ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ 083-792-5426

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured post 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามตำแหง บางกะปิ 083-792-5426

วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ศาลสูงสุดสหรัฐเห็นชอบนโยบาย “โอบามาแคร์”





ศาลสูงมะกันเห็นชอบกฎหมายปฏิรูประบบประกันสุขภาพ ส่งผลให้คะแนนนิยมโอบามาพุ่งกระฉูด
วันนี้ ( 29 มิ.ย. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกาว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา กล่าวยกย่องมติของศาลสูงสุดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ที่ให้ความเห็นชอบในกฎหมายปฏิรูประบบประกันสุขภาพของเขา หรือที่รู้จักกันในชื่อ “โอบามาแคร์”  ว่าถือเป็น “ชัยชนะ” ครั้งยิ่งใหญ่สำหรับชาวอเมริกัน พร้อมทั้งเรียกร้องให้ฝ่ายค้านเปลี่ยนเจตนารมณ์หันมาให้การสนับสนุน


คำกล่าวของนายโอบามามีขึ้น ภายหลังศาลสูงสุดมีคำวินิจฉัยชี้ขาดว่านโยบายดังกล่าว ที่ต้องการให้มีการขยายระบบประกันสุขภาพให้ครอบคลุมพลเมืองชาวอเมริกันอีก 32 ล้านคน ไม่ขัดต่อกฎหมาย ทำให้หลายฝ่ายคาดว่า การเห็นชอบของศาลสูงสุดจะส่งผลให้นายโอบามาได้รับความนิยม และความได้เปรียบเพิ่มมากขึ้นในศึกเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีปลายปีนี้



อย่างไรก็ตาม พรรครีพับลิกันยังคงยืนกรานต่อต้านกฎหมายฉบับนี้ โดยอ้างว่าเป็นการบังคับให้ประชาชนต้องซื้อประกันสุขภาพ ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิพลเมือง ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะทำการลงมติในเรื่องนี้อีกครั้ง วันที่ 11 ก.ค. นี้

“ซูจี”ลั่นพร้อมเป็นผู้นำพม่า






นางอองซาน ซูจี ผู้นำพรรคฝ่ายค้านของพม่าประกาศชัดพร้อมเป็นผู้นำพม่า หากมีโอกาส ชี้อีก3ปีจะเป็นตัวตัดสินว่า อนาคตของพม่าจะเดินไปในทิศทางใด
วันนี้ ( 29 มิ.ย. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสว่า นางออง ซาน ซูจี ผู้นำพรรคฝ่ายค้านของพม่า และเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2534 กล่าวหลังเสร็จสิ้นการเดินทางเยือนทวีปยุโรป เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า พร้อมดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศในอนาคต หากได้รับโอกาส


นางซูจียอมรับว่า แม้เธอจะไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ตลอดเวลา แต่ในฐานะหัวหน้าพรรคการเมือง จึงเป็นธรรมดาที่ควรจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ เพื่อรับโอกาสในกระบวนการประชาธิปไตยที่อาจมาเยือนโดยไม่รู้ตัว


ทั้งนี้ พม่ากำลังจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2558 และแน่นอนว่าพรรคสันนิบาติแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย ( เอ็นแอลดี ) จะต้องส่งผู้สมัครลงชิงชัย และนางซูจียืนยันว่า พรรคของเธอจะต้องเตรียมพร้อมตั้งแต่วินาทีนี้ แต่ผลการเลือกตั้งในอีก 3 ปีจะเป็นตัวตัดสินว่า อนาคตของพม่าจะเดินไปในทิศทางใด


ขณะที่ตามกำหนดการ นางซูจี จะเดินทางกลับถึงพม่าในวันนี้ หลังเสร็จสิ้นภารกิจเดินทางเยือนทวีปยุโรปนาน 2 สัปดาห์ ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอร์แลนด์ อังกฤษ และฝรั่งเศส ขณะเดียวกันได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและล้นหลาม จากบรรดาผู้นำของแต่ละประเทศ และประชาชนที่พากันมาเฝ้ารอเพื่อที่จะได้พบเธอ

ช็อก"ทอมครูซ-เคธีโฮล์มส์"เตียงหักแยกทางกันแล้ว





ทอม ครูซ พระเอกดาราดังระดับซูเปอร์สตาร์ ของวงการบันเทิงฮอลลีวู้ดสหรัฐ มีอันต้องแยกทางหย่าขาดจาก เคที โฮล์มส ภรรยาดาราสาวชาวอเมริกัน หลังแต่งงานอยู่กินนาน 5 ปี
วันนี้ (30 มิ.ย.) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากนครลอสแองเจลีส ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่า คู่รักดาราดังของวงการบันเทิงฮอลลีวู้ด ทอม ครูซ – เคที โฮล์มส ยื่นฟ้องหย่า แยกทางกันเดินแล้ว หลังจากแต่งงานใช้ชีวิตคู่มานาน 5 ปี โดยรายงานของนิตยสาร พีเพิ่ล เมื่อวันศุกร์ ระบุว่า ครูซและโฮล์มส์กำลังฟ้องหย่าขาดจากกัน และทนายความของโฮล์มสเผยว่า โฮล์มส์วัย 33 ปี ต้องการความเป็นส่วนตัวสำหรับเธอและครอบครัวของเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เธอไม่ต้องการให้เรื่องนี้กระทบกระเทือนจิตใจลูกสาว

ครูซ ซึ่งจะมีอายุครบ 50 ปีในวันอังคาร (3 ก.ค.) เข้าพิธีสมรสกับโฮล์มส์ เมื่อเดือน พ.ย. 2549 ซึ่งเป็นการแต่งงานครั้งแรกของโฮล์มส์ และครั้งที่ 3 ของครูซ หลังการหย่ากับภรรยา 2 คนแรก คือ มีมี โรเจอร์ส และ นิโคล คิดแมน  และจนถึงปัจจุบันครูซและโอล์มส์มีพยานรักด้วยกัน 1 คนคือ ซูรี ลูกสาววัย 6 ขวบ.

ผู้นำใหม่ของฮ่องกงสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง





ผู้นำสูงสุดของเขตปกครองพิเศษฮ่องกงคนใหม่ ได้เข้าพิธีสาบานตนเพื่อรับตำแหน่งเป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันนี้ ต่อหน้าประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ของจีน และ แขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมในพิธี 2,300 คน
วันที่ 1 ก.ค. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ว่า นายเหลียง เจิ้น-อิง ที่ปรึกษาด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ผู้มีฐานะมั่งคั่งระดับเศรษฐี และยังเป็นผู้ใกล้ชิดกับผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้สาบานตนเข้ารับตำแหน่งผู้นำสูงสุดของฮ่องกงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นายเหลียง เจิ้น-อิง วัย 57 ปี กล่าวในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ที่หอประชุมใหญ่ริมอ่าวฮ่องกง ต่อหน้าประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ของจีน และ แขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมในพิธี 2,300 คนว่า จะปกป้องฮ่องกงด้วยกฎหมายพื้นฐาน ซึ่งคล้ายกับธรรมนูญในการปกครองฮ่องกง ซึ่งเป็นเขตบริหารพิเศษของจีน ภายใต้หลักการ หนึ่งประเทศ สองระบบ

สำหรับพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของเขตบริหารมีขึ้นในวันนี้ ซึ่งเป็นวันครบรอบ 15 ปีของการส่งมอบอำนาจฮ่องกงให้กลับไปอยู่ภายใต้การปกครองของจีน ส่วนนายเหลียง เจิ้น-อิง ได้รับเลือกจากคณะกรรมการซึ่งสนับสนุนรัฐบาลจีน เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาให้เป็นผู้นำคนใหม่ของฮ่องกง แต่เขาก็เคยถูกกล่าวหาว่า เป็นสมาชิกใต้ดินของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งเขาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง และภารกิจสำคัญในการรับหน้าที่ผู้นำสูงสุดของฮ่องกงในขณะนี้ก็คือ ดูแลความเป็นอยู่ของประชาชน 7 ล้านคน ซึ่งมีเสียงร้องเรียนเพิ่มมากขึ้นว่า ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนมีมากขึ้นและราคาอสังหาริมทรัพย์ก็สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง.

