชาติอุซเบกิสถาน พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ สมุดบันทึกรายรับรายจ่าย และหนังสือเดินทางประเทศอุซเบกิสถาน 2 เล่ม โดยจับกุมได้ที่โรงแรมเกรซ ถนนสุขุมวิท ซอย 3 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม.
พล.ต.ต.ชวลิต กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่สำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ ได้แจ้งเบาะแสกับทาง บก.ปคม.ว่า มีหญิงสาวชาวอุซเบกิสถาน ถูกบังคับให้ค้าประเวณี ที่โรงแรมเกรซ และในพื้นที่ย่านซอยนานา จึงเข้าตรวจสอบข้อมูล กระทั่งสามารถติดต่อกับ น.ส.ซอนย่า (นามสมมติ) ผู้เสียหาย ก่อนทราบว่าผู้เสียหายได้ถูกนางโนติร่า กับพวก หลอกว่าจะพาไปทำงานเป็นลูกจ้างตามร้านอาหารในประเทศรัสเซีย เพื่อหาเงินใช้หนี้ แต่กลับถูกพามาบังคับค้าประเวณีในประเทศไทย โดยทุกครั้งที่ถูกพาไปค้าประเวณี นางโนติร่า กับพวก จะติดตามไปด้วย โดยมีการตกลงค่าบริการทางเพศครั้งละ 2,000 บาท ซึ่งผู้เสียหายจะถูกหักเงินค่าตัวหรือยึดเงินไปทั้งหมด
พล.ต.ต.ชวลิต กล่าวอีกว่า ชุดสืบสวน กก.1 บก.ปคม. จึงเร่งสืบสวนพบว่าผู้ต้องหาจะทำหน้าที่เป็นธุระจัดหาติดต่อลูกค้าชาวตะวันออกกลาง ให้มาซื้อบริการจากผู้เสียหาย จึงรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ขออนุมัติศาลอาญากรุงเทพใต้ ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมดในข้อหา ร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป เพื่อการค้ามนุษย์ โดยแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี ก่อนจะติดตามจับกุมตัวไว้ได้ พร้อมกันนั้น เจ้าหน้าที่ได้ขยายผลเข้าตรวจค้นห้องพักเลขที่ 1901 ชั้น 19 โรงแรมออมนิ ทาวเวอร์ ถนนสุขุมวิท ซอย 4 แขวงและเขตคลองเตย ของกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งพบผู้เสียหายเพิ่มเติมอีกหลายราย พร้อมของกลางหนังสือเดินทางของผู้เสียหายที่ถูกยึดไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เสียหายหลบหนี
สอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมด ให้การปฏิเสธโดยอ้างว่าเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และไม่ได้หลอกลวงผู้เสียหายตามที่ถูกกล่าวหา ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้พาผู้เสียหายส่งไปที่บ้านเกร็ดตระการ ส่วนผู้ต้องหาทั้งหมดได้ส่งพนักงานสอบสวน บก.ปคม.รับไว้ดำเนินคดีต่อไป.

นายกฯปูรับรัฐบาลเดินตามหลังโจรใต้ รู้การข่าวแต่ป้องกันไม่ได้


ที่วัดบัวแก้วศรัทธาธรรม เขตคลองสามวา เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 17 ส.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า  ได้สั่งการศูนย์ปฏิบัติขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) รวบรวมข้อมูลและติดตามสถานการณ์ รวมทั้งได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจลงไปดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดแล้ว
 
เมื่อถามว่าวันนี้ดูเหมือนเรารู้การข่าวว่าจะเกิดอะไร แต่กลับไม่สามารถป้องกันได้ นายกรัฐมนตรี กล่าวยอมรับว่า การปฏิบัติต่าง ๆ จะคงต้องทำให้รวดเร็วกว่านี้ รวมทั้งทำเรื่องของระบบป้องกัน เพราะทุกวันนี้เราอยู่ในลักษณะของการตามหลัง ดังนั้น จะต้องทำเรื่องระบบป้องกันให้ดี ขณะเดียวกันจะต้องช่วยกัน เพราะปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นต่อเนื่อง การให้ข้อมูลต่าง ๆ ก็ต้องระมัดระวัง เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน บางครั้งให้ข้อมูลไปไม่ถูกอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้.

