ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามตำแหง บางกะปิ 083-792-5426

วันพฤหัสบดีที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555

หน่วยข่าวแจ้งเตือนบุคคลวีไอพีระวังตกเป็นเป้าหมายโจรใต้



วันนี้ ( 1 ส.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก  (บก.ทบ.) พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงภายหลังการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงของกองทัพบกที่มีพล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)เป็นประธานในการประชุมว่า ในที่ประชุมผบ.ทบ.ได้เล่าและแสดงความคิดเห็นกับผู้บังคับหน่วยได้รับทราบถึงการปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าสถานการณ์เริ่มตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งกองทัพบกเข้าไปมีส่วนช่วยแก้ไขตั้งแต่เริ่ม โดยเป็นไปตามกรอบยุทธศาสตร์ และนโยบายตามกรอบกฎหมาย ซึ่งการแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืนต้องมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน และหน่วยงานด้านความมั่นคงจะทำงานได้อย่างรวดเร็ว หากได้รับความร่วมมือจากประชาชน ทั้งนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยในปัญหาชายแดนภาคใต้ และสั่งการให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม เข้ามาขับเคลื่อน พร้อมีทั้งยังติดตามการแก้ปัญหาอย่างใกล้ชิด
 
“ปัญหาที่เกิดขึ้น ผบ.ทบ.ได้เล่าว่าอาจจะไม่สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจะต้องขับเคลื่อนแบบบูรณาการไปด้วยกัน ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ ทางผบ.หน่วยต้องชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการทำงาน และติดตามสถานการณ์เรียนรู้ถึงบทเรียนที่เกิดขึ้นร่วมกัน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ดีขึ้น   ส่วนกรณีที่นายกฯได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ ทางผบ.ทบ.จะได้ประชุมร่วมกับผบ.หน่วย เพื่อเตรียมการทำงานให้สอดคล้องตามที่รัฐบาลได้กำหนดขึ้นโดยพล.อ.ดาว์พงษ์  รัตนสุวรรณ รองผบ.ทบ.ที่ได้เข้าไปประชุมร่วมกับนายกฯเมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมาจะนำเนื้อหาสาระมาแจ้งให้หน่วยที่ปฏิบัติงานรับทราบ พร้อมกับหารือถึงการปฏิบัติที่จะสนับสนุนและสอดคล้องกับแนวทางการทำงานของศูนย์ฯ คาดว่า 1-2 วันจะมีความชัดเจน ทั้งนี้เหตุการณ์ความรุนแรงที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ให้ความสนใจเรื่องความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ที่ทำงาน โดยต้องนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาเรียนรู้ร่วมกัน ทั้งหน่วยที่เกิดเหตุและหน่วยที่จะลงไปปฏิบัติงาน รวมถึงหน่วยสนับสนุน แต่สิ่งสำคัญการแก้ไขปัญหาต้องยึดกฎหมายเป็นหลัก เราไม่สามารถปฏิบัตินอกเหนือจากนี้ได้”พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าว
เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ในการประกาศเคอร์ฟิวเพื่อแก้ปัญหาภาคใต้ พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวว่า  ผบ.ทบ.ระบุว่า ที่ผ่านมา พยายามให้ประชาชนได้ใช้ชีวิตตามปกติ ไม่ได้ตั้งกฎเกณฑ์ ถ้าจะต้องปรับเปลี่ยนและเกิดความไม่สะดวกกับประชาชน คงเป็นเรื่องลำดับหลังๆที่เราจะคิด แต่เจ้าหน้าที่ต้องระมัดระวังในการปฏิบัติในทุกเรื่อง สิ่งหนึ่งที่ผบ.ทบ.กำชับ คือ ให้หน่วยที่เกี่ยวข้องสั่งให้กำลังพลระมัดระวังใส่ใจเป็นพิเศษ ถือเป็นสิ่งที่เป็นมาตรฐานในการปฏิบัติ และต้องให้ความรู้กำลังพล และให้ระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสีย
 