หุ้นไทยทะยานปิดบวก 14.89 จุด





ตามแรงซื้อเก็งกำไรหุ้นกลุ่มแบงก์-พลังงาน ลุ้นผลประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นไทย วันที่ 27 มิ.ย. ดัชนีแกว่งตัวในแดนบวกได้อย่างคึกคักตลอดทั้งวัน ตามตลาดหุ้นต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยระหว่างวันดัชนีทะยานขึ้นสูงสุดที่ 1,167.12 จุด ลดลงต่ำสุดที่ 1,156.53 จุด จนมาปิดตลาดที่ 1,165.98จุด เพิ่มขึ้น 14.89 จุด หรือ 1.29% มูลค่าซื้อขาย 31,347.82 ล้านบาท ส่วนตลาดเอ็มเอไอ ปิดที่ 290.84 จุด เพิ่มขึ้น 1.56 จุด มูลค่าซื้อขาย 444.79 ล้านบาท

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก
1.ธ.ไทยพาณิชย์ ปิดที่ 145.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท
2. ธ.กสิกรไทย ปิดที่ 164.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
3. อินทัช ปิดที่ 59.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
4. เอไอเอส ปิดที่ 182.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.50 บาท
5. ปตท. ปิดที่ 316.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผอ.ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส มองว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นได้แรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ น่าจะมาจากการทำราคาก่อนปิดงวดบัญชี รวมถึงเก็งกำไรผลการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปที่จะมีขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์นี้ ส่วนแนวโน้มวันที่ 28 มิ.ย.นี้ มองว่า ดัชนียังแกว่งตัวผันผวน มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง โดยต้องติดตามผลการประชุมสุดยอดผู้นำยุโรปว่าจะออกมาอย่างไร เนื่องจากจะเป็นตัวเปลี่ยนทิศทางของตลาดได้ ซึ่งประเมินแนวรับที่ 1,150 จุด และแนวต้าน 1,180 จุด ด้านกลยุทธ์ แนะนำถือหุ้น 50% ของพอร์ต หรือเก็งกำไรในระยะสั้นๆ โดยเทขายเมื่อดัชนีเพิ่มขึ้น และซื้อเมื่ออ่อนตัว.

"ครม.เศรษฐกิจ" มั่นใจเอาอยู่วิกฤติ "ยูโรโซน"





"ครม.เศรษฐกิจ" มั่นใจเอาอยู่ เชื่อ "วิกฤติยูโรโซน" ไม่กระทบ ธ.พาณิชย์ไทย ห่วงอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มอาจโดนหางเลข
วันที่ 27 มิ.ย. นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงคลัง เปิดเผยว่า ในการประชุม ครม.เศรษฐกิจ ที่มีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เป็นประธาน ได้หารือร่วมกับ 9 กระทรวงเศรษฐกิจ ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงวิกฤติการณ์ทางการเงินในกลุ่มสหภาพยุโรปที่เกิดขึ้น รวมทั้งประเมินแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และให้แต่ละหน่วยงานติดตามผลกระทบอย่างใกล้ชิด โดยขณะนี้จะยังไม่ออกมาตรการใด ๆ เพิ่มเติม แต่จะเน้นในเรื่องการติดตามผลกระทบ และมองผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พร้อมทั้งเตรียมการรับมืออย่างรอบคอบ ขณะเดียวกันยังยืนยันคงเป้าหมายจีดีพีเศรษฐกิจไทยปีนี้ที่ 5.5-6.5%

ทั้งนี้ที่ประชุมได้หารือถึงกรณีของประเทศไซปรัสที่เป็นประเทศล่าสุดในลำดับที่ 5 ที่ขอรับความช่วยเหลือทางการเงินจากสหภาพยุโรป โดยเห็นว่าอาจมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจยุโรปไม่มากนัก และเชื่อว่ายุโรปจะแก้ปัญหาได้  ส่วนกรณีที่บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือได้ปรับลดเครดิตของธนาคารขนาดใหญ่ทั่วโลกลง 15 แห่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นจะไม่มีผลกระทบต่อธนาคารพาณิชย์ของไทย เนื่องจากความเชื่อมโยงของธนาคารพาณิชย์ไทยกับกลุ่มยุโรปมีน้อย

ส่วนภาคการส่งออกนั้น ที่ประชุมวิเคราะห์ว่า ขณะนี้อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และการผลิตรถยนต์ ช่วงเดือน เม.ย. 55 ได้กลับมาผลิตได้เต็มกำลังการผลิตแล้ว เห็นได้จากยอดการส่งออกที่เพิ่มมากขึ้น แต่ยังมีปัญหาในภาคอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มที่ส่งออกไปยังยุโรป เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่มีการจ้างแรงงานจำนวนมาก

ประกาศใช้ราคาประเมินที่ดินใหม่1ก.ค.นี้





ย่านสีลมมีราคาแพงที่สุดตารางวาละ 850,000 บาท ส่วนต่างจังหวัดแพงสุดอยู่หาดใหญ่ตารางวาละ 400,000 บาท ต่ำสุดตารางวาละ 10 บาท ในอ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี
เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. นายนริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่ากรมธนารักษ์ประกาศใช้ราคาประเมินที่ดินทั่วประเทศ โดยได้แจ้งให้ทุกจังหวัด ดำเนินการประกาศบัญชีราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดิน และบัญชีกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์โรงเรือนสิ่งปลูกสร้าง รอบบัญชีปี พ.ศ.             2555-2558       ให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ค.55 เป็นต้นไป

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ กรมธนารักษ์ได้เลื่อนบังคับใช้ราคาประเมินที่ดินใหม่ 6 เดือน จากเดิมที่จะต้องเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 55 ที่ผ่านมา เพราะปลายปีที่แล้วเกิดปัญหาน้ำท่วมหลายจังหวัดรวมทั้งกรุงเทพฯ จึงเกรงว่า ราคาที่ดินที่ถูกน้ำท่วมอาจจะปรับเปลี่ยนไป คณะกรรมการกำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์จึงได้มีมติให้ขยายเวลาการใช้บัญชีดังกล่าวออกไปอีก 6 เดือน เพื่อประเมินราคาใหม่ โดยราคาประเมินที่ดินใหม่ที่ประกาศใช้นี้ เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 21.34%  ที่ดินในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 17.13% ส่วนที่ดินต่างจังหวัดเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 21.40%

ทั้งนี้ ราคาประเมินที่ดินสูงสุดของประเทศ ยังเป็นถนนสีลมตารางวาละ 850,000 บาท เพิ่มขึ้นจาก 650,000 บาท รองลงมาเป็นถนนราชดำริ ตารางวาละ 800,000 บาท เพิ่มจาก 350,000-430,000 ขณะที่ต่างจังหวัดราคาที่ดินแพงที่สุด อยู่ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ตารางวาละ 400,000 บาท ส่วนราคาที่ดินต่ำสุดตารางวาละ 10 บาท อยู่ที่ อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี และจ.เชียงใหม่ ในอ.ดอยหล่อ และอ.แม่แจ่ม