“ปริญญา”เผยนศ.ชายแต่งหญิงเข้ารับปริญญาไม่ใช่เรื่องใหม่


เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่โรงแรมเซ็นทรา คอนเวนชันเซ็นเตอร์ นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงกรณีที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อนุญาตให้นายบารมี พาณิช (เด่นจันทร์) นักศึกษาชาย แต่งกายเป็นหญิงเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เนื่องจากในปีที่ผ่านมาได้มีนักศึกษามายื่นความจำนงขอแต่งกายเป็นหญิงเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรด้วยกัน 6 ราย และในปีนี้มีเพิ่มอีก 2 ราย ที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณา ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องเล็ก เพราะทางมหาวิทยาลัยไม่ได้อนุญาตเป็นการทั่วไป แต่จะพิจารณาอนุญาตเป็นรายบุคคล  ในส่วนของนายบารมีนั้น ได้มีใบรับรองแพทย์มาแสดงว่า จิตใจเป็นผู้หญิง และแพทย์ก็เห็นสมควรว่าอยู่ในวิสัยที่ควรผ่อนปรน  อีกทั้งนักศึกรายนี้ยังได้ทำหนังสือถึงสำนักพระราชวัง เพื่อขออนุญาตแล้ว ซึ่งทางสำนักพระราชวังก็ให้แนวทางว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของทางมหาวิทยาลัย ซึ่งก่อนที่ทางมหาวิทยาลัยจะอนุญาตนั้น ก็ได้กำหนดหลักเกณฑ์ไว้ว่า หากนักศึกษาผู้ชายที่ใจเป็นหญิง และต้องการที่จะแต่งกายเป็นผู้หญิงเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรนั้น  จะต้องทำหนังสือขอมาเป็นรายบุคคล รวมถึงต้องแนบใบรับรองแพทย์มาเป็นหลักฐานว่าตนมีสภาพจิตใจที่ไม่ต้องกับเพศสภาพด้วย

นายปริญญา กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นในการไม่ขานชื่อคำนำหน้าบัณฑิตนั้น เป็นเหตุผลในเรื่องของเวลามากกว่า เพราะจำนวนบัณฑิตของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีจำนวนกว่า 7,000 คน และต้องรับพระราชทานปริญญาบัตรภายในวันเดียว จึงต้องใช้ความรวดเร็วในการขานชื่อ ซึ่งอาจจะขานไม่ตรงชื่อบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าประเด็นนี้อาจจะเป็นบรรทัดฐานให้กับมหาวิทยาลัยอื่นนำไปปฏิบัตินั้น เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาแต่ละมหาวิทยาลัย

 “เรื่องนี้คนที่ได้รับอนุญาตก็อยากให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นเหมือนมหาวิทยาลัยนำร่อง ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น แต่ขอย้ำว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของแต่ละมหาวิทยาลัยในการพิจารณา ทั้งนี้ผมเห็นว่าในสังคมของเรามีเรื่องที่ต้องช่วยกันและแก้ไข ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะต้องช่วยกันพิจารณา เรื่องนี้เปรียบเทียบได้กับนักศึกษาที่ต้องนั่งรถเข็นขึ้นรับพระราชทานปริญญาบัตร ทางมหาวิทยาลัยก็ต้องจัดกระบวนการในการเข้ารับเป็นพิเศษ ก็เช่นเดียวกับนักศึกษาชายขอแต่งกายเป็นหญิง เราก็จะพิจารณาเป็นรายๆไป อย่างไรก็ตามในทางกลับกันหากมีนักศึกษาหญิงยื่นขอแต่งกายเป็นชาย ทางมหาวิทยาลัยต้องพิจารณาเช่นเดียวกัน”นายปริญญา กล่าว

“บิ๊กอ๊อด"แฉคาร์บอมบ์ที่ปัตตานีฝีมือเครือข่ายเดิม“ธรรมาวิทยามูลนิธิ-วัฒนธรรมอิสลาม”



เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล  พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังการหารือกับหน่วยงานด้านความมั่นคง ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์ขอให้ทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนจากข่าวที่ว่านายกรัฐมนตรีไม่พอใจการจัดทำแผนงานของศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) ซึ่งที่จริงแล้ว นายกรัฐมนตรีบอกว่า แผนการปฏิบัติที่ถูกส่งมานั้น เป็นแผนปฏิบัติงานปกติของกระทรวงที่เกี่ยวข้อง 17 กระทรวง แต่ไม่ใช่แผนแก้ไขปัญหา จึงขอให้กลับไปปรับปรุงเป็นแผนยุทธศาสตร์ร่วมของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จึงต้องมีการจัดลำดับความเร่งด่วนของแผนแต่ละกระทรวง ตรงกับการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้แล้วส่งไปยังกปต.หรือเลขาธิการสมช.เพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรี สำหรับโครงสร้างระบบการทำงานของศปก.กปต.ได้ถูกจัดทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยเป็นการปรับการทำงานที่ไม่มีความซ้ำซ้อน แต่มีการประสานการทำงานและตอบสนองต่อปัญหาลักษณะวันต่อวัน เน้นงานด้านการข่าวที่เป็นเอกภาพ ทั้งนี้ตนจะลงนามในเย็นวันเดียวกันนี้(17 ส.ค.) แล้วเสนอต่อนายกรัฐมนตรีลงนามอนุมัติต่อไป

พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวอีกว่า เมื่อมีการอนุมัติโครงสร้างนี้แล้ว จะเริ่มปฏิบัติงานได้ทันที โดยใช้พื้นที่ของตึกสมช. ทั้งนี้ยังไม่มีการกำหนดตัวบุคคลมาทำหน้าที่เลขานุการศูนย์นี้ แต่รองเลขานุการ มี 3 คนจาก สมช. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ส่วนการรวมข่าวและติดตามสถานการณ์นั้น เจ้าหน้าที่จากศูนย์ปฏิบัติการของกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และตำรวจ จะมาทำงานร่วมกันที่สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ(สขช.) เพื่อทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์แบบวันต่อวัน ตลอด 24 ชั่วโมง แล้วส่งข่าวมารวมกันเพื่อให้ทุกคนได้รับทราบข้อมูล และหน่วยงานปฏิบัติสามารถนำข่าวตรงนี้ไปใช้ในการแก้ปัญหานี้ได้ง่ายขึ้น

ทั้งนี้เชื่อว่าภายใน 1-2 เดือนนี้ จะเห็นผลความรุนแรงจะค่อย ๆ ลดลง และเห็นภาพของปัญหาที่ชัดขึ้น ขณะเดียวกันในช่วงเวลาเดียวนี้จะมีการปรับตัวบุคลากรในการทำงาน โดยให้อิสระในการคัดเลือกทีมงานแล้ว เช่น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีสิทธิ์เลือกผู้ใต้บังคับบัญชามาทำงาน ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเลือกนายอำเภอ รวมถึงให้อำนาจแก่แม่ทัพภาคที่ 4 เลือกคนทำงานเช่นกัน และถ้าคัดเลือกมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ผู้บังคับบัญชาจะถูกพิจารณาเป็นคนแรก

ส่วนเหตุคาร์บอมบ์ที่ลานจอดรถหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลปะนาเระ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีขอให้ตนลงไปทำงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง อีกทั้งยังแสดงความห่วงใยเรื่องนี้ และสอบถามถึงจุดอ่อนที่ต้องได้รับการแก้ไข  ทั้งนี้ ผู้ก่อเหตุวางระเบิดในช่วงที่ไม่มีการสูญเสีย เพราะเขาไม่ต้องการให้มีการเสียชีวิต เนื่องจากมีญาติพี่น้องของเขาทำงานอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ อย่างไรก็ตาม ได้โทรศัพท์พูดคุยกับพล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ถึงสิ่งที่ต้องทำเพิ่มเติม ตลอดจนการย้ำเตือนให้พูดคุยกับกำลังตำรวจและเจ้าหน้าที่พลเรือนในพื้นที่ว่าต้องมีการตรวจตราเข้มงวดมากขึ้น เพราะรถที่ถูกใช้ทำระเบิดครั้งนี้เป็นรถที่เรากำลังตามหาถูกปล้นมาจากจ.ยะลา และป้ายทะเบียนติดอยู่ด้านหน้ากับด้านหลังรถเป็นคนละป้าย
 
