ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามตำแหง บางกะปิ 083-792-5426

วันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

พ่วงสะเพร่าขนแท่นเจาะชนสะพานลอยถล่มทับปิกอัพเคราะห์ร้ายดับสยอง













รถพ่วงสุดชุ่ยก่อเหตุซ้ำซ้อน 2 จุดรวด จุดแรกพ่วง 28 ล้อ ขนแท่นเจาะน้ำมันสูง 6 เมตร เกี่ยวสะพายลอยถนนบรมราชชนนีใกล้แยกสาย 3 พังถล่มทับปิกอัพ ดับสยองคาพวงมาลัย 1 ศพ จราจรอัมพาต ส่วนอีกจุด พ่วง 18 ล้อ ทำส่วนพ่วงหล่นบนสะพานข้ามคลองภาษีเจริญ ติดขัดเช่นกัน

เมื่อวันที่ 10 พ.ค.  ร.ต.ท.วสันต์ มั่นคง ร้อยเวร สน.ธรรมศาลา ได้รับแจ้งเหตุรถพ่วงเกี่ยวสะพานลอยโค่นลงมาทับผู้ขับรถยนต์เสียชีวิต บริเวณหน้าปั๊มน้ำมันบางจาก ถนนบรมราชชนนีขาออก ตัดถนนพุทธมณฑลสาย 3 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช เจ้าหน้าที่สำนักงานบำรุงทางธนบุรี กรมทางหลวง และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุอยู่บนถนนช่องทางเดินรถคู่ขนานเลนขวาสุด เจ้าหน้าที่พบรถกระบะยี่ห้อมาสด้า รุ่นบีที 50 สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บม 9630 พิษณุโลก บรรทุกเนื้อควายมาเต็มคัน จอดอยู่ในสภาพตัวถังรถด้านหน้าตั้งแต่ฝากระโปรงถึงห้องโดยสารถูกแผ่นคอนกรีตสะพานลอยร่วงลงมาทับจนพังบี้แบน เป็นเหตุให้ผู้ขับที่อยู่ในรถเสียชีวิตคาพ่วงมาลัย  ต่อมาทางหน่วยกู้ภัยได้ช่วยกันใช้อุปกรณ์ตัดถ่างนำร่างออกมาชันสูตรด้วยความทุลักทุเล โดยใช้เวลากว่า 30 นาที จึงนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาจากตัวรถได้ ทราบชื่อผู้ตายต่อมาคือ นายมนัส มะทะหมัด อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 101/801 หมู่ 7 แขวงลำผักชี เขตหนองจอก  สภาพใบหน้ายุบ กะโหลกศีรษะแตกเลือดปนมันสมองกระจายเกลื่อน แขนขาทั้งสองข้างหักผิดรูป เจ้าหน้าที่จึงส่งชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน บริเวณใกล้เคียง พบรถพ่วง 28 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน 70-6734 ชลบุรี ของ บจก.หลักทอง โลจิสติกส์ บรรทุกอุปกรณ์แท่นเจาะน้ำมันกลางทะเลขนาดใหญ่สูง 6 เมตร จอดแน่นิ่งอยู่ซึ่งมี นายทนงศักดิ์ สถิตเป้า อายุ 43 ปี เป็นโชเฟอร์ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ด้วยสีหน้าตื่นตกใจ โดยเจ้าตัวให้การอ้างว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนพร้อมเพื่อนได้ขับรถพ่วงมาด้วยกันรวม 3 คัน เพื่อไปรับอุปกรณ์แท่นเจาะน้ำมันจากโรงงานแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.แปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา ก่อนจะมุ่งหน้าไปส่งให้ลูกค้าที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยระหว่างที่ขับตามกันออกมา ทางนายจ้างได้จัดหารถเก๋งตำรวจจราจรกลางมาขับนำทางให้เพื่อความสะดวก  แต่ขณะที่ขบวนรถแล่นผ่านตรงจุดเกิดเหตุซึ่งตอนนั้นตนขับรถนำอยู่หัวขบวนในเลนซ้ายสุดกลับรู้สึกว่าท่อน้ำมันขนาดใหญ่ที่มีความยาวราว 10 เมตร และสูงจากพื้นดินเกือบ 6 เมตร ที่ติดตั้งอยู่กับอุปกรณ์แท่นเจาะน้ำมันด้านบนเกิดไปเกี่ยวชนกับสะพานลอยจนถล่มลงมา ก่แอนร่วงมาทับรถกระบะที่พยายามแซงออกทางเลนขวาจนทำให้คนขับรถกระบะเสียชีวิต แต่อย่างไรก็ตามรถพ่วงอีก 2 คัน ด้านท้ายสามารถหยุดรถได้ทันจึงไม่พุ่งชนกันซ้ำซ้อน ส่วนรถตำรวจที่เปิดไฟนำทางมาตั้งแต่ทีแรกก็ได้เร่งเครื่องหายไป ตนไม่แน่ใจว่าคนขับรถนำทางจะรู้หรือเปล่าเรื่องรถในขบวนประสบอุบัติเหตุ