ม็อบบินไทยขีดเส้น 7 วันลุกฮือ หากไม่แจงปลดปิยสวัสดิ์





สหภาพบินไทยขู่ 7 วันไม่ได้คำตอบชี้แจง 8 ข้อเกี่ยวกับการบริหารองค์กร จะยกระดับชุมนุมประท้วงรุนแรงขึ้น


วันนี้ ( 29 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ก่อนการประชุมคณะกรรมการบริษัทการบินไทยซึ่งมีนายอำพน กิตติอำพน เป็นประธานการประชุม ได้มีกลุ่มพนักงานการบินไทย 2 กลุ่ม เดินทางมารวมตัวชุมนุม ที่บริเวณหน้าอาคาร 1 บริษัทการบินไทย แบ่งเป็นกลุ่มที่มาให้กำลังใจบอร์ด การบินไทยพร้อมถือป้ายสู้ ๆ พร้อมดอกกล้วยไม้สีม่วงให้กำลังใจ ส่วนอีกกลุ่มข้างๆ กันเป็นกลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย  นำโดยนางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพฯ ร่วมกับกลุ่มสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ถือป้ายขับไล่นายอำพน ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากไม่พอใจที่ไม่ออกมาชี้แจงถึงสาเหตุเลิกจ้างนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทการบินไทย


สำหรับบรรยากาศการชุมนุมแม้ว่า ทั้ง 2 กลุ่ม จะยืนชุมนุมอยู่ข้าง ๆ กัน แต่ไม่มีความรุนแรงแต่อย่างใด  เพียงแต่ทั้ง 2 ฝ่าย ต่างยืนตะโกนตอบโต้กันไปมาเท่านั้น จากนั้นในเวลา 10.00 น. ได้มีตัวแทนบอร์ดการบินไทยออกมารับมอบดอกกล้วยไม้จากกลุ่มผู้สนับสนุน จากนั้นกลุ่มผู้สนับสนุนได้แยกย้ายกันกลับไปทำงาน เหลือเพียงกลุ่มผู้คัดค้านลงมารับมอบหนังสือจากสหภาพฯ



นางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย กล่าวว่า สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย จะให้เวลาบอร์ด 7 วันตอบคำถามทั้งหมด  8 ข้อ คือ 1.กระทรวงการคลังจะลดหุ้นการบินไทยจาก 51% ให้เหลือ 25%  2.นโยบายลดค่าใช้จ่ายกระทบพนักงานแต่ประธานบอร์ดบริจาคเงินให้องค์กรภายนอก ไปแล้วทั้งหมดเท่าไหร่  120 ล้านบาท  80 ล้านบาทหรือ 30 ล้านบาท 3.ข่าวว่าการบินไทยขาดทุน อยากทราบว่าเพราะอะไร ใครจะเป็นผู้นับผิดชอบ 4.บอร์ดเปลี่ยนกฎการเยียวยาน้ำท่วมทำให้พนักงานเดือดร้อนใครจะรับผิดชอบ 5.บอร์ดสั่งให้ลดค่าใช้จ่ายพนักงาน แต่ทำไมบอร์ดไม่ลดเบี้ยประชุม และสิทธิประโยชน์ตัวเองลง  6.ขอความจริงเรื่องการจัดซื้อเครื่องบิน 38 ลำมูลค่า 2.4 แสนล้านบาทด้วย 7.เงินค่าชี้วัดผลงาน (เคพีไอ) 100 ล้านบาทจะจ่ายเมื่อไหร่  และ 8.บอร์ดอนุมัติกรอบวงเงินขึ้นเงินเดือนครั้งที่ผ่านมา 430 ล้านบาทโดยรวมเงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และภาษี บอร์ดกระทำการผิดสภาพการจ้าง ประธานบอร์ดต้องคืนเงิน 86.7 ล้านบาทให้พนักงาน


ทั้งนี้ หากไม่ได้รับคำตอบภายใน 7 วันตามที่ขีดเส้นให้จะยกระดับการชุมนุมขั้นเบ็ดเสร็จเด็ดขาด โดยจะรวมตัวกันของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจทั้งหมดมาร่วมชุมชุมกันที่การบินไทย สำนักงานใหญ่อีกครั้ง.

“อนุดิษฐ์” ไม่กังวลสตง.ตรวจสอบแท็บเล็ตป.1





“อนุดิษฐ์” ไม่กังวลสตง.ขอเอกสารตั้งกรรมการแท็บเล็ตทุกชุด ชี้เป็นไปตามกระบวนการของสตง. เรื่องแท็บเล็ตจบแล้วทุกอย่างเดินตามขั้นตอน
วันนี้ (25 มิ.ย.) น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) เปิดเผยถึงกรณี สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ส่งหนังสือถึงปลัดกระทรวงไอซีที เพื่อขอหนังสือเกี่ยวกับคำสั่งที่ได้แต่งตั้งคณะกรรมการทุกชุดที่เกี่ยวข้องกับโครงการคอมพิวเตอร์มือถือสำหรับนักเรียนทุกคน (One Tablet PC Per Child) หรือแท็บเล็ต ป.1 เนื่องจากมีรายชื่อของคณะอนุกรรมการจัดซื้อแท็บเล็ตจำนวน 3 รายชื่อซ้ำอยู่ในคณะกรรมการตรวจรับแท็บเล็ต ว่า เป็นการทำหน้าที่ตามปกติของ สตง. ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการตรวจสอบการใช้งานของแผ่นดิน


“สตง.ขอเอกสารต่างๆ มา กระทรวงไอซีทีก็จัดส่งเอกสารไปให้ตามขั้นตอน ไม่ได้มีอะไรที่ต้องกังวลทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ และเป็นไปตามหน้าที่ของสตง.” รมว.ไอซีที กล่าว


น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า วันนี้เรื่องของแท็บเล็ตป.1 ถือว่าจบแล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนเมื่อสโคปจัดส่งแท็บเล็ตมาให้ไทยกระทรวงศึกษาธิการไปรับและคณะกรรมการตรวจรับและตรวจสเปกก็ทำหน้าที่ เมื่อแล้วเสร็จกระทรวงศึกษาธิการก็นำไปแจกจ่าย

เคสคอมพิวเตอร์แฮนด์เมด สองหนุ่มไทยจดสิทธิบัตรอเมริกา




เคสคอมพิวเตอร์แฮนด์เมด แบรนด์ คอมเชลล์ สำหรับโน้ตบุ้ก ไอแพด และอัลตร้าบุ้ก ของสองหนุ่มไทย คิดและออกแบบเอง จดสิทธิบัตรในสหรัฐอเมริกา เน้นเจาะตลาดบน  ควบคุมคุณภาพทุกใบ
นาย รุ่งฤทธิ์ กฤตยพงษ์  กรรมการผู้จัดการบริษัท อิควิตัส จำกัด  เจ้าของไอเดียและสิทธิบัตรกระเป๋าสำหรับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ้ก คอมเชลล์ (Komshell) กล่าวถึงแนวคิดการออกแบบกระเป๋าใส่โน้ตบุ้กคอมเชลล์ ว่า  แนวคิดนี้เกิดขึ้นเมื่อครั้งไปเรียนต่อสาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยคอร์แนล สหรัฐอเมริกา  ปกตินี้นักศึกษาจะใช้คอมพิวเตอร์เพื่อจดเล็คเชอร์แทนสมุด บางครั้งเดินเบียดกันทำให้คอมพิวเตอร์หล่นได้รับความเสียหาย จึงคิดว่าจะมีเคสหรือกระเป๋าใส่โน้ตบุ้กที่สามารถป้องกันความเสียหายและเปิดใช้งานได้ทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาเปิดกระเป๋า จึงร่างแบบไว้คร่าวๆ  และนำกลับมาให้ช่างเย็บหนังที่เมืองไทยทำให้ เมื่อกลับไปเรียนต่อจึงไปจดสิทธิบัตรที่อเมริกา ซึ่งมีผลคุ้มครองถึง 20 ปี


จุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของคอมเชลล์ ก็คือ บริเวณด้านล่างออกแบบให้เป็นฝาปิดเปิดสำหรับระบายความร้อนจากเครื่องขณะใช้งาน แม้จะวางบนเตียงก็ระบายความร้อนได้ดี เมื่อมีเพื่อนซึ่งเป็นนักออกแบบมาร่วมงานก็ออกแบบให้มีที่รองเมาส์เพิ่มขึ้นมา 


ด้านนายภาณุรัฐ แสงเทียน นักออกแบบซึ่งเป็นผู้ร่วมงานของอิควิตัส ซึ่งจบการศึกษาด้านออกแบบผลิตภัณฑ์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เปิดเผยว่า มาร่วมงานคอมเชลล์ โดยรับหน้าที่นำการออกแบบและฟังค์ชั่นการใช้งานมารวมกันเพื่อให้ได้กระเป๋าโน้ตบุ้กที่ใช้งานได้เต็มที่ ตนและนายรุ่งฤทธิ์จะช่วยกันดูเรื่องการออกแบบ เมื่อลงตัวแล้วจึงนำไปผลิตเพื่อจำหน่าย ขณะนี้วัสดุที่ใช้ออกแบบของคอมเชลล์ มีหนัง ผ้ายีนส์และพีวีซี


ทั้งนี้ ทุกขั้นตอนการผลิต จะผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียด จะไปเลือกวัสดุทุกชิ้นด้วยตัวเอง เป็นกระเป๋าใส่โน้ตบุ้กแบบแฮนด์ทุกใบ  ตัดเย็บโดยช่างฝีมือที่เชี่ยวชาญการเย็บหนังจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา  จะเน้นไม่ผลิตปริมาณมาก แบบโรงงานอุตสาหกรรม เพราะต้องการเน้นเรื่องคุณภาพให้ใช้นาน ๆ และเจาะกลุ่มลูกค้าตลาดบน เนื่องจากผลิตด้วยงานฝืมือ จึงมีราคาสูง  ถ้าเป็นหนัง ราคา 3,600-4,500 บาท ผ้ายีนส์ 1,800-3,100 บาท และพีวีซี ราคาถูกที่สุด  มีวางจำหน่ายที่สยามพารากอน และเดอะมอลล์ ทุกสาขา รวมถึงร้านลอฟท์ สนใจดูรายละเอียดที่ www.Komshell.com


ขณะนี้อยู่ระหว่างออกแบบเคสสำหรับไอแพด และอัลตร้าบุ้ก โดยจะเน้นใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบา เพื่อไม่ให้มีน้ำหนักมากเกินไปเมื่อใส่อุปกรณ์ กำลังพิจารณาเลือกใช้วัสดุในท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย

D-SLTเทคโนโลยีโซนี่ สู้กล้องมืออาชีพD-SLR





โซนี่ชูเทคโนโลยีไร้กระจก ดี-เอสแอลที “ทรานส์ลูเซนต์” ต่อกรเจ้าตลาด ดีเอสแอลอาร์ ยกจุดเด่นถ่ายต่อเนื่องกับวัตถุเคลื่อนที่ได้ดีกว่า

ตลาดกล้องถ่ายภาพชนิดD-SLR (ดีเอสแอลอาร์) หรือกล้องสะท้อนภาพเลนส์เดี่ยว ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้บริโภคส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับยี่ห้อที่ครองตลาดมานาน และนักถ่ายภาพมืออาชีพนิยมใช้ ซึ่งแข่งขันกันอยู่เพียง 2 ราย ได้แก่นิคอนและแคนนอน มีรายงานว่า โซนี่ ที่มีกล้องแบบสะท้อนภาพเลนส์เดี่ยวอยู่ด้วย ได้ปรับตัวเน้นให้ความสำคัญกับกล้อง D-SLT โดย T หมายถึงทรานสลูเซนต์ มิเรอร์ เทคโนโลยี หรือเทคโนโลยีกระจกโปร่งแสง ที่โซนี่พัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้ในกล้องมิเรอร์เลส ขึ้นเพื่อสร้างความแตกต่าง

ผู้บริหารโซนี่ อธิบายว่า เทคโนโลยีกระจกโปร่งแสง ถือเป็นหัวใจหลักของกล้องโซนี่อัลฟ่า D-SLT (Digital Single Lens Translucent) ซึ่งทำให้มีความแตกต่างจากกล้องดิจิทัลชนิดเปลี่ยนเลนส์ได้ยี่ห้ออื่นๆ ในท้องตลาด จุดเด่นที่แตกต่างอย่างชัดเจนคือ ระบบออโต้โฟกัสที่ทำงานได้ต่อเนื่องตลอดเวลา คุณสมบัติที่สำคัญต่อผู้ใช้ เนื่องจากบางสถานการณ์ วัตถุที่ต้องการจะถ่าย เคลื่อนที่อยู่ตลอด เช่น เด็กที่กำลังวิ่งเล่น หรือสัตว์เลี้ยง จำเป็นต้องใช้ออโต้โฟกัสที่ตอบสนองอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ระบบออโต้โฟกัสในกล้องดีเอสแอลอาร์ ทั่วไป จะหยุดทำงานเมื่อกระจกดีดขึ้น เพื่อบันทึกภาพ แต่กล้องโซนี่ดีเอสแอลที ระบบนี้ ยังทำงานต่อเนื่องตลอดเวลา เพราะเทคโนโลยีกระจกโปร่งแสง ไม่มีการดีดของกระจกสะท้อนภาพ ขณะบันทึกภาพ หรือในขณะใช้ระบบไลฟ์วิว (ถ่ายภาพโดยเล็งจากจอมองภาพด้านหลัง) และขณะบันทึกภาพวิดีโอแบบความคมชัดสูง

“เทคโนโลยีนี้ทำให้กล้องโซนี่ชนิดถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ มีคุณสมบัติถ่ายภาพต่อเนื่องได้มากกว่าและเร็วกว่า  รวมทั้งมีระบบออโต้โฟกัสที่ทำงานต่อเนื่องตลอดเวลา” ผู้บริหารของโซนี่กล่าว
ปัจจุบันตลาดกล้องดิจิทัลชนิดเปลี่ยนเลนส์ได้ มีการขยายตัวอย่างมาก โดยเฉพาะกล้องมิเรอร์เลส (ไร้กระจก) เพิ่มขึ้นถึงสองเท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว  ส่วนกล้องดีเอสแอลอาร์มีอัตราเติบโต 50%