อีกทั้งเป็นรถคันเดียวกับที่ใช้ในเหตุการณ์ไล่ยิงทหาร 4 นาย อย่างไรก็ตาม ได้พูดคุยกับฝ่ายตำรวจแล้วว่าต่อไปนี้ขอให้มีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบยานพาหนะที่เข้า-ออกสถานที่ราชการต่าง ๆ ของพลเรือน เช่น ที่ว่าการอำเภอ สำนักงานเทศบาล เป็นต้น เพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าหมายที่อ่อนแอจนถูกฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ความรุนแรง เพราะที่ผ่านมาไม่มีตรวจตรา ผู้ก่อเหตุจึงเข้าไปได้ในฐานะผู้เข้ามาติดต่องาน นอกจากนี้พบว่าผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ของเครือข่ายเดิมของโรงเรียนธรรมาวิทยามูลนิธิ และโรงเรียนวัฒนธรรมอิสลาม ร่วมมือกัน และอยู่ระหว่างการติดตามตัวผู้ก่อเหตุอยู่และคาดว่าคงใช้เวลาไม่นานจะสามารถจับกุมตัวไว้ได้.

“ขุนค้อน”สั่งรัฐบาลส่งเอกสารงบฯให้ฝ่ายค้าน


เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2556 ในวาระ 2  ก่อนจะเริ่มพิจารณาในมาตรา 10  กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จำนวน 10,516 หมื่นล้านบาท
ปรากฎว่านายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน ได้หารือในที่ประชุมพร้อมทั้งทวงถามเอกสารรายละเอียดงบประมาณ ที่ได้ขอไปตั้งแต่การพิจารณางบประมาณวันแรกคือวันที่ 15 ส.ค. ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับ โดยเอกสารที่ขอไปมี 2  ชุด คือ 1.เอกสารแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในปี 55 จำนวน 1.2 แสนล้านบาท ที่นายกรัฐมนตรีมาขอเงินจากสภาเป็นแค่ตัวเลขไม่มีรายละเอียด  ซึ่งเราจะมาตรวจสอบว่านำเงินไปใช้อะไรบ้าง และ 2. งบกลาง ฉุกเฉินจำเป็นเร่งด่วน 6.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งรัฐบาลบอกว่าใช้ไปแล้ว 3 หมื่นล้าน ก็อยากทราบว่าเอาไปใช้อะไรบ้าง

“วันนี้เราได้เอกสารมาแค่ครึ่งเดียวแต่ไม่ได้มีการบอกว่านำเงินไปใช้อะไรบ้าง ไม่มีการลงลึกไปในรายละเอียด หากรัฐบาลไม่สามารถนำมาแสดงได้  ก็ขอตั้งข้อกล่าวหาว่าเรียกหัวคิว 35% เป็นความจริงทำให้รัฐบาลกลัวไม่กล้าแจกเอกสารและมีเจตนาหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ”นายจุรินทร์ กล่าวย้ำ
ด้านนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กรรมาธิการฯพรรคเพื่อไทย ชี้แจงว่า สำนักงบประมาณได้ส่งเอกสารในภาพรวมของงบน้ำท่วมหมดแล้ว จำนวน 612 ชิ้น คิดเป็นร้อยละ 63 จากทั้งหมด 917 ชิ้น ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยอยู่ที่หน่วยงานต่าง ๆ  จะทยอยส่งให้ต่อไป ส่วนรายละเอียดลึกๆ ได้ส่งให้กมธ.งบประมาณหมดแล้ว ซึ่งอยู่ในกล่องงบประมาณของพวกท่าน โดยขณะนี้หน่วยงานต่างๆ ก็จะทยอยส่งเอกสารมาให้ หากได้เอกสารมาถึงมือตนเมื่อไหร่ จะมอบให้ประธานวิปฝ่ายค้านทันที

ขณะที่ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯ ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมได้พยายามไกล่เกลี่ยโดยขอร้องให้นายวรวัจน์รวบรวมเอกสารดังกล่าวและทยอยมอบให้สมาชิกเพื่อให้การประชุมเดินหน้าต่อไป