เมื่อถามว่า ต้องปรับยุทธวิธีหรือไม่ พ.อ.ศิริจันทร์ กล่าวว่า ต้องเป็นไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และต้องปรับให้สอดคล้องกับความเป็นอยู่ของประชาชน ขณะนี้ยังคงปฏิบัติตามกรอบยุทธศาสตร์และยุทธวิธีตามที่รัฐบาล กระทรวงกลาโหม กองทัพบก และกอ.รมน.ได้วางไว้ ทั้งนี้ผบ.ทบ.ไม่ได้มีการประเมินสถานการณ์ภาคใต้ แต่เจ้าหน้าที่ด้านการข่าวได้ประเมินแนวโน้มของสถานการณ์ว่า อาจจะต้องมีความสุ่มเสียงเรื่องของเจ้าหน้าที่รัฐมากยิ่งขึ้นจึงต้องระมัดระวัง ส่วนเรื่องการสร้างความปลอดภัยให้เจ้าหน้าที่ผบ.ทบ.สั่งให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการ โดยร่วมมือกับหน่วยที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา วิจัย และพัฒนา กรมวิทยาศาสตร์ กระทรวงกลาโหมในการนำอุปกรณ์จากการวิจัยมาเป็นเครื่องมือในการทำงานหรือตรวจวัตถุระเบิด เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่
รายงานข่าวแจ้งว่า ในที่ประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงของกองทัพบกครั้งนี้ทางหน่วยงานทางด้านการข่าวได้มีการแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่ทหารให้มีความระมัดระวังต่อการก่อเหตุจากผู้ก่อความไม่สงบ เพราะขณะนี้เจ้าหน้าที่ผู้ใหญ่ที่จะไปร่วมกิจกรรม บุคคลสำคัญ บุคคลสาธารณะในพื้นที่ ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายในการก่อเหตุ ทั้งนี้ภายหลังจากการประชุมทางผบ.ทบ.ได้ประชุมพันธกิจร่วมกับกอ.รมน.เกี่ยวกับการตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้ทางกองทัพบกได้ให้รัฐบาลเลือก 1 ใน 3 สถานที่ คือ ทำเนียบรัฐบาล กองทัพบก และกอ.รมน. เพื่อจัดเป็นที่ตั้งของศูนย์ปฏิบัติการ โดยจะมีพล.อ.ยุทธศักดิ์  ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เป็นผอ.ศูนย์ นายยงยุทธ  วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย  พร้อมด้วยร.ต.อ.เฉลิม  อยู่บำรุง รองนายกฯ เป็นที่ปรึกษาศูนย์ฯ  โดยมี รมว.กลาโหม ปลัดกลาโหม และผบ.เหล่าทัพเป็นรองผอ.ศูนย์ และเสนาธิการทหารบกเป็นเลขานุการศูนย์ โดยศูนย์ดังกล่าวจะทำหน้าที่ในการติดตามสถานการณ์และรายงานตรงต่อผอ.ศูนย์และนายกฯ  รวมถึงอำนวยการแก้ไขสถานการณ์เบื้องต้น
สำหรับการประกาศเคอร์ฟิว หรือการห้ามประชาชนเข้า-ออกจากเคหะสถานในเวลากลางคืนนั้น เป็นข้อเสนอของกอ.รมน.ที่จะใช้บางมาตราของพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ) โดยจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี เห็นชอบเร็วๆนี้ โดยจะกำหนดเป็นกรอบกว้างๆ เน้นพื้นที่ที่เป็นเส้นทางย่อย เส้นทางลัด พื้นที่ที่ผู้ก่อเหตุสามารถหลบหนีได้ โดยรายละเอียดเส้นทางจะให้ทางกองทัพภาคที่ 4 ไปจัดทำแผนมา ซึ่งมีหลายร้อยเส้นทาง หากครม.เห็นชอบ คาดว่า จะให้แม่ทัพภาคที่ 4 ประกาศใช้ได้ภายหลังจบเดือนรอมฎอน

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More

 
Design Downloaded from Free Blogger Templates Download | free website templates downloads | Vector Graphics | Web Design Resources Download.