กล้องชนิดเปลี่ยนเลนส์ได้ของโซนี่  คือ กล้องโซนี่ ตระกูล อัลฟ่า แบ่งออกเป็น สองประเภท คือ กล้อง เอ-เมาท์ ( ดี-เอสแอลที) และกล้องอี-เมาท์ หรือกล้อง NEX (เอ็นอีเอกซ์)

แท็บเล็ตป.1 กับคำถามในใจ - คู่ขนาน





นับตั้งแต่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) ดำเนินการโครงการคอมพิวเตอร์มือถือสำหรับนักเรียนทุกคน (One Tablet PC Per Child) หรือแท็บเล็ตป.1เมื่อวันที่ 22 ก.พ.55

โครงการแท็บเล็ตป.1 ก็เป็นที่จับจ้องของสังคมอย่างต่อเนื่อง กระทั่งวันที่ 10 พ.ค.55 กระทรวงไอซีทีได้เซ็นสัญญาจัดซื้อแท็บเล็ตป.1กับ บริษัท เสิ่นเจิ้น สโคป ไซแอนทิฟิก ดีเวลลอปเมนต์ จำนวน 400,000 เครื่อง ซึ่งเป็นสัญญาประเภทสั่งซ้ำได้ในสเปกเดิมราคาเดิม เนื่องจากกระทรวงไอซีทีต้องสั่งซื้อประมาณ 1 ล้านเครื่อง

และ 22 พ.ค.55 สโคปส่งแท็บเล็ต 2,000 เครื่องตามทีโออาร์มาให้คณะกรรมการตรวจรับและตรวจสเปกของกระทรวงไอซีทีตรวจสอบ นับจากวันนั้นเกิดคำถามขึ้นมากมายเกี่ยวกับสเปกและทีโออาร์ที่มีความเข้าใจในการตีความแตกต่างกัน?

อาทิ กรณีปลั๊กไฟที่ระบุว่าต้องมีระบบสายดิน ซึ่งมีข้อกังขาว่าต้องเป็นปลั๊กแบบ 2   ขา หรือ 3 ขา ที่สุดแล้วคำตอบที่ได้คือตีความว่า “ปลั๊กไฟต้องสามารถประยุกต์ใช้กับประเทศไทยได้” นั่นคือปลั๊กแบบ 2 ขา

ขณะที่ประเด็นมาตรฐานการรับรองการแผ่กระจายคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ทีโออาร์ระบุไว้ว่าต้องเป็น CISPR 22 หรือ FCC (Federal Communications Commissions) หรือเทียบเท่า ซึ่งสโคปใช้มาตรฐานรับรองการแผ่กระจายคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสากลตามมาตรฐานของ CE หรือ Conformite Europeene ซึ่งเป็นมาตรฐานที่เทียบเท่ากับ FCC จึงถือว่าเป็นไปตามทีโออาร์

เวลานี้แท็บเล็ต 1 หมื่นเครื่องถึงไทยแล้วตั้งแต่ 22 มิ.ย.นี้และจะทยอยส่งมาเรื่อยๆ จนครบ 4 แสนเครื่องในวันที่ 18 ส.ค.นี้

ขณะที่การจัดส่งไปถึงมือเด็กป.1 จะเริ่มขึ้นในต้นเดือนก.ค.นี้ โดยเรียงตามตัวอักษรของชื่อจังหวัด และ “กระบี่” ก็เป็นจังหวัดแรกที่จะได้รับแท็บเล็ตป.1

อีกคำถามที่เกิดขึ้นคือ การเรียนการสอนของโรงเรียนที่จะได้รับแท็บเล็ตป.1ไปแจกเด็กๆ พร้อมหรือยัง ที่จะใช้แท็บเล็ต เพื่อเป็นสื่อดิจิทัลแบบหนึ่งในการเรียนการสอน?

โจรในคราบแท็กซี่พาสาวบินไทยซิ่งนอกเส้นทาง มีดจี้ชิงทรัพย์








ก่อนหยุดจอดกดล็อกประตู พร้อมสั่งเอากระเป่ามา พนง.ฝ่ายครัวการบินไทยที่เป็นเหยื่อกลัวถูกทำร้ายจึงยอม โชคดีขณะขึ้นรถบอกข้อมูลแท็กซี่กับเพื่อนไว้
วันนี้ (1 ก.ค.) น.ส.ชลลดา จาระสิทธิ์ บ้านเลขที่  2001/102ซ.สุขุมวิท 101/1 แขวงบางจาก เขตพระโขนง เป็นพนักงานฝ่าย ทำครัวของ บริษัท การบินไทย  จำกัด (มหาชน) เดินทางเข้าแจ้งความ พ.ต.ท.พงศพิเชฐ จำปางาม พงส.(สบ 3) สน.ลาดกระบัง ว่าถูกโชเฟอร์แท็กซี่ โตโยต้า อัลติส สีเขียวเหลือง ป้ายเหลืองทะเบียน มจ 621 กทม. ใช้อาวุธมีดจี้ชิงทรัพย์

น.ส.ชลลดา เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนและเพื่อนๆไปสังสรรค์กันที่สถานบันเทิงย่านอาร์ซีเอ หลังจากงานเลี้ยงเลิก จึงขอตัวลาเพื่อนกลับบ้าน โดยเรียกแท็กซี่คันดังกล่าว ให้ไปส่งที่ศรีนครินทร์ จากนั้นตนได้นั่งที่เบาะหลังด้านซ้ายของรถแท็กซี่ กระทั่ง พอมาถึง ถนนพระราม9 จู่ๆโชเฟอร์ก็ขับออกนอกเส้นทางไปวิ่งทางถนนคู่ขนานมอเตอร์เวย์  จึงรีบทักท้วงทันที แต่โชเฟอร์กลับหันมาบอกว่า เป็นทางลัด ซึ่งตนก็ไม่กล้าจะต่อปากต่อคำ

ต่อมา รถได้มาจอดที่หน้าวัดคุณแม่จันทร์ ถนนเลียบทางคู่ขนาน มอเตอร์เวย์ แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง ทันใดนั้นเอง จากโชเฟอร์ปกติก็กลายเป็นโจรทันที โดยคนร้ายได้กดปิดล็อกประตู  และสั่งให้ส่งกระเป๋ามา ตนกลัวว่าจะถูกทำร้าย จึงได้ยื่นกระเป๋าถือให้ไป เงินสด 1,500 บาท โทรศัพท์ ไอโฟน   แบล็คเบอร์รี่ และบัตรต่างๆ รวมทรัพย์สินที่ได้ไปมูลค่า 5 หมื่นบาท จากนั้น ตนได้พยายามเปิดล็อกรถจขนสำเร็จ และรีบวิ่งหลบหนีขอความช่วยเหลือ

พ.ต.ท. สายันต์  เพ็ชรยืนยง รอง ผกก.สน.ลาดกระบัง จากการสอบปากคำผู้เสียหายแล้วพบว่า ผู้เสียหาย ได้มีการโทรคุยกับเพื่อน ว่าได้ขึ้นรถแท็กซี่  ยี่ห้อ-ทะเบียน อะไรกลับบ้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี กับผู้โดยสารทุกคน และสามารถจดจำในรายละเอียดเพื่อรวบรวมไว้เป็นหลักฐานได้ง่าย ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เช็คทะเบียนอยู่คาดว่าได้ตัวเร็วๆนี้แน่นอน