จ่ายแล้วเงินเยียวยาเหยื่อไฟใต้วงเงินเกือบ500ล้าน


เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่ห้องประชุมศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) อ.เมือง จ.ยะลา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. ได้เป็นประธานในพิธีมอบเงินเยียวยาแก่ทายาทผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2547 กรณีมัสยิดกรือเซ๊ะ และกรณีสะบ้าย้อย และเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2547 โดยมีประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสงขลา รวมทั้งผู้นำศาสนาอิสลาม เข้าร่วมในพิธี

ทั้งนี้ทางศอ.บต. ได้ตรวจสอบข้อมูลทายาทของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว จึงได้อนุมัติจ่ายเงินช่วยเหลือให้แก่ทายาทของผู้เสียชีวิตกรณีเหตุการณ์ที่มัสยิดกรือเซะ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตรวม 34 ราย แบ่งเป็นประชาชน 31 ราย และเจ้าหน้าที่รัฐ 3 ราย จ่ายเงินเยียวยา รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 84,661,500 บาท

ส่วนกรณีเหตุการณ์ที่ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา มีผู้เสียชีวิต 19 ราย จ่ายเงินเยียวยา รวมเป็นเงิน 66,500,000 บาท และกรณี อ.ตากใบ จ.นราธิวาส มีผู้เสียชีวิต 85 ราย จ่ายเงินเยียวยารวมเป็นเงิน 297,500,000 บาท  ทั้งนี้ทั้ง 3 เหตุการณ์มีทายาทของผู้เสียชีวิตขอรับเงินเยียวยารวม 422 ราย เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 449,661,500 บาท

นายสาและ มามะ อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61 หมู่ 7ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส  เปิดเผยว่า เดินทางมาจาก อ.ตากใบ เพื่อมารับเงินเยียวยาหลังลูกชายเสียชีวิตจากเหตุการณ์ตากใบเมื่อ 8 ปีที่ผ่านมา รู้สึกดีใจเนื่องจากรัฐบาลได้ช่วยเหลือเรื่องเยียวยาพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ รู้สึกพอใจสำหรับเงินที่ได้รับจำนวน 7.5 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ก็จะนำไปเป็นทุนการศึกษาของหลาน 2 คน ที่เรียนอยู่ที่ อ.ตากใบ และ อ.เมือง นราธิวาส
 
ด้านนายมะเผาซี มะลี อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41/4หมู่ 2 ต.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา ซึ่งได้รับผลกระทบจากการควบคุมตาม พรก.ฉุกเฉิน  เปิดเผยว่า ตนได้รับผลกระทบจากการควบคุมตัวจากเจ้าหน้าที่ หลังจากเกิดเหตุความไม่สงบในพื้นที่ ซึ่งในขณะที่ถูกควบคุมตัวนั้น ฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็ดูแลดี แต่รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมกับกรณีดังกล่าว เพราะไม่ได้กระทำความผิด แต่ในวันนี้เมื่อทางรัฐบาลจะมอบเงินเยียวยาให้ ก็ต้องขอขอบคุณรัฐบาลที่ให้การช่วยเหลือ
 
ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวกับผู้ได้รับผลกระทบที่มารับเงินเยียวยาว่า การมอบเงินเยียวยาในครั้งนี้ไม่ใช่ความสำเร็จ เพราะทุกคนเป็นผู้สูญเสีย แต่วันนี้เป็นวันหนึ่งที่ต้องการคืนเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ให้กับพี่น้องทุกคนรวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐที่ได้รับผลกระทบ ตนเชื่อว่าการเปลี่ยนผ่านจากความรุนแรงไปสู่สันติวิธี ไม่มีอะไรดีไปกว่าการฟื้นฟูเยียวยา และการให้ความเป็นธรรมกับทุกคน