ด้าน นายณรงค์ศักดิ์ นันทคำภิรา รองผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรม สำนักงานบำรุงทางธนบุรี กรมทางหลวง เปิดเผยว่า สะพานลอยดังกล่าวก่อสร้างขึ้นเพื่อให้คนเดินข้ามระหว่างถนนบรมราชชนนีฝั่งขาเข้าและขาออก มีระยะทางยาวประมาณ 60 เมตร สูงจากพื้นถนน 6 เมตร ส่วนพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายคือแผ่นคอนกรีตที่ใช้เดินเท้าพังถล่มลงมาทับเส้นทางการจราจรตลอดแนวในฝั่งขาออกยาวกว่า 30 เมตร น้ำหนักร่วม 30 ตัน มูลค่าราว 3 ล้านบาทเศษ เบื้องต้นขณะนี้ได้ประสานให้รถเครนขนาดใหญ่ จำนวน 4 คัน เร่งเดินทางมาช่วยกันยกแผ่นคอนกรีตให้พ้นทางการจราจรแล้วคาดว่าจะใช้เวลานานกว่า 6 ชั่วโมง ถึงแล้วเสร็จจนสามารถเปิดเส้นทางการจราจรให้ประชาชนสัญจรใช้งานได้ตามปกติ
ส่วน ร.ต.ท.วสันต์ กล่าวว่า เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว นายทนงศักดิ์ โชเฟอร์รถพ่วงไปทำการสอบสวนที่สน. ก่อนที่จะแจ้งข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและทรัพย์สินทางราชการได้รับความเสียหาย เอาไว้ก่อน ส่วนเรื่องการช่วยเหลือชดเชยค่าทำศพของผู้เสียชีวิตและการชดใช้ความเสียหายทั้งหมดทางบริษัทเจ้าของรถได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ประกันภัยเข้ามาดำเนินการแล้ว สำหรับประเด็นที่มีรถตำรวจจราจรกลางขับนำขบวนรถพ่วงมานั้นยังไม่ทราบรายละเอียดเนื่องจากไม่ได้มีการประสานเอาไว้ก่อน
ขณะที่ พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บังคับการตำรวจจราจร (ผบก.จร.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถรื้อย้ายคานสะพานลอย และรถปิกอัพพร้อมผู้เสียชีวิตออกจากที่เกิดเหตุได้ โดยต้องรอรถยกขนาดใหญ่ ทำให้รถไม่สามารถใช้เส้นทางวิ่งผ่านได้ ส่งผลให้ขณะนี้การจราจรบนถนนบรมราชชนนีขาออกติดขัดมากถึงขั้นอัมพาต ท้ายแถวอยู่ที่ต่างระดับฉิมพลี เป็นระยะทางประมาณ 3 กม. ซึ่งผู้ที่จะใช้เส้นทางถนนบรมราชชนนีขาออกต้องเลี่ยงเส้นทาง เข้าใช้ถนนพุทธมณฑลสาย 2 สาย 3 ไปออกสาย 4

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีรายงานเพิ่มเติมอีกว่า มีรถพ่วง 18 ล้อ ทำส่วนพ่วงหลุดร่วงบนสะพานข้ามคลองภาษีเจริญ ภายในซอยเพชรเกษม 81 จนกีดขวางการจราจร ทำให้รถไม่สามารถวิ่งผ่านได้ แนะนำให้ผู้ขับขี่เลี่ยงใช้ซอยเพชรเกษม 69 ที่ทะลุเชื่อมต่อกันได้แทน เพราะเชื่อว่าเหตุดังกล่าวสร้างปัญหาจราจรอีกหลายชั่วโมง

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More

 
Design Downloaded from Free Blogger Templates Download | free website templates downloads | Vector Graphics | Web Design Resources Download.