โจรงัดแงะหมดท่าเจ้าของบ้านเห็น-เผ่นหนีเข้าครัวไม่รอด





เผยเมียเจ้าของบ้านตื่นมาเห็นเข้าพอดี ตัดสินใจตะโกนเรียกผัว คนร้ายตกใจวิ่งหนีเข้าครัวเจอทางตัน ผู้เสียหายกดประตูล็อกขังเรียกตร.รวบเข้าซังเต
วันนี้(1 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองอ่างทอง ได้รับแจ้งจาก นายบุญเรือง  อาจละออ อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 73/6 ม. 11 ต. บ้านอิฐ อ. เมือง จ. อ่างทอง ได้ควบคุมตัวคนร้ายไว้ได้ ให้มาพาตัวไปดำเนินคดี  รุดไปตรวจสอบพบ

ที่เกิดเหตุเป็นหมู่บ้านชุมชนไลอ้อน อยู่ที่ ต.บ้านอิฐ  อ.เมือง จ.อ่างทอง พบ นายบุญเรือง เจ้าของบ้าน ยืนรอให้การกับตำรวจว่า ได้ขังคนร้ายที่เข้ามาขโมยของในบ้านเอาไว้ในห้องครัว อยากให้เข้าไปจับกุม จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจสอบในห้องครัว พบนายวีรยุทธ ใจใหญ่ อายุ 21 ปี นั่งอย่างหมดอาลัยตายอยาก ถายในตัวพบ ไขควงแฉก ครีมตัดสายไฟ  เงินสด 1,400 บาท

สอบถาม นางนิภาพร หวลใจ อายุ 48 ปี ภรรยานายบุญเรือง เล่าว่า บ้านตน ดัดแปลงร้านเป็นร้านขายของ ก่อนเกิดเหตุได้ ตนเพิ่งจะตื่นนอนมา เนื่องจากต้องไปตลาดเพื่อไปซื้อของมาเตรียมขาย แต่ต้องตกใจสุดขีด เมื่อเห็นรองเท้าหน้าแปลกๆวางอยุ่หน้าบ้าน จึงพยายามลองแอบดู ก็พบเงาคนร้ายย่องเดินเข้ามาภายในบ้าน จึงตัดสินใจตะโกนเรียกนายบุญเรือง จนคนร้ายตกใจรีบวิ่งหนีเข้าไปในห้องครัวซึ่งเป็นห้องตัน ทำให้รีบปิดประตูและกดล็อกห้องทันที ก่อนแจ้งเจ้าหน้าที่มารับตัว

ซิ่งคัมรีชนแหลกปีนฟุตปาธพุ่งชนบ้านวินาศสันตะโร





พนง.บริษัทเอกชน ขับคัมรี่ปีนขึ้นฟุตปาธ สอยกระถางต้นไม้ ตู้ดทรศัพท์ ล้มระเนระนาด ก่อนทะลุเข้าไปในร้านขายก๋วยเต๊๋ยว เสียหายยับ เจ้าตัวอ้าง โดน จยย.ปาดหน้า ต้องหักพวงมาลัยกะทันหันจนเสียหลักพุ่งชน
วันที่ 1 ก.ค. ร.ต.ท.สุชิน พงษ์คำพันธ์ พงส.(สบ1) สน.ทองหล่อ ได้รับแจ้งอุบัติเหตุรถพุ่งชนเข้าไปในบ้านเลขที่ 2814 ถนนพระราม4 แขวงและเขตคลองเตย ได้รับความเสียหาย จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เป็นตึกแถวสูง 3 ชั้น 3 คูหา เปิดเป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยวและอาหารตามสั่งไม่มีชื่อ อยู่บริเวณทางโค้งเยื้องกับศูนย์จำหน่ายและซ่อมรถบีเอ็มดับเบิ้ลยู สาขาพระราม 4 เพียงเล็กน้อย

บริเวณหน้าบ้านดังกล่าวพบรถยนต์ โตโยต้า คัมรี่ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ศฉ 5037 กทม.พุ่งขึ้นมาบนฟุตปาธ เฉี่ยวกระถางต้นไม้หน้าบ้านและตู้โทรศัพท์ของบริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) ก่อนพุ่งชนประตูเหล็กหน้าบ้าน จนทำให้เสาปูนหักพัง ส่วนสภาพรถด้านหน้าพังยับอัดติดอยู่กับเสาประตู กันชนหน้ารถหลุด โดยผู้ขับรถคือ นายสมหวัง ลีลาวราลักษณ์ อายุ 28 ปี พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง อยู่บ้านเลขที่ 35/6 หมู่5 ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เจ้าของรถยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
             

จากการสอบสวน นายสมหวัง ให้การว่า ตนเพิ่งออกมาจาก รพ.เทพธารินทร์ ซึ่งใกล้กับจุดที่ชน เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน พอมาถึงที่เกิดเหตุเป็นถนนสามเลน มีทางโค้งเลี้ยวซ้าย ตนขับอยู่ที่เลนกลาง จากนั้น จู่ๆก็มี รถ จยย.ไม่ทราบยี่ห้อ และทะเบียน ที่ขี่ตีคู่รถตนมาจากเลนขวา จากนั้นรถคันดังกล่าวก็หักรถเลี้ยวซ้ายปาดหน้ารถตนอย่างกะทันหัน ด้วยความตกใจ ตนจึงหักพวงมาลัยไปทางซ้ายทันที ทำให้รถเสียหลักพุ่งขึ้นพุ่งชนบ้านดังกล่าว แต่ โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ


ทางด้าน นางเซาะจู จันทรสี่ทิศ อายุ 70 ปี เจ้าของบ้านหลังดังกล่าว ให้การว่า ที่บ้านเปิดเป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อและอาหารตามสั่งไม่มีชื่อ ก่อนเกิดเหตุตนและลูกๆ นอนอยู่ที่ชั้นบนได้ยินเสียงดังปั้งบริเวณหน้าบ้านจึงพากันลงมาดู ก็พบรถเก๋งคันดังกล่าวพุ่งเข้ามาชนประตูบ้านและเสาประตูจนแตก ซึ่งบริเวณนี้มักจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นเป็นประจำเนื่องจากเป็นทางโค้ง ตนจึงเอากระถางต้นไม้มาตั้งไว้ที่ฟุตปาธเพื่อป้องกันรถแหกโค้งเข้ามาชนคนในบ้าน ซึ่งหากไม่เอากระถางต้นไม้มาวางไว้รถคันนี้ก็น่าจะพุ่งเข้าไปในร้านชนข้าวของได้รับความเสียหายมากกว่านี้   เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหาย

แดงอุดรปลุกม็อบใหญ่ หากศาลรธน.วินิจฉัยไม่ถูกใจประชาชน





ลั่นหาก 5-6 ก.ค.นี้ผลการไต่สวนตรงข้ามกับความคิดประชาชน พร้อมนัดชุมนุมใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์ โอ่คนแน่นหน้าศาลากลางทุกจังหวัดภาคอีสาน
วันนี้ ( 1 ก.ค.) นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร กล่าวว่า ตอนนี้พรรคเพื่อไทยและกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)ยังมีความกังวลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 โดยเฉพาะในการไต่สวนวันที่ 5 -6 ก.ค.นี้ พวกเราคาดว่าศาลรัฐธรรมนูญมีธงไว้แล้ว พวกเราจึงต้องขอบอกประชาชนคนเสื้อแดงทั่วทั้งแผ่นดินเตรียมพร้อมเอาไว้ ถ้าวันที่ 5-6 ก.ค.ผลการตัดสินเป็นตรงข้ามกับประชาชนคนทั้งประเทศ จะทำให้เสื้อแดงไม่อยู่นิ่งแน่นอนคงต้องออกมามาชุมนุมครั้งยิ่งใหญ่กว่าทุกครั้งที่ผ่านมา โดยเฉพาะคนเสื้อแดงทั่วทั้งภาคอีสานจะออกมาชุมนุมที่หน้าศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัดอย่างแน่นอน เพื่อไม่ยอมรับคำตัดสินหรือคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แม้ว่าปัจจุบันพรรคเพื่อไทยจะได้เป็นรัฐบาลก็ไม่สามารถบริหารบ้านเมืองได้ และให้มี พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ หรือแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 ไม่ได้ตามที่กล่าวไว้ในสภาผู้แทนหลังจากมาเป็นรัฐบาล เมื่อฝ่ายตรงข้ามพรรคเพื่อไทยไม่ต้องการปรองดองด้วย ก็ไม่เป็นไรเราก็ไม่ปรองดอง