คุณยายดวงเฮงถูกหวยที่1รับ8ล้านเป็นเศรษฐีในพริบตา




คุณยายขายกาแฟดวงเฮง ถูกลอตเตอรี่ที่1รับทรัพย์8ล้านเป็นเศรษฐีในพริบตา เผยฝันดีจับปลาไม่ยอมหมด
เมื่อเวลา 14.00น. วันที่17 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรับแจ้งว่ามีคนถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 จำนวน 2คู่ เป็นเงิน 8 ล้านบาท อาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่77 บ้านห้วยค้อ หมู่ 2 ต.หนองแวงนางเบ้า อ.พล จ.ขอนแก่น จึงเดินทางไปตรวจสอบและทราบว่าผู้โชคดีรายนี้มี เปิดเป็นร้านขายยากาแฟ ทราบชื่อ คุณยายแฉล้ม มะลิ  อายุ 78 ปี และขณะนี้ไม่อยู่เดินทางไปขึ้นเงินกับกองสลากตั้งแต่ช่วงเช้ามืดวันเดียวกันนี้แล้ว
จากการสอบถามนางหนู สายอินทร์ อายุ 64 ปี เพื่อนบ้านคนสนิทของคุณยายแฉล้ม เปิดเผยว่า คุณยายแฉล้ม เป็นเพื่อนสนิทและเคยเล่าสู่ฟังก่อนถูกลอตเตอรี่รางวัลที่1 ว่า ในวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา มีคนขับขี่รถ จยย.มาเร่ขายลอตเตอรี่ที่บ้าน  จึงซื้อลอตเตอรี่หมายเลข 683877 ไว้ 2 ฉบับ เนื่องจากเคย ฝันว่าไปจับปลาในหนองน้ำและได้ปลาเป็นจำนวนมาก จนจับไม่หมด  และคิดว่างวดนี้น่าจะมีโชคใหญ่อย่างแน่นอน ขณะที่ชาวบ้านทราบข่าวจึงพากันซื้อหวยเลขท้าย 2 ตัว 77 ถูกหวยรวยทรัพท์ไปตามกัน ๆ อีกด้วย.

อุตฯเผยยอดผลิตรถยนต์-ส่งออกทุบสถิติ


นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในเดือน ก.ค. 55 ค่ายรถยนต์ไทยสามารถผลิตรถยนต์  ส่งออกรถยนต์ และ ขายรถยนต์ในประเทศในปริมาณที่สูงสุดในประวัติการณ์อีกครั้ง เนื่องจากความต้องการรถยนต์ทั้งในและต่างประเทศมีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะยอดจองรถยนต์ในนโยบายรถคันแรกของรัฐบาล และกรณีที่รถยนต์รุ่นต่างๆ ที่ค้างในช่วงน้ำท่วมปีที่ผ่านมาทำให้ผู้ประกอบต้องเร่งการผลิตเพื่อส่งมอบลูกค้าให้เร็วที่สุด

  สำหรับยอดผลิตในเดือน ก.ค. อยู่ที่ 212,727 คัน เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 44.48% แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 88,837 คัน เพิ่ม76.95% , รถกระบะ 1 ตัน  120,380 คัน เพิ่ม 26.74%, รถยนต์โดยสารมากกว่า 10 ตัน  66 คัน เพิ่ม 50% , รถบรรทุก 3,444 คัน เพิ่ม 72.03%  และเมื่อรวมยอดการผลิต 7 เดือนของปี 55 (ม.ค. –ก.ค.)  อยู่ที่  1.27 ล้านคัน เพิ่ม 32.63% แบ่งเป็น รถยนต์นั่ง 446,132 คัน เพิ่ม 27.22%, รถกระบะ 1 ตัน 800,295 คัน เพิ่ม 34.62%, รถยนต์โดยสารมากกว่า 10 ตัน 253 คัน ลดลง 15.95%, รถบรรทุก 5-10 ตัน  23,685 คัน เพิ่ม 91.47%

  ส่วนยอดขายในประเทศเดือน ก.ค. อยู่ที่ 131,646 คัน เพิ่ม 80.6% แบ่งเป็น รถยนต์นั่ง 64,430 คัน เพิ่ม 99.6%, รถยนต์นั่งตรวจการณ์ 1,538 คัน เพิ่ม 58.6%, รถกระบะ 58,868 คัน เพิ่ม 68.1%, รถบรรทุก 3,464 คัน เพิ่ม 67.22%, รถยนต์อื่นๆ 3,346 คัน เพิ่ม 30.6%  และเมื่อรวม 7 เดือนของปี (ม.ค.- ก.ค.) จำนวน 738,189 คัน เพิ่ม 46.2% แบ่งเป็น รถยนต์นั่ง 321,940 คัน เพิ่ม 42.6%, รถยนต์นั่งตรวจการณ์ 10,065 คัน เพิ่ม 26.6%,  รถกระบะ 364,161 คัน เพิ่ม 51.8%, รถบรรทุก 20,574 คัน เพิ่ม 35.21% และ อื่นๆ อีก 21,449 คัน เพิ่ม 33.28%