ศาลฎีกาฯนัดตัดสินคดีเพิกถอน 3 ส.ว.พ้นเก้าอี้





ชี้ชะตา "ศรีสุข" ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งซ่อม ส.ส.นนทบุรี "สัก" พ้นตำแหน่งเดิมไม่ถึง 5 ปีและ "ประจิตต์" ไม่ไปเลือกตั้ง ส.ส.ปทุมธานี และไม่แจงเหตุผล
วันนี้ ( 1 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความคืบหน้ากรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) สั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ส.ว. สรรหา 3 ราย ประกอบด้วย นายศรีสุข รุ่งวิสัย ส.ว.สรรหา ที่กกต.มีมติให้ส่งเรื่องต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ขอให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี เนื่องพบว่า นายศรีสุข เพราะไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งซ่อมส.ส. นนทบุรี เมื่อวันที่ 25 ม.ค.2552 จึงเป็นเหตุให้ต้องสิ้นสุดความเป็นส.ว.สรรหา ซึ่งกรณีของนายศรีสุข นี้ศาลฎีกาฯ ได้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 3 ก.ค.นี้


และนัดอ่านคำพิพากษากรณีของนายสัก กอแสงเรือง ส.ว.สรรหา ในวันที่ 1 ส.ค. ที่กกต.มีมติให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง เนื่องจากเห็นว่า นายสักได้พ้นจากตำแหน่งวุฒิสภายังไม่ถึง 5 ปี ณ วันที่ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับการสรรหา เมื่อวันที่ 12 เม.ย. 2554 จึงเป็นเหตุให้ต้องสิ้นสุดความเป็น ส.ว.


ส่วนกรณีของนายประจิตต์  โรจนพฤกษ์ ส.ว.สรรหา ที่ขาดคุณด้วยเหตุเดียวกันคือไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.ปทุมธานี แทนตำแหน่งที่ว่าง เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2552 รวมทั้งไม่ได้แจ้งเหตุแห่งการไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง จึงทำให้ต้องสิ้นสุดความเป็นส.ว.สรรหานั้นกรณีนี้ศาลฎีกาฯ นัดฟังคำพิพากษาวันอังคารที่ 14 ส.ค.55

เสี่ยโรงพิมพ์อ้างเป็นนักข่าวเดลินิวส์รีดเหยื่อ1.8แสน





กรณีจ่ายค่าวิ่งเต้นช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ไฟฟ้าที่นำมิเตอร์ไฟฟ้าไปติดให้ชาวบ้านลัดขั้นตอน จนถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวน
เมื่อเวลา  10.30 น. วันที่ 1 ก.ค. ร.ต.อ.นพดล กิ่งทอง พนักงานสอบสวน สภ.ท่าเรือ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี  ได้เรียกตัว นายจตุรพร สุขอินทร์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์และเดลินิวส์ทีวีประจำจังหวัดกาญจนบุรี เข้าไปให้ปากคำเป็นหลักฐาน กรณีมีผู้ไปแอบอ้างว่าเป็นผู้สื่อข่าวเดลินิวส์และเรียกเงินผู้เสียหายจำนวน  1.8  แสนบาท  เพื่อเป็นค่าช่วยเคลียร์ปัญหากับผู้ใหญ่ในหน่วยงาน โดย นายจตุรพร ชี้แจงว่า ในจังหวัดกาญจนบุรีมีผู้สื่อข่าวในสังกัดหนังสือพิมพ์เดลินิวส์และเดลินิวส์ทีวีทั้งหมดรวม 3 คน คือ นายคำทอง ศิริวัฒนพิเชษฐ์ นายปัญญา มังกโรทัย และตนเองเท่านั้น ตำรวจจึงขอถ่ายเอกสารบัตรผู้สื่อข่าว และบัตรประจำตัวประชาชนของ นายจตุรพร เอาไว้เป็นตัวอย่าง

จากนั้น  ร.ต.อ.นพดล เปิดเผยว่า เรื่องนี้เกิดจากกรณีที่ นายเอก (นามสมมุติ) เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสังกัดหนึ่ง ได้นำมิเตอร์ไฟฟ้าไปติดให้กับชาวบ้านในพื้นที่รับผิดชอบ  โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชา ทำให้ถูกตั้งคณะกรรมการตรวจสอบในข้อหาทุจริตต่อหน้าที่ เนื่องจากทำการลัดขั้นตอน จากนั้น นายเอก จึงคิดพิมพ์เอกสาร เพื่อขอคำยืนยันจากชาวบ้านว่าไม่มีเจตนาในการทุจริต ยืนยันสาเหตุที่กระทำการลัดขั้นตอนก็เพื่อที่จะให้ชาวบ้านสะดวกในการใช้บริการ จึงไปติดต่อโรงพิมพ์แห่งหนึ่ง โดยมี นายโต้ง (นามสมมุติ) เป็นเจ้าของโรงพิมพ์ ซึ่งหลังจากที่นายโต้งเห็นข้อความที่จะตีพิมพ์ จึงแอบอ้างว่า เป็นผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ระดับนายพลที่สามารถเคลียร์ปัญหากับผู้ใหญ่ในการไฟฟ้าได้ โดยเรียกค่าใช้จ่าย 180,000 บาท นายเอก หลงเชื่อจ่ายให้ไป 100,000 บาท  ยังเหลือค้างอีก 80,000 บาท

ต่อมานายเอกทราบว่า นายโต้ง ไม่ได้เป็นผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ตามที่แอบอ้างแต่อย่างใด จึงกลับไปขอเงินคืน แต่นายโต้งไม่ยอมคืนแถมยังข่มขู่กลับมา นายเอกจึงเดินทางเข้าแจ้งความกับตำรวจให้ดำเนินคดี ซึ่งจากนี้เจ้าหน้าที่จะส่งหมายเรียกนายโต้งมาให้ปากคำ 2 ครั้ง หากไม่มา ก็จะออกหมายจับทันที.