  ขณะที่ยอดส่งออกเดือน ก.ค. อยู่ที่ 94,838 คัน เพิ่ม 25.11%  โดยมีมูลค่า 46,337 ล้านบาท เพิ่ม 37.02%  เมื่อรวมยอดส่งออก 7 เดือน อยู่ที่ 551,707 คัน เพิ่ม 15.73% มูลค่า 390,529 ล้านบาท เพิ่ม 23.38%

  นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ผลการของการผลิตรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากทำให้ ส.อ.ท. ร่วมกับค่ายรถยนต์ จะจัดงานฉลองยอการผลิตรถยนต์ 2 ล้านคัน ในเดือน พ.ย. 55 ที่เมืองทองธานี โดยมี น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน

กบง.สั่งอุดหนุนดีเซล60สตางค์



  นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์  รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เห็นชอบให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลลิตรละ 60 สต. ตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค. 55 เป็นต้นไป เพื่อตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลที่ 29.99 บาทต่อลิตร หลังจากที่ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง   เพราะว่าผู้ผลิตสินค้ายืนยันกับรัฐบาลว่าหากตรึงดีเซลในอัตราดังกล่าวจะไม่ปรับราคาสินค้าแน่นอน
 
  "การอุดหนุนน้ำมันดีมีความจำเป็นเพราะค่าการตลาดล่าสุดของดีเซลเหลือเพียง 40 สต.ต่อลิตร ดังนั้นต้องใช้เงินกองทุนน้ำมันฯอุดหนุนให้ค่าการตลาดอยู่ที่ 1 บาทต่อลิตร ไม่เช่นนั้นผู้ประกอบการปั๊มน้ำมันจะลำบาก เพราะค่าการตลาดที่เหมาะสมจริงๆเฉลี่ย 1.50-1.80 บาทต่อลิตร"
 
  ขณะเดียวกันที่ประชุม กบง. ยังเห็นชอบให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับน้ำมันกลุ่มน้ำมันเบนซิน และน้ำมันแก๊สโซฮอลทุกชนิดอีก 50 สต.ต่อลิตร ยกเว้นน้ำมันแก๊สโซฮอล อี 85 คงอัตราเดิม ซึ่งส่งผลให้น้ำมันเบนซิน 95 เดิมเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ จาก 6.50 บาทต่อลิตร เหลือ 6 บาทต่อลิตร,  เบนซิน 91 เดิมเก็บ 5.20 บาทต่อลิตร ลดเหลือ 4.70 บาทต่อลิตร, แก๊สโซฮอล 95 เดิมเก็บ 1.30 บาทต่อลิตร เหลือ 80 สต.ลิตร,  แก๊สโซฮอล 91 เดิมได้รับการสนับสนุนจากกองทุนฯ 1 บาทต่อลิตร เพิ่มเป็น 1.50 บาทต่อลิตร และอี 20  เดิมได้รับสนับสนุน 1.30 บาทต่อลิตร เป็น 1.80 บาทต่อลิตร ส่วน อี  85 คงที่สนับสนุนที่ 12.70 บาทต่อลิตร
 
  “การอุดหนุนดีเซลและการลดการนำเงินเข้ากองทุนในกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายรับลดลงเป็นเท่าตัว จากเดิมติดลบ 37 ล้านบาทวัน เป็นติดลบ 79 ล้านบาทต่อวัน หรือราว 2,370 บาทต่อเดือน จากฐานะกองทุนน้ำมันฯ ที่ปัจจุบัน ติดลบอยู่ที่ 14,430 ล้านบาท”
 

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More

 
Design Downloaded from Free Blogger Templates Download | free website templates downloads | Vector Graphics | Web Design Resources Download.