ม็อบมาบตาพุดเหยื่อโรงงานบีเอสทีโวยนานเกือบ 2 เดือน ยังไม่ได้เงินเยียวยา





ฮือจุดไฟเผาหุ่นรองผู้ว่าฯพร้อมขับไล่ในฐานะรับหน้าเสื่อประธานกรรมการเยียวยา รองผู้ว่าฯ ยันจะรีบเสนอโดยเร็วและนัดคุยใหม่วันพรุ่งนี้
วันนี้ ( 1 ก.ค.) ที่หน้าศูนย์ราชการจังหวัดระยอง อ.เมืองระยอง นายบวรวิช ภุชชงค์  ประธานชุมชนซอยร่วมพัฒนา ต.มาบตาพุด อ.เมืองระยอง พร้อมคณะกรรมการชุมชนฯแกนนำม็อบเหยื่อโรงงาน บีเอสที  อิลาสโตเมอร์ส จำกัด ระเบิดพาชาวบ้านซอยร่วมพัฒนาจำนวนกว่า 100 คน เดินทางมาชุมนุมที่ศูนย์ราชการจังหวัดระยอง ชูป้าย”ย้ายว่าที่ร้อยตรี สุพีร์พัฒน์ จองพานิช  รองผวจ.ระยองไปอยู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ภายใน 24 ชม.” “เปลี่ยนคณะกรรมการกลั่นกรองเยียวยาใหม่ทั้ง 2 คณะ ให้ประธานชุมชนทั้ง 33 ชุมชนเป็นคณะกรรมการกลั่นกรองแทน” พร้อมยื่นข้อเรียกร้อง 4 ข้อ โดยมีนายวราวุธ  ปิ่นเงิน  รองผวจ.ระยอง เป็นผู้รับหนังสือ


นายบวรวิช แกนนำม็อบเหยื่อโรงงานระเบิด กล่าวและว่าเนื่องจากนายเสนีย์  จิตตเกษม ผวจ.ระยอง ได้ลงนามตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองและเยียวยาให้กับชุมชนเทศบาลเมืองมาบตาพุด อ.เมืองระยอง รวม 2 คณะ โดยให้ว่าที่รต.สุพีร์พัฒน์ รองผวจ.ระยอง เป็นประธานคณะกรรมการฯทั้ง 2 คณะ กรณีบริษัท  บีเอสที อิลาสโตเมอร์ส จำกัด เกิดระเบิดเมื่อวันที่ 5  พ.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาบริษัท บีเอสทีอิลาสโตเมอร์ส จำกัดได้มอบเงินกองทุนจำนวน 16.6 ล้านบาท ให้กับจังหวัดเป็นผู้ดำเนินการ แต่ขณะนี้เวลาได้ล่วงเลยมานานเกือบ 2 เดือนแล้ว การพิจารณากลั่นกรองของคณะกรรมการฯชุดนี้มีความล่าช้า  ไม่คำนึงถึงความต้องการของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ดังนั้น 1.ให้ย้ายว่าที่รต.สุพีร์พัฒน์ จองพานิช รองผวจ.ระยอง ประธานคณะกรรมการกลั่นกรองทั้ง 2 คณะ ออกจากจังหวัดระยองไปอยู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ภายใน 24 ชม. 2.ให้เปลี่ยนคณะกรรมการกลั่นกรองใหม่ทั้ง 2 คณะ ให้ประธานชุมชน 33 ชุมชนเป็นคณะกรรมการกลั่นกรองแทน 3.ให้บริษัท บีเอสทีอิลาสโตเมอร์ส จำกัด และ บริษัท  อดิตยาเบอร์ล่าเคมีคัลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ต้นเหตุก๊าซคลอรีนรั่ว จัดหางบประมาณตั้งกองทุนดูแลสุขภาพประชาชน เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน 4.เร่งรีบพิจารณากลั่นกรองเยียวยาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนภายใน 7 วัน



ด้านนางนิตยา แย้มเกสร อายุ 42 ปี แม่ค้าขายของตลาดนัดซอยร่วมพัฒนา ต.มาบตาพุด กล่าวว่าวันเกิดเหตุโรงงานระเบิดเสียงดังสนั่นพื้นดินสะเทือน กลุ่มควันสีขาวฟุ้งกระจายทั่วบริเวณ ขณะที่พ่อค้าแม่ค้ากำลังขายของ ต้องหนีเอาชีวิตไว้ก่อนทุกคนทิ้งของขายจำนวนมาก หลังเหตุการณ์สงบกลับมาปรากฏว่าข้าวของเสียหายจำนวนมาก รวมทั้งปลาสดข้าวของที่เหลือก็ไม่มีใครมาซื้อ เงินเยียวยาที่ว่าจะได้รายละ 300 บาท มันช่วยอะไรได้ แต่จนป่านนี้แล้วก็ยังไม่ได้เงิน บริษัทฯให้เงินมานานแล้วทำไมไม่เอามาให้ชาวบ้านหรือจะรอให้โรงงานมันระเบิดซ้ำถึงจะจ่ายให้ หรือจะต้องให้ชาวบ้านออกไปประท้วงถึงจะได้เงิน



นายวราวุธ  ปิ่นเงิน  รองผวจ.ระยอง กล่าวว่ากรณีปัญหาเรื่องความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนจะรีบนำเสนอผู้ว่าราชการ จ.ระยองโดยเร็วและขณะนี้ได้รายงานเหตุการณ์ทางโทรศัพท์แล้ว ขอให้ตัวแทนประชาชนมาพบผู้ว่าราชการ จ.ระยองในวันจันทร์ที่ 2 ก.ค.นี้เพื่อเจรจาหาทางออกด้วยกัน จากนั้นแกนนำม็อบและชาวบ้านได้จุดไฟเผาหุ่นจำลองว่าที่รต.สุพีร์พัฒน์ ที่หน้าศูนย์ราชการ และแยกย้ายกันเดินทางกลับโดยไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด.

ทบ.ย้ำนักเรียนนักเลงไม่ต้องจับใบดำ-ใบแดงแค่ฝัน ทำจริงไม่ได้





แจงกรณี "บิ๊กตู่" หลุดปากให้นักเรียนนักเลงเป็นทหารเกณฑ์ไม่ต้องจับใบดำ-ใบแดงหวังเตือนสติ ชี้ยังทำจริงไม่ได้ เหตุติดข้อกฎหมาย เผยเตรียมจัดประชุมร่วม ศธ.จัดทำหลักสูตรอบรมให้สามารถเปิดหลักสูตรได้กลาง ก.ค.นี้
วันนี้ ( 1 ก.ค.)  พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ว่าอาจจะให้นักเรียนอาชีวะสร้างปัญหาให้กับสังคมเข้ามาเป็นทหารกองประจำการ โดยไม่ต้องผ่านการตรวจคัดเลือกหรือจับใบดำ-ใบแดงนั้น ว่าพล.อ.ประยุทธ์ทราบดีว่ายังไม่สามารถดำเนินการในลักษณะดังกล่าวได้ เนื่องจากติดข้อกฎหมายในปัจจุบัน แต่การพูดดังกล่าวต้องการเตือนและให้สติ การกระทำที่รุนแรงก้าวร้าวจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิตนั้นไม่เป็นผลดีต่อตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ เยาวชนเหล่านี้ต่อไปจะต้องเป็นผู้ใหญ่ ควรนำความรู้ความสามารถ และศักยภาพที่มีอยู่ของตนเองไปใช้ในเชิงสร้างสรรค์ และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมและประเทศชาติจะดีกว่า        



พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า สำหรับความคืบหน้าในเรื่องโครงการสุภาพบุรุษอาชีวะนั้นจะมีการประชุมร่วมกันกับทางกระทรวงศึกษาธิการอีกครั้งในที่ 2ก.ค. เพื่อปรับรายละเอียดของหลักสูตรการอบรมร่วมกันอีกครั้ง โดยเฉพาะเนื้อหาทางวิชาการที่จะเพิ่มเติมเข้ามา และคาดว่าจะสามารถดำเนินการเปิดการฝึกอบรมได้ในช่วงกลางเดือน ก.ค.นี้

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More

 
Design Downloaded from Free Blogger Templates Download | free website templates downloads | Vector Graphics | Web Design Resources